เพราะว่า “ยืดเปล่า” (YUEDPAO) คือแบรนด์ที่เชื่อในเรื่องความหลากหลาย โดยให้ความสำคัญกับทุกๆ วันและทุกแง่มุม ไม่ใช่แค่ช่วงเวลา Pride Month เท่านั้น แต่ต้องการกระตุ้นไอเดียว่าเราสามารถภูมิใจในตัวเอง ได้ทุกๆ วัน หรือ #PrideEveryday จนเป็นที่มาของการนำเสนอแคมเปญใหม่ “รักเรา…ยืดแต่ไม่ย้วย” ส่งผ่านสารคดีสั้นเรื่องจริงของความรักแห่งยุคสมัย Diversity & Inclusion จากคู่รัก 7 คู่ที่เต็มไปด้วยความแตกต่างหลากหลาย ตอกย้ำว่า แนวทางในการดำเนินธุรกิจของยืดเปล่าสามารถผสานทั้งการสร้างสรรค์นวัตกรรมผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ พร้อมไปกับการสร้าง Social impact ในการผลักดันสังคมไปสู่ทางที่ดีได้
พาแบรนด์ “ยืดเปล่า” ให้เข้าถึงใจผู้บริโภคในวงกว้างยิ่งกว่าที่เคย จากเดิมที่วาง Positioning ของแบรนด์เอาไว้เน้นให้ความสำคัญกับคำว่า “ยืดแต่ไม่ย้วย” ในเชิงฟังก์ชั่น ในวันนี้ “ยืดเปล่า” ก้าวข้ามเพียงแค่คุณสมบัติของสินค้ามาสู่การนำเสนอ Emotional Approach ที่ผสานไปกับฟีเจอร์อื่นๆ ของโปรดักท์ ออกมาในรูปแบบแคมเปญการตลาดที่แฝงไปด้วย Key Message หวังขับเคลื่อนสังคม ผ่านการตีความความรัก 7 คู่ ที่เทียบกับ 7 สีที่แต่ละคู่เลือกอธิบายความสัมพันธ์ผ่านเฉดสีตามแบบของตัวเอง
7 คู่รัก หลากสไตล์ เพศสภาพมีหลายมุมกว่าที่คิด
โดย คุณทนงค์ศักดิ์ แซ่เอี้ยว ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เริ่มใหม่ จำกัด เล่าถึงที่มาของแคมเปญนี้ว่า “เป็นแคมเปญต่อยอดมาจาก #YourTrueColors ที่เรานำได้มีการออกผลิตภัณฑ์ใหม่เป็นเสื้อโปโล TAILOR COOL POLO INNOVATION” ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับความหลากหลายของผู้บริโภคทุกเพศ ทุกวัย ทุกไซซ์ ทุกสีผิว ด้วยนวัตกรรม Tailor Size ที่ทำให้คอลเล็คชั่นดังกล่าวสามารถมีไซซ์รองรับผู้บริโภคได้ถึง 20 ไซซ์ 18 สี และเรามีสีเยอะ แต่เราไม่ได้ระบุเจาะจงว่าสีไหนต้องเป็นตัวแทนของอะไร ให้แต่ละคู่เขานิยามของความสัมพันธ์ ความรู้สึกตามที่เขามองตัวเองเลย และแต่ละคู่ก็ Relate กับสิ่งที่เราทำมาตลอดอยู่แล้ว เราทำเพราะเราเชื่อในความคิดแบบนี้ คือ เชื่อในความหลากหลาย แล้วก็คิดก่อนที่จะมีเรื่องกฎหมายออกมา และเมื่อทำออกมา เราก็ถามกันนะว่าจะรอช่วงเวลากฎหมายซึ่งกำลังจะผ่านในปีหน้าไหม แล้วก็สรุปว่าในเมื่อเราเชื่อ และเชื่อว่าต้องส่งเสริมเรื่องความหลากหลาย ไม่ใช่แค่เรื่องเพศ แต่ทุกแง่มุมเลย ดังนั้นเราก็ไม่รอ แล้วก็นำเสนอออกมาเลย”
ภาพยนตร์สารคดีสั้น “รักเรา…ยืดแต่ไม่ย้วย” เป็นบทสัมภาษณ์เรื่องราวความรักจากชีวิตจริงของคู่รักแห่งยุค Diversity & Inclusion ซึ่งมีหลากเฉดสีของเพศสภาพ ที่ต้องเผชิญอุปสรรคในความสัมพันธ์ที่ต้องอาศัยการยืดหยุ่น ปรับตัว ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในการช่วยให้ความรักยืนยาวที่ทำให้เรียนรู้ว่า “ยิ่งยืด ยิ่งพอดี” ผ่านนิยามความรักในยุคสมัยนี้มีความหลากหลายสีสัน และเป็นการเฉลิมฉลองให้กับยุคสมัยแห่งความเท่าเทียมของความรักที่กำลังจะเกิดขึ้นในประเทศไทยแต่ละคู่มีรายละเอียด ดังนี้
1. ‘ปู่กัญจน์–ย่าตุ๊ก’ ความสัมพันธ์ของหญิงรักหญิงกับชีวิตคู่ที่มั่นคงมากว่า 30 ปี กับนิยามรักสีเขียว สะท้อนความรักที่หนักแน่น มั่นคง เหมือนดังผืนป่า
2. ‘คุณเควิน–คุณเมเปิ้ล’ ความพยายามพิสูจน์ตัวเองของทรานส์แมนกับคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว กับนิยามรักสีเหลือง ที่เปรียบความรักกับความพยายามหันหน้าท้าดวงอาทิตย์เหมือนดอกทานตะวัน
3. ‘คุณอั๋น–คุณปาย’ ชายรักชาย กับความจริงใจที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลง และนิยามรักสีขาว ที่สะท้อนความรักที่บริสุทธิ์ และ จริงใจ ไม่เปลี่ยนแปลง
4. ‘Jessica Hush–Lucy Bull’ คู่รัก Drag Artist กับการปลดล็อกนิยามความสัมพันธ์ และนิยามรักสีชมพู ที่สะท้อนความอ่อนโยน นุ่มนวล แต่ สดใส สนุกสนาน และแสดงถึงความเป็นตัวเองด้วยการแสดงที่แต่งหญิงทั้งคู่
5. ‘คุณเบิร์ด–คุณน้ำมนต์’ การปรับตัวของคู่รักต่างเฉดสี กับนิยามรักสีฟ้า ที่สะท้อนผลลัพธ์จากการปรับตัวเข้าหากันของทั้งคู่แล้วสามารถทำสิ่งต่างๆ ร่วมกันอย่างเป็นธรรมชาติ จนทำให้พบกับความสดใสในชีวิต
6. ‘คุณลี–คุณจีน่า’ หนุ่มต่างชาติกับทรานส์วูแมนและความแตกต่างที่ขาดกันไม่ได้ และนิยามรักสีม่วง ที่สะท้อนความแตกต่าง เพราะเป็นสีที่มีทั้งวรรณะร้อนและเย็นอยู่ในสีเดียวกันแต่รวมกันแล้วเกิดเป็นสีที่ลงตัวอย่างพอดี
7. ‘คุณภัทร–คุณโอ’ คู่รักที่มีคำมั่นสัญญาว่าจับมือกันผ่านทุกอุปสรรค กับนิยามรักสีแดง ที่สะท้อนความหนักแน่น ร้อนแรง ทำให้มีแรงฮึดในการก้าวผ่านวินาทีแห่งชีวิตได้
นอกจากการนำเสนอเรื่องราวในภาพรวม เพื่อให้เห็นความหลากหลายแล้ว ยังมีเรื่องราวของแต่ละคู่เพื่อหยิบยกเอารายละเอียดในชีวิตและมุมมองต่อความรักมาสื่อสารแยกแต่ละคู่ โดยอาศัยช่องทางออนไลน์ ซึ่งทำให้ผู้ที่สนใจสามารถรับชมความรักสุดลึกได้อย่างเต็มที่
โดยเบื้องหลังการทำงานก็ใช้เวลาในการเฟ้นหาคู่รักเพื่อสะท้อน Diversity จริงๆ ไปจนถึงการทำงานนานกว่า 2 เดือน โดยคุณทนงค์ศักดิ์ เล่าว่า ได้อ่านและรับทราบเรื่องราวของความรักของทั้ง 7 คู่ ก่อนที่จะเลือกมานำเสนอ และไม่ใช่แค่ LGBTQ+ เท่านั้น แต่คู่รักชาย-หญิง ที่ต้องเผชิญหน้ากับอุปสรรคในชีวิตด้วยเช่นกัน และเมื่อทั้ง 7 คู่ ได้มาใช้เวลาร่วมกันขณะถ่ายทำ ก็มีทั้งรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ และแน่นอน “น้ำตา” เมื่อนึกถึงสารพัดความท้าทายที่ผ่านมา ทำให้เมื่อหยิบมาถ่ายทำผู้ชมก็เตรียมกระดาษทิชชู่ไว้ล่วงหน้าก่อนเปิดคลิปได้เลย
หลังจากรับชมภาพยนตร์สารคดีสั้นแล้ว คุณหนุ่ม – โตมร ศุขปรีชา นักคิดนักเขียนผู้สังเกตการณ์สังคม ที่เข้าร่วมในงานเปิดตัว “รักเรา…ยืดแต่ไม่ย้วย” กล่าวว่า “กว่าที่โลกจะไว้ใจความหลากหลายทางเพศเราผ่านอุปสรรคมาเป็นร้อยๆ ปี ผลงานชิ้นนี้เป็นเรื่องแรกๆ เลยที่นำเสนอมุมมองความรักในสังคมไทยได้ขนาดนี้ และเราจะได้เห็นว่าความรักมันกว้างกว่าที่เราจินตนาการ”
ขณะที่ คุณดุจดาว วัฒนปกรณ์ นักจิตบำบัดผู้เชี่ยวชาญด้านความสัมพันธ์ มองในแง่มุมของการที่มนุษย์ล้วนแล้วต้องมี “ครอบครัว” และ “สังคม” เป็นองค์ประกอบรายรอบ ดังนั้น “อุปสรรค” ต่างๆ จึงไม่ใช่แค่ความรักของคนสองคน แต่มีเรื่องของ “ความถูกต้อง” ตามแง่มุมของครอบครัวและสังคมเข้ามาเป็นบริบทที่คู่รักต้องถูกคาดหวังด้วย ดังนั้นทั้ง 7 คู่นี้ มีความสัมพันธ์ที่เหนียวแน่น แข็งแรงมาก และแต่ละคู่ก็มีความแข็งแกร่งในใจตามแบบฉบับของตัวเองที่ไม่เหมือนกัน
ไม่ใช่แค่เรื่องความหลากหลายทางเพศ สำหรับ “ยืดเปล่า” ยังเดินหน้าสื่อสารหัวใจของแบรนด์เราเชื่อ “ยืดแต่ไม่ย้วย” ในอีกหลากมิติ ไม่ว่าจะเป็นการทำงาน ที่สอดคล้องไปกับบริบทของผู้คน
“ยืดเปล่า” องค์กรที่เริ่มต้นด้วยความเชื่อ
“รักเรา…ยืดแต่ไม่ย้วย” ไม่ใช่แค่แคมเปญการตลาดเท่านั้น แต่เป็นผลงานที่สะท้อนจุดยืนภายในขององค์กรเอง ที่ก่อนหน้านี้ ก็มีการออกนโยบายของบริษัทที่ส่งเสริมการอยู่ร่วมกันด้วยความเคารพในความหลากหลาย ยกตัวอย่างเช่น พนักงานมีสิทธิ์ “ลาทรานส์ฟอร์ม” (Trans Formation Leave) ไม่ว่าคุณจะอยู่ในเพศสภาพใด คุณสามารถลาได้สูงสุด 30 วัน พร้อมรับค่าจ้างปกติ เพื่อการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในชีวิต หรือก่อนหน้านี้ที่ พรบ.สมรสเท่าเทียมจะเป็นรูปธรรม แต่สำหรับ “ยืดเปล่า” มีวันลาสมรสสุดเก๋ ไม่ว่าจะเพศไหน ก็สามารถลาวันสมรสพร้อมรับเงินขวัญถุงในวันแต่งงาน โดยไม่จำเป็นต้องมีทะเบียนสมรส นอกจากนี้ยังมี “พ่อจ๋าลาคลอด” คุณพ่อสามารถลาเพื่อช่วยภรรยาเลี้ยงดูบุตรได้สูงสุด 10 วัน พร้อมรับค่าจ้างตามปกติ ส่วนของคุณแม่ขาก็มีวันลาตามกฎหมายอยู่แล้ว
นอกเหนือจากเรื่องเพศสภาพแล้ว ยังมีสวัสดิการที่แสดงถึงความเข้าใจพนักงานอื่นๆ อย่าง “วันลาพักใจ” Love & Loss เมื่อสูญเสียสิ่งที่รัก เรามีวันลาพักใจเพื่อฟื้นฟูตัวเอง พร้อมรับค่าจ้างตามปกติ หรือ “การลาสงบจิตใจ” วันลาพิเศษสำหรับพนักงานที่นับถือศาสนาอื่นๆ เพื่อเข้าร่วมกิจกรรมทางศาสนา และอีกหนึ่งสวัสดิการที่น่ารักก็คือ “สิทธิ์เบิกค่าหนังสือ” เหล่า Bookworm ทุกคนมีสิทธิ์เบิกค่าหนังสือเดือนละ 1 เล่ม เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้และพัฒนาตนเอง
เหล่านี้ล้วนแล้วแต่สะท้อนแนวคิดขององค์กรที่พร้อมเป็นแบรนด์แห่งแรงบันดาลใจที่เชื่อมั่นในพลังและศักยภาพของทุกคนว่าสามารถยืดขยายได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด
คุณตอน – ทนงค์ศักดิ์ ในฐานะผู้ก่อตั้งแบรนด์ กล่าวทิ้งท้ายว่า “ความตั้งใจของยืดเปล่าคือการทำธุรกิจที่ตอบโจทย์ทั้งคุณภาพของสินค้าและผลักดันการสร้างสังคมคุณภาพไปพร้อมกัน โดยเฉพาะการผลักดันเรื่อง Diversity & Inclusion ผ่านทั้งสินค้าและการสื่อสาร และหวังว่าแคมเปญรักเรายืด…แต่ไม่ย้วยนี้จะเป็นส่วนหนึ่งของการทำให้เกิดแรงบันดาลใจในการดูแลความสัมพันธ์ให้ยืดยาวมั่นคงยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะมีเพศสภาพแบบใด แต่ความรักก็เป็นสิ่งที่สวยงาม”