“ขายหัวเราะ” เป็นที่รู้จักกันดีในนามนิตยสารการ์ตูนสัญชาติไทยระดับตำนาน ก่อตั้งโดย “วิธิต อุตสาหจิต” หรือ “บก.วิติ๊ด” สำนักพิมพ์บรรลือสาส์น มีคาแรคเตอร์ที่หลายคนรู้จักกันดีไม่ว่าจะเป็น บก.วิติ๊ด ,หนูหิ่น ,คุณมิลล์, คนติดเกาะ, ไก่ย่าง ไปจนถึง หนูน้อยปังปอนด์ ฯลฯ ที่มาพร้อมภาพสุดฮากับมุกการ์ตูน 3 ช่องจบ อ่านง่าย เหมาะสำหรับทุกเพศ ทุกวัย จนได้รับฉายา “ความฮาสามัญประจำบ้าน” ที่ร้านหนังสือและเด็กยุค 90 ต้องมีไว้ครอบครอง แถมยังสร้างบรรทัดฐานมุก 3 การ์ตูน 3 ช่อง ให้คนไทย
เส้นทางตลอด 50 ปีที่ผ่านมา “ขายหัวเราะ” ฝ่ากระแสดิสรัปชั่นมามากมาย ทั้งคู่แข่ง คาแรคเตอร์ดังจากต่างประเทศ , เทรนด์ดิจิทัลที่เข้ามาแทนที่การอ่านหนังสือแบบเดิมๆ ไปจนถึงความนิยมที่เปลี่ยนแปลงตามยุคสมัย ทำให้ขายหัวเราะต้องทรานฟอร์มตัวเองเพื่อก้าวเข้าสู่ยุคใหม่มากขึ้น ภายใต้การกุมทัพของทายาทเจน 2 “คุณ พิมพ์พิชา อุตสาหจิต” 1 ในลูกแฝด 5 ของ บก.วิติ๊ด ในฐานะกรรมการบริหาร กลุ่มบริษัทเครือ Vithita Group (วิธิตากรุ๊ป) ด้วยการสลัดภาพความเป็นการ์ตูนดั้งเดิม สู่ “คาแรคเตอร์” ที่สามารถต่อยอดยอดได้ ตั้งแต่ Merchandise , License ไปจนถึง Event
วันนี้ “ขายหัวเราะ” เดินหน้ากลยุทธ์ใหม่อีกครั้งกับการ Collaboration แบบข้ามวงการด้วยการจับมือกับแม็คยีนส์ กับแแคมเปญพิเศษ “Mc (Make) โอเวอร์” ด้วยการดึงจุดเด่นของแบรนด์คาแรคเตอร์มาใช้ในโลกแฟชั่นเต็มตัว ซึ่งนับเป็นครั้งแรกในรอบ 50 ปีที่แบรนด์แตกไลน์จากคาแรคเตอร์ สู่ “โลกแฟชั่น” อย่างเป็นทางการ
การจับมือกับความร่วมมือในครั้งนี้ ทั้งแม็คยีนส์ และขายหัวเราะ ต่างมีดีเอ็นเอที่ตรงกันในหลายๆ ส่วน เริ่มจากทั้งสองแบรนด์เป็นแบรนด์ที่รู้จักและได้รับการยอมรับเป็นอย่างดี ปีนี้ขายหัวเราะกำลังจะฉลองครบรอบครบ 50 ปี ขณะที่แม็คยีนส์กำลังจะย่างเข้าปีที่ 49 และสิ่งที่เหมือนกันคือทั้งสองแบรนด์ต่างมีการปรับตัวและนำเสนอสิ่งใหม่ๆ อยู่เสมอ อย่าง แม็คยีนส์ ก็มีการเพิ่มช่องทางการขายออนไลน์ รวมไปถึงการนำเสนอสินค้าและคอลเลกชั่นใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกับขายหัวเราะ ที่ปัจจุบันมีการพัฒนาไปมากกว่าแค่หนังสือ
ต่อยอดคาแรคเตอร์แบรนด์ ดึง Soft Power สร้างแบรนด์กับลายเส้นที่ไม่เหมือนใคร
คุณพิมพ์พิชา อุตสาหจิต กล่าวว่า “คนอาจจะอ่านหนังสือน้อยลง แต่ยังเจอเราในรูปแบบอื่น ความคุ้นเคย ความสัมพันธ์ ที่มีมานานต้องใช้เวลาในการสร้าง ดังนั้นทุกๆตัวการ์ตูนที่ผ่านมามีความหมายกับแบรนด์เรา มีความสัมพันธ์ที่ยาวนานกับคนไทยมากว่า 50 ปี และนั่นคือจุดแข็งที่เราจะสร้างเพื่อรองรับการแข่งขันในตลาดคาแรคเตอร์ปัจจุบัน ที่ไม่สามารถสร้างทางลัดได้และก็อปปี้ได้”
นอกจากนี้ความท้าทายของขายหัวเราะคือเรื่องของความ Creativity ในการส่งเสริมจุดแข็งร่วมกันกับพาร์ทเนอร์ และทำให้คนอยากติดตามโดยไม่ใช่เรื่องเดิมๆ และจะต้องมีความว้าวทุกครั้งที่เปิดตัวโปรเจกต์ใหม่ๆ ที่ผ่านมามีคอลแลบกับแสนสิริ , แบรนด์รองเท้า ของ กอล์ฟ ฟักกลิ้ง ฮีโร่ ฯลฯ และล่าสุดกับการจับมือกับแม็คยีนส์ ที่นำเอาลายเส้นการ์ตูน ขายหัวเราะ ฉบับไทยๆ มาพัฒนาให้มีความสอดคล้องกับแม็คยีนส์ ผ่านตำนานที่ยาวนานของทั้งคู่ โดยการจับมือกันครั้งนี้ขายหัวเราะใช้ความเป็นคาแรคเตอร์ อารมณ์ขันมาใส่ในแคมเปญ ขณะที่แม็คยีนส์ก็นำจุดแข็งของทั้งคู่มาสร้างจุดร่วมของสตอรี่แบรนด์ เจาะกลุ่มเป้าหมายที่ใกล้เคียงกัน
สำหรับแคมเปญ “Mc (Make) Over” แม็คโอเวอร์ เป็นคำที่แผลงมาจาก “เมคโอเวอร์” ที่แปลว่าการปรับลุค โดยตัวการ์ตูนหลายคาแรคเตอร์ลุกขึ้นมาปรับลุคใหม่ ผ่านสินค้าของแม็คยีนส์ กับลายเส้นการ์ตูนที่ถูกปรับให้เหมาะกับผลิตภัณฑ์ ที่สะท้อนความดูดีในแบบของตัวเอง ทั้งหมด 11 ไอเท็ม ได้แก่ แจ็คเกตยีนส์ รุ่นลิมิเต็ด 500 ตัว เสื้อยืดผ้าคอตตอนพิมพ์ลายขายหัวเราะ, เสื้อยืดทรงโอเวอร์ไซส์, เสื้อลายขวางแขนยาวสีขาว-ดำ, เสื้อรีสอร์ตเชิ้ตลายเกาะขายหัวเราะ, เสื้อฮู้ดดี้ และเสื้อเดนิม
ไม่ว่าจะเป็น บก.วิติ๊ด หนุ่มใหญ่วัยทำงานที่ใส่สูทเนี้ยบปรับลุคมาใส่เดนิม, โจรหนุ่มสุดเซอร์ลุคแบด ก็ได้พักโหด เปลี่ยนเป็นโหมดเท่สะบัดกลายเป็นโจรหนุ่มลุคทันสมัย, หนูหิ่นที่เคยสวมใส่เสื้อคอกระเช้าและผ้าถุงก็เปลี่ยนมาใส่เสื้อฮู้ดดี้ที่เป็นอีกหนึ่งไอเทมยอดนิยมของแม็คยีนส์กับกางเกงขาสั้น
และคนติดเกาะที่เคยดูเศร้าหมอง ก็เลิกติดเกาะออกมาติดเทรนด์ สดใสไปกับเสื้อรีสอร์ตเชิ้ตสีสดใส ไอเทมเท่ๆ ที่สวมใส่สบาย ทุกคาแรคเตอร์จะถูกเมคโอเวอร์เปลี่ยนลุคการแต่งตัวไปจนถึงลายเส้นเพื่อให้อินเทรนด์ ทันสมัย มั่นใจในแบบฉบับของตัวเองมากขึ้น
ก้าวข้ามจากมีเดีย สู่ “คาแรคเตอร์แบรนด์” ที่สมบูรณ์แบบ
คุณพิมพ์พิชา กล่าวเพิ่มเติมว่า การจับมือดังกล่าวนอกจากจะเป็นการนำจุดแข็งทั้ง 2 แบรนด์มาผสานกัน ผ่านคอลแลคชั่นเสื้อผ้าแล้ว ยังมีการทำคอนเทนต์ เล่าเรื่องราวเบื้องหลังของแบรนด์ 50 ปี หลังที่ผ่านมาคาแรคเตอร์ของค่ายไม่เคยเปลี่ยนลุคการแต่งตัวเลย บก.วิธิต ที่ใส่สูตร ,นักเขียน ที่ใส่เสื้อยืด ,หนูหิ่น ที่ใส่คอกระเช้า ผ้าถุง จนเป็นภาพจำติดตาของใครหลายคน
นี่จึงเป็นครั้งแรกที่จับมือกับแม็คยีนส์ในการเมคโอเวอร์ การแต่งตัวของตัวละครแต่ละตัวให้เปลี่ยนไป เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้แต่ละเพศแต่ละวัยในการสร้างความมั่นใจในการแต่งตัวตามแบบฉบับของตัวเอง ขณะเดียวกันยังเพื่อขยายฐายลูกค้าของขายหัวเราะให้หลากหลายและเป็นวงกว้างมากขึ้น ตั้งแต่ Gen Z ไปจนถึง Baby Boomer
“การต่อยอดคอนเทนต์ในขายหัวเราะร่วมกับกับแม็คยีนส์ เป็นเรื่องของแบรนด์ดิ้งให้คาแรคเตอร์ของเราแข็งแกร่ง ด้วยการปรับตัว มาทำงานใหม่ๆ แน่นอนขายหัวเราะไม่ต้องเป็นแบรนด์ที่ยอดขายสูงสุด แต่ต้องยืนยาวสูงสุด โดยมีเป้าหมายคืออยากให้ทุกคนมีรอยยิ้ม และเห็นแล้วนึกถึงความสนุกในวัยเด็ก ผ่านแต่ละคอลเลคชั่น เพื่อให้ขายหัวเราะมากกว่าการ์ตูนที่ทุกคนคุ้นเคย โดยในอนาคตอยากทำคาแรคเตอร์อื่นๆเพิ่มเติมโดยมีคิดความฮาสามัญประจำบ้านมาเป็นจุดขาย” คุณพิมพ์พิชากล่าว
ผลจากการปรับตัวทำให้ปัจจุบัน “ขายหัวเราะ” ก้าวข้ามจากความเป็นธุรกิจมีเดียสู่ความเป็นคาแรคเตอร์แบรนด์อย่างสมบูรณ์แบบ ผ่านขาธุกริจที่หลากหลาย ตั้งแต่ Merchandise , License ไป จนถึงสินค้าที่เป็นหนังสือแบบดั้งเดิม โดยดึงความเป็นโลคัลแบรนด์ที่เป็นจุดแข็งของทางค่ายมาพัฒนาเป็น Asset ที่ต่างชาติไม่มีเข้ามาทำตลาดเพื่อเจาะคนไทยโดยตรง โดยประกอบไปด้วยคาแรคเตอร์หลัก ได้แก่
- ปังปอนด์ ที่เน้นเจาะกลุ่มเด็ก และกับครอบครัว
- หนูหิ่น คุณมิลล์ ตัวแทนหรือไอดอลผู้หญิง ที่เจาะกลุ่ม วัยรุ่น ผู้หญิง ตั้งแต่มัธยมไปจนถึง First Jobber
- ขายหัวเราะ เน้นเจาะลูกค้าในกลุ่มแมส เป็นภาพจำรุ่นปัจจุบันไปจนถึงรุ่นใหญ่ เริ่ม 18 ไปจนถึงวัย 50 ปีขึ้นไป
- นอกจากนี้ยังมีคาแรคเตอร์ใหม่ๆ อย่าง “คุณสมร” ที่เป็น Easter Egg ตัวแทนคนทำงานรุ่นใหม่ในออฟฟิศ ที่แฟนๆ รู้จักเป็นอย่างดีในระยะหลัง
แม็คยีนส์ กับการต่อยอดกลยุทธ์ “MY MC MY WAY” ที่เข้าในใจความต่างของรูปร่าง
คุณเจมส์ ริชาร์ด อมตวิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แม็คกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ MC กล่าวว่า การ Collaboration คอลเลคชั่น เป็นการดึงเอาดึงคีย์คาแรคเตอร์ซึ่งเป็นจุดแข็งของทั้ง 2 แบรนด์มาพัฒนาร่วมกัน เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าและสร้างแรงบันดาลใจใหม่ๆ
โดย Insight เรื่องของสินค้า มีการ Select Key Item ที่เป็นที่นิยม ตั้งแต่แจ็คเก็ต เสื้อเชิ้ต และฮู้ดดี้ เรียกว่ามี Merchandise Mix ที่ครบ ถ้วน ซึ่งเป็นการต่อยอดกลยุทธ์ “MY MC MY WAY ชีวิต…เต็มแม็ค” ภายใต้แนวคิด “Body Positivity” ความเข้าใจในความแตกต่างของรูปร่างและพร้อมสร้างสรรค์ลุคที่ดีที่สุดในแบบฉบับของตัวเอง ด้วยผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายของแม็คยีนส์
แม็คยีนส์ มีลูกค้าทุกเจนเนอเรชั่น หากดูคาแรคเตอร์ของขายหัวเราะก็ตรงกับ Value Proposition หลักของแม็คยีนส์ ที่มีเป้าหมายตอบโจทย์การแต่งกายของทุกคน ทุกไลฟ์สไตล์ ให้คุณมั่นใจและสร้างสรรค์ลุคที่ดีที่สุดในแบบของตัวเอง ด้วยผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายของแม็คยีนส์ สำหรับการ Collaboration ครั้งนี้ คือการนำคาแรกเตอร์การ์ตูนขายหัวเราะที่หลายคนคุ้นหน้าคุ้นตามาเมคโอเวอร์ พร้อมทำการตลาดสื่อสารแบรนด์ผ่านอินฟลูเอ็นเซอร์ มีเป้าหมายเจาะลูกค้าทุกกลุ่ม
ทั้งหมดคือการทรานฟอร์มตัวเองของ 2 แบรนด์ระดับตำนาน อย่าง “ขายหัวเราะ” ที่ต้องปรับตัวท่ามกลางกระแสดิสรัปชันของโลกยุคเก่าสู่ความสดใหม่ที่แปลกออกไป ขณะที่ “แม็คยีนส์” ก็ต้องการสร้างความต่างในแวดวงแฟชั่นผ่านคีย์คาแรคเตอร์ที่เป็นจุดแข็งของทั้งคู่