จากเดิมที่ต้องมีการตรวจสอบเครดิตสกอร์ หรือเอกสารรับรองเงินเดือนเพื่อยื่นขอกู้ซื้อรถสักคัน วันนี้ เส้นทางการกู้ซื้อรถ EV ของพาร์ทเนอร์คนขับแกร็บ (Grab) อาจได้พบกับการ Disruption ครั้งใหญ่ เมื่อ แกร็บ ประเทศไทย จับมือ Moove เปิดตัวโปรแกรม Drive-to-Own ให้พาร์ทเนอร์คนขับออกรถโดยใช้ Behavior Score ภายในแอปพลิเคชันในการยื่นเป็นเอกสารประกอบแทน พร้อมตั้งเป้าจะนำรถ EV เข้าสู่ Ecosystem ของ Grab ให้ได้ 8,000 คันภายในปี 2568
สิ่งที่นำไปสู่บริการใหม่นี้มาจากการสำรวจของ Grab ที่พบว่า 85% ของพาร์ทเนอร์คนขับสนใจเปลี่ยนมาใช้รถ EV (ผลการสำรวจจากพาร์ทเนอร์คนขับจำนวน 3,482 คน เมื่อเดือนมิถุนายน 2023) ซึ่งในความสนใจนี้ คุณเมธิณี อนวัชกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานธุรกิจการเดินทาง และบริหารพาร์ทเนอร์คนขับ แกร็บ ประเทศไทย พบความท้าทายว่า การเป็นเจ้าของรถ EV มีข้อจำกัดอยู่เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น ราคารถที่ค่อนข้างสูง สมรรถนะของรถที่ไม่ตอบโจทย์การให้บริหาร ระบบโครงสร้างและสถานีชาร์จที่ยังอาจไม่เพียงพอ และตัวพาร์ทเนอร์คนขับเองที่อาจไม่มีเอกสารทางการเงินตามที่สถาบันการเงินร้องขอ
คุณเมธิณี อนวัชกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานธุรกิจการเดินทาง และบริหารพาร์ทเนอร์คนขับ แกร็บ ประเทศไทย
Drive-to-Own ดึงคะแนนพฤติกรรมกู้รถ EV
ข้อจำกัดที่กล่าวมานั้น นำไปสู่การนำคะแนนพฤติกรรม (Behavior Score) ภายในแอปพลิเคชัน Grab มาใช้ประกอบการยื่นกู้ แทนการใช้ประวัติทางการเงิน (ผ่อนนานสูงสุด 72 เดือน) และได้จับมือกับ Moove บริษัทผู้ให้บริการสินเชื่อยานยนต์ และ Rever Automotive ผู้จัดจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้า BYD ในการให้บริการสินเชื่อดังกล่าวผ่านโปรแกรม Drive-to-Own
“การนำ Grab Score Modelling มาใช้กับการผ่อนชำระสินค้ามีการใช้งานมาแล้วก่อนหน้านี้ เช่น ผ่อนมือถือ ตู้เย็น เครื่องปรับอากาศ และมันคือ Daily Deduction (มีการตัดยอดทุกวัน) ทำให้เราสามารถวิเคราะห์และคาดการณ์พฤติกรรมได้ว่า Rider คนไหนมีพฤติกรรมที่ดี และ Rider คนไหนที่จะมีปัญหา ซึ่งทำให้เราสามารถเข้าไปช่วยเหลือได้ทันเวลา” คุณเมธิณีกล่าว
ความพิเศษของโปรแกรม Drive-to-Own หรือผ่อนขับรับรถ (ชื่อภาษาไทย) นั้น พบว่า พาร์ทเนอร์คนขับไม่จำเป็นต้องวางเงินดาวน์ และสามารถผ่อนจ่ายแบบรายวันผ่านการหักรายได้การให้บริการในแต่ละวันได้ โดยมีสิทธิประโยชน์อื่น ๆ เช่น ฟรีค่าซ่อมบำรุงรถ การทำประกันรถยนต์ ประกันสุขภาพ ประกันชีวิตให้กับพาร์ทเนอร์คนขับ รวมถึงสามารถกดหยุดพักการจ่ายค่าผ่อนชำระรายวันได้ (ในวันนั้นจะไม่มีการหักเงิน) จำนวน 4 สัปดาห์ต่อปี
สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า BYD สามรุ่นที่เข้าร่วมโปรแกรมดังกล่าว ได้แก่
- BYD Dolphin
- BYD Atto 3
- BYD Seal
ด้านคุณวิศิษฏ์ พิทยะวิริยากุล กรรมการผู้จัดการบริษัท เรเว่ ออโตโมทีฟ จำกัด กล่าวให้ความมั่นใจเพิ่มเติมว่า มีรถเพียงพอสำหรับโปรเจ็คนี้ โดยในระยะแรกเป็นการนำเข้า และในปีหน้า BYD ก็จะเริ่มการผลิตในประเทศไทยแล้ว
ขณะที่คุณเมธิณียังได้เปิดเผยต่อไปด้วยว่า ภายในตัวรถมีการติดตั้งอุปกรณ์ IoT เพื่อช่วยตรวจสอบการใช้งาน และในกรณีที่พาร์ทเนอร์คนขับไม่ผ่อนชำระตามระยะเวลาที่กำหนด อุปกรณ์ IoT ในตัวรถก็สามารถช่วยบริษัทผู้ให้สินเชื่อในการติดตามรถ – ยุติการทำงาน (เช่น ทำให้สตาร์ทไม่ติด) ได้ด้วย และหากผ่อนชำระครบ 72 งวดเรียบร้อย พาร์ทเนอร์คนขับสามารถถอดอุปกรณ์ IoT ดังกล่าวออกได้
เปิดเช่ามอเตอร์ไซค์ EV เริ่มต้น 125 บาทต่อวัน
ขณะที่ผู้ให้บริการใน Ecosystem ของ Grab แบบสองล้อ ก็มีอีกหนึ่งโปรแกรมสำหรับเข้าถึงรถ EV เช่นกัน โดยเป็นการ “เช่ารถ” ที่แกร็บร่วมมือกับ 3 บริษัท ได้แก่ Strom, H Sem Motor และ Swap & Go นำรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า พร้อมบริการสลับแบตเตอรี่แบบไม่จำกัดรอบตลอด 24 ชั่วโมง ประกันภัยชั้น 3+ การจัดหารถสำรองให้ใช้ในกรณีฉุกเฉิน ฯลฯ ภายใต้ชื่อ End-to-End EV Bike Rental ออกมา และมีค่าเช่ารถ EV เริ่มต้นที่ 125 บาท
คุณวรฉัตร ลักขณาโรจน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ แกร็บ ประเทศไทย กล่าวว่า Grab มีเป้าหมายเพิ่มจำนวนรถยนต์ไฟฟ้าในกลุ่มพาร์ทเนอร์คนขับให้ได้ 10% ภายในปี 2569 ซึ่งในแต่ละประเทศมีการปรับใช้นโยบายต่างกัน เช่น ในประเทศสิงคโปร์ – อินโดนีเซีย Grab เป็นผู้ซื้อรถ EV และให้พาร์ทเนอร์คนขับได้เช่าขับ แต่สำหรับประเทศไทย เป็นการจับมือกับ 7 พันธมิตร ได้แก่ BYD, H SEM Motor, STORM, Swap & Go, EV Station PluZ, Auto Drive EV และ Moove ในการผลักดันเป้าหมาย ด้าน EV ดังกล่าว รวมถึงมีการเปิดตัวฟีเจอร์ Grab EV rides เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถระบุว่าต้องการนั่งรถ EV ได้ และระบบจะเลือกรถ EV จากแอปพลิเคชันในพื้นที่และช่วงเวลานั้น ๆ มาให้บริการเป็นตัวเลือกแรกด้วย โดยการเรียกรถ EV จะไม่มีการคิดค่าบริการเพิ่มแต่อย่างใด