Google Cloud ชี้เทรนด์ Digital Wealth ไทยมาแรง คาดมีมูลค่าแตะ 110,000 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2030 ประกาศจับมือตลาดหลักทรัพย์ฯ พัฒนาแพลตฟอร์ม ATLAS สำหรับให้บริการด้านคำปรึกษา การให้ข้อมูลกฏเกณฑ์ การกำกับดูแล และการตรวจสอบการซื้อขาย โดยจะเริ่มให้บริการกับบุคลากรของตลาดหลักทรัพย์ตั้งแต่ปี 2025 เป็นต้นไป และคาดว่าจะสามารถให้บริการแก่บุคคลภายนอกได้ในปี 2026
สำหรับแพลตฟอร์ม ATLAS (ย่อมาจาก Automated Thai Listed Company AI-Info System) ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อเป็นเครื่องมือในการวิเคราะห์ ประมวลผล และค้นหาข้อมูลอัจฉริยะ ที่สามารถสื่อสารอย่างเข้าใจง่ายใกล้เคียงกับมนุษย์ ซึ่งคุณถิรพันธุ์ สรรพกิจ รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานเทคโนโลยีสารสนเทศ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย มองว่า แพลตฟอร์มดังกล่าวสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้กับตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ในหลายด้าน
คุณถิรพันธุ์ สรรพกิจ รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานเทคโนโลยีสารสนเทศ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
ทั้งนี้ ATLAS ถูกพัฒนาขึ้นโดยใช้โมเดลของ Google Gemini 2.0 Flash ผ่าน Vertex AI ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มพัฒนา AI ระดับองค์กรของ Google สำหรับสร้างโซลูชัน AI ขั้นสูง โดยใช้ฐานข้อมูลของตลาดหลักทรัพย์ฯ ไม่เพียงเท่านั้น ทางตลาดหลักทรัพย์ฯ มีแผนที่จะพัฒนา ATLAS เพิ่มเติม เพื่อให้สามารถวิเคราะห์ข้อมูลแบบเรียลไทม์ ด้วยแพลตฟอร์ม BigQuery ของ Google Cloud และให้บริการได้ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงข้อมูลสำคัญได้ทันที
คุณถิรพันธ์กล่าวด้วยว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้มีการนำเทคโนโลยี AI มาช่วยงานแล้วในหลายด้าน เช่น การช่วยบริษัทจดทะเบียนแปลรายงานทางการเงินจากภาษาไทยเป็นภาษาอังกฤษ โดยใช้ Google Gemini 2.0 Flash เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ตรงและสอดคล้องกับบริบทเนื้อหาแวดล้อม ซึ่งภายหลังการเปิดตัวเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2568 มีบริษัทจดทะเบียนใช้งานแล้วกว่า 100 บริษัท
นอกจากนี้ยังมีการนำ AI มาใช้ในการแปลงเสียงวิดีโอจากงาน Opportunity Day เป็นข้อความ เพื่อให้นักลงทุนเข้าถึงข้อมูลทางการเงินของบริษัทจดทะเบียนและนำข้อมูลไปใช้ต่อได้สะดวกขึ้นด้วย
คุณอรรณพ ศิริติกุล Country Director, Google Cloud ประเทศไทย
ด้านคุณอรรณพ ศิริติกุล Country Director, Google Cloud ประเทศไทย กล่าวถึงความร่วมมือในครั้งนี้ว่า ส่วนหนึ่งมาจากภาพรวมของตลาด Digital Wealth (ในแง่ของ Assets Under Management หรือ AUM) ในประเทศไทย ที่มีแนวโน้มการเติบโตเป็น 110,000 ล้านเหรียญสหรัฐภายในปี 2030 จากตัวเลขในปี 2024 ที่มีมูลค่า 17,000 ล้านเหรียญสหรัฐ (อ้างอิงจากรายงาน e-Conomy 2024 report ที่ Google ทำร่วมกับเทมาเส็กและ Bain & Company)
โดยผู้บริหาร Google Cloud มองว่า การที่ตลาดจะไปถึงจุดนั้นได้ ผู้คนต้องสามารถเข้าถึงข้อมูลด้านการลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมมองว่า การจับมือกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จะช่วยให้คนไทยมีโอกาสก้าวไปสู่จุดนั้นได้ง่ายขึ้น เนื่องจาก Google Cloud AI สามารถเปลี่ยนข้อมูลที่ไม่มีโครงสร้างให้เป็นความรู้และข้อมูลเชิงลึกได้
ส่วนความสามารถของ ATLAS ที่ทางตลาดหลักทรัพย์ฯ ระบุว่าสามารถตรวจสอบการซื้อขายได้นั้น ในมุมของเทคโนโลยี คุณอรรณพอธิบายให้เห็นภาพมากขึ้นว่า AI ก็เหมือนพนักงานคนหนึ่งที่เราสร้างขึ้นแล้วบอกว่าให้คอยตรวจสอบในเรื่องต่าง ๆ ซึ่งการเป็น AI มีข้อดีคือสามารถพิจารณาความผิดปกติต่าง ๆ ได้เร็วกว่ามนุษย์หลายเท่านั่นเอง