HomeBrand Move !!20 ปี “เถ้าแก่น้อย” บทพิสูจน์ความสำเร็จ “อิทธิพัทธ์ พีระเดชาพันธ์” สู่ก้าวใหม่หลังโควิด เมื่อแบรนด์ต้อง “สุขุม” มากขึ้น

20 ปี “เถ้าแก่น้อย” บทพิสูจน์ความสำเร็จ “อิทธิพัทธ์ พีระเดชาพันธ์” สู่ก้าวใหม่หลังโควิด เมื่อแบรนด์ต้อง “สุขุม” มากขึ้น

แชร์ :

Tob Taokaenoi

จากจุดเริ่มต้นเมื่อ 20 ปีที่ผ่านมาของแบรนด์ “เถ้าแก่น้อย” สาหร่ายแบรนด์ไทยชื่อดังที่กว่าจะมาเป็น บริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) ผ่านร้อนผ่านหนาวปัจจัยลบต่างๆ มากมาย ที่สาหัสที่สุดคงหนีไม่พ้นโควิด-19 ที่ทำให้เจ้าตัวบอกว่าต้องมีการปรับกลยุทธ์ ยกเครื่ององค์กรในหลายด้านเพื่อให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลง และก้าวสู่ยุคใหม่ของเถ้าแก่น้อยที่ไม่ใช่แค่ธุรกิจสาหร่าย หากแต่ Food Innovation Company ที่ต้องมีสินค้าหลากหลายมากขึ้น

ADFEST 2024

Santos Or Jaune

วันนี้อาณาจักรเถ้าแก่น้อยยังคงอยู่ภายใต้การกุมทัพของผู้ก่อตั้งอย่าง “คุณอิทธิพัทธ์ พีระเดชาพันธ์” หรือที่ทุกคนรู้จักกันดีในนาม “ต๊อบ เถ้าแก่น้อย” ในฐานะประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) ที่แม้จะต้องเผชิญสถานการณ์โควิด-19 ตลอดช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ทำให้ได้รับผลกระทบช่วงโควิด แต่บริษัทยังสามารถประคองตัว พร้อมกลับมาเติบโต และรักษามาร์เก็ตแชร์ในเป็นผู้นำตลาดขนมขบเคี้ยว ประเภทสาหร่ายแปรรูป (Seaweed Snack) ได้ที่ 65% จากมูลค่าตลาดรวมกว่า 3,000 ล้านบาทในปีที่ผ่านมา

หลังก้าวข้ามมรสุมในยุคของโควิด ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของแบรนด์ให้กลับมาคิดทบทวนหลายสิ่งหลายอย่างใหม่ โดย “คุณต๊อบ” บอกว่า “ผมทำใจทุกวัน ว่าให้ทุกวันเหมือนโควิด เพราะจะได้เตรียมพร้อมรับสถานการณ์ที่ไม่คาดคิดได้ตลอดเวลา” นั่นทำให้มีการปรับแผนธุรกิจ ยกเครื่องใหม่ ตัดทิ้งในสิ่งที่ไม่จำเป็น เพื่อเพิ่มศักยภาพในส่วนใหม่ของการดำเนินธุรกิจ

นอกจากนี้ยังมุ่งเป้าไปที่การสร้างการเติบโตในหลากหลายช่องทาง และสร้างสินค้าใหม่ในธุรกิจสาหร่ายและธุรกิจอื่นๆที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้ในอนาคตยังมีแผนบุกเบิกสินค้า Category อื่นๆ เข้ามาเสริม โดยปลายปีที่ผ่านมาออกสินค้าใหม่ ตระกูล “สาหร่ายอบสไตล์เกาหลี” และได้ผลตอบรับดีจากลูกค้า จะกลายมาเป็นเรือธงหลักในการสร้างรายได้ให้แก่บริษัทแบบมีนัย

 

“ก้าวสู่วัย 21 ปีของเถ้าแก่น้อย เรายังเป็นคนรุ่นใหม่ไฟแรงอยู่ แต่จะต้องเติมคำว่า“สุขุม” อีกคำหนึ่ง ความหมาย คือ เราอยากเป็นคนรุ่นใหม่ ไฟแรง ที่สุขุม เพราะที่ผ่านมามีวิกฤติต่างๆ เกิดขึ้นมากมาย ถ้าเราไม่สุขุมหรือไม่มีสติ ลำพังแค่ไฟแรงอย่างเดียวก็คงไม่รอด” คุณอิทธิพัทธ์ พีระเดชาพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงแนวคิดในการปั้นแบรนด์เถ้าแก่น้อยทะยานตลาดโลกนับจากนี้

 

Top Tao Kae Noi

 

ปลุกกลยุทธ์ 3Go สู่ Food Innovation Company 10 ปีต้องโตต่อเนื่อง Double Digit

โดยปีนี้ “เถ้าแก่น้อย” ยังคงเร่งเครื่องการเติบโตให้แก่ทุกกลุ่มธุรกิจ โดยยังคงยึดวิชั่น Food Innovation Company คือต้องใหม่ กว้าง และต้องสร้างคุณค่า เข้ามาเป็นแกนหลักในการดำเนินงาน เพื่อทำสิ่งใหม่และสามารถ Up Scale ธุรกิจให้มี Value ต่อลูกค้าและพาร์ทเนอร์ต่างๆ ผ่านกลยุทธ์​ 3 Go ได้แก่

1.Go Firm : การเพิ่มประสิทธิภาพทาง Production จนสร้างผลงานที่ดีต่อทั้งบริษัทและลูกค้า ไม่ว่าจะเป็น การรวมโรงงาน ภายใต้นโยบาย One seaweed  Factory หรือการรวมโรงงานสาหร่ายที่โรจนะ จากอดีตที่มีโรงงานผลิตสาหร่ายอยู่ 2 โรงงาน ซึ่งแต่ละแห่งยังใช้กำลังการผลิตไม่เต็มที่ ทำให้ต้นทุนสูง แต่ยอดขายเท่าเดิม เพื่อให้ได้ Economies of Scale มากขึ้น ทำให้ช่วง 3 ปีหลังสามารถสร้างผลกำไรเติบโตขึ้นต่อเนื่อง จนปัจจุบันมาร์จิ้นกลับมาที่ 30% ส่วนสินค้าตัวไหนไม่ทำกำไรก็ต้องตัดทิ้งเพื่อลีนองค์กรให้มากที่สุด พร้อมกับพัฒนาสินค้าที่เหลือให้มี Product Mix มากขึ้น

 

New Product Tao Kae Noi

 

2.Go Board  : การขยาย Category ของสาหร่ายเดิมออกไปยังต่างประเทศ โดยในเฟสแรกจะนำร่องในช่วง 3 ปีนับจากนี้ (2566-2568) ด้วยการเข้าไปทำตลาดในกลุ่มประเทศที่เป็นดาวเด่นทั้ง 10 ประเทศ ที่มียอดขายมากกว่า 100 ล้านบาทต่อปี อาทิ อเมริกา จีน อินโดนีเซีย  มาเลเซีย เวียดนาม เป็นต้น โดยจะเข้าไปทุ่มงบประมาณ พัฒนากลยุทธ์ทางการตลาด สร้างแบรนด์ดิ้ง ไปจนถึงการเพิ่มช่องทางจำหน่าย เพื่อให้เข้าถึงลูกค้าให้มากที่สุด

“ในตลาดจีน เราไลฟ์สด 1 ครั้งยอดขายสูงสุด 10 ล้านบาท ทำอย่างไรให้สตาร์พวกนี้ฉายแสงขึ้นมา เราจึงมองว่านี่เป็นโอกาสในการเข้าไปทำตลาด  ก่อนโควิดจีนเคยมียอดขายสูงสุดปีละ 2,000 ล้านบาท จนถึงโควิดยอดขายต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท จึงกลับมาคิดว่าจะทำอย่างไรกับการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้  ขณะที่ตลาดมีคู่แข่งเป็นคนในพื้นที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้ต้องทำการบ้านมากขึ้น ด้วยการซื้อข้อมูลตัวเลขต่างๆ (เอซี นีลเส็นที่จีน) ในการทำตลาดที่คุ้มค่า จนปัจจุบันได้กลับมา 1,500 ล้านบาทแล้ว”

จากนั้นเฟส 2 จะดึง 50 ประเทศที่เหลือมาเป็นสตาร์ดวงใหม่ ในการปั้นสู่ Go Board ต่อ ขณะที่เฟส 3 จะเป็นการออกไปตั้งโรงงานในต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็น จีน อินโดนีเซีย อเมริกา ที่มีประชากรเยอะ ดังนั้นการไปต่อให้ลึกขึ้น จำเป็นต้องหาโรงงานเพื่อร่วมทุนในการก่อสร้างเพื่อหาโอกาสต่อไป โดยในส่วนของเฟส 2 และ 3 ยังเป็นเรื่องของการวางแผนงานในอนาคต

และอีกหนึ่งประการคือการเปิด New Category เพื่อบาลานซ์ความเสี่ยง เพราะตลาดหร่ายแปรรูป (Seaweed Snack) จะเติบโตได้ดีในสถานการณ์ปกติ แต่ถ้ามีวิกฤตกลุ่มสแน็คจะหดตัวลงอย่างเลี่ยงไม่ได้ ทำให้ต้องพัฒนาสินค้าอื่นคู่ขนานขึ้นมาเพื่อผลักดัน Category ใหม่ๆออกสู่ตลาด นับเป็นอีกหนึ่งความท้าทายในการผลักดันนับจากนี้

3. Go Global  : การไปในระดับโลก และยกระดับแบรนด์ เพราะปัจจุบันยอดขายเกือบ 100% มาจากการขายแบรนด์ดิ้งของเถ้าแก่น้อยจะใช้แบรนด์อย่างไรให้ไประดับโลก และเอาบทเรียนจากแบรนด์ยักษ์ใหญ่ต่างๆ มาปรับใช้ในการรุกตลาดต่างประเทศให้ประสบผลสำเร็จมากที่สุด ทั้งนี้เพื่อยกระดับแบรนด์ โดยมีกลยุทธ์ Idol Marketing เป็นหัวใจสำคัญและคอร์หลักของธุรกิจ  โดยในอีก 1-2 ปีจะมีแบรนด์แอมบาสเดอร์ระดับโลกเข้ามาช่วยในการสื่อสารแบรนด์ จากปัจจุบันใช้แบรนด์แอมบาสเดอร์ 3 ราย ได้แก่ “กลัฟ คณาวุฒิ ไตรพิพัฒนพงษ์ และ ซี พฤกษ์ พานิช – นุนิว ชวรินทร์ เพริศพิริยะวงศ์” ซึ่งทั้ง 3 คน มีคาแรคเตอร์ที่เข้ากับแบรนด์ ทั้งในเรื่องภาพลักษณ์ ความเป็นที่นิยมต่อกลุ่มเป้าหมาย

 

Brand Ambassador Tao Kae Noi

 

“ท่ามกลางตลาดที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดช่วง 5-10 ปีที่ผ่านมา มีทั้ง Facebook ,IG, TikTok และโซเชียลมีเดียเทรนด์ต่างๆ เข้ามา แบรนด์จำเป็นต้องเปลี่ยนการทำตลาดไปตามพฤติกรรมของลูกค้า ข้อดีของเราคือการพยายามปรับตัวทุกวัน โดยไม่ให้รู้สึกว่าต้องปรับ เช่น เรื่องการตลาดเราก็พยายามเจาะกลุ่มคู่จิ้น TikTok ไม่เคยเล่นก็ต้องลองทำ ต้องตามลูกค้าให้ทัน ไม่ว่าลูกค้าให้ความสนใจอะไรเราก็ตามไป แต่อย่าตามเทรนด์มากเกินไป ให้มองไปที่เรื่องของผู้บริโภคมากกว่าว่า ณ ขณะนั้นเขาสนใจอะไรและต้องการอะไร เราถึงตามไป”

 

การกลับมาของ “เถ้าแก่น้อยแลนด์” โมเดลใหม่ที่เล็กกว่า คล่องตัวกว่า เพิ่มการเข้าถึงของลูกค้า

อีกหนึ่งการเปลี่ยนแปลงคือการจัดระบบ Distribution ใหม่ของบริษัท ด้วยการหันมาขนส่งสินค้าในช่องทางเทรดดิชั่นนอลเทรดเอง โดยแต่ละจังหวัดจะใช้ Local Distributor ใช้ดิสบิวเตอร์หรือคนที่ชำนาญในพื้นที่ ที่มีหน่วยรถ มีสินค้าอยู่แล้วเข้ามาเป็นจุดแข็งในการสร้างการเข้าถึง และกระจายสินค้า จากเดิมที่ช่องทางดังกล่าวบริษัทจับมือกับ DKSH ในการกระจายสินค้าอยู่ ซึ่งจะปรับรูปแบบมา โดยปัจจุบันมีแล้ว 20 ศูนย์ทั่วไทย หลังทดลองโมเดลนี้มาตั้งแต่มกราคม 2566 และสร้างยอดขายได้เป็นอย่างดี

“คุณต๊อบ” ยังเล่าต่อไปว่า ขณะที่สัญญาณการฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยวและบริการในไทยที่ดีขึ้นหลังการเปิดประเทศ ทำให้บริษัทได้เตรียมความพร้อมเพื่อรองรับกลุ่มเป้าหมายนักท่องเที่ยวอีกครั้ง หลังมีการคาดการณ์ว่าปีนี้จำนวนนักท่องเที่ยวจะเข้ามามากกว่า 30 ล้านราย ซึ่งจะเป็นผลกระทบเชิงบวกแก่แบรนด์ โดยคาดการณ์ว่ายอดขายที่มาจากนักท่องเที่ยวจะทำให้แบรนด์เติบโต 10%

 

Tao Kae Noi Land

ร้านเถ้าแก่น้อยแลนด์ สาขา เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์

 

ทำให้บริษัทฟื้นแผนงาน “เถ้าแก่น้อยแลนด์” ขึ้นมาอีกครั้ง หลังต้องปิดตัวไปทั้ง 20 สาขาในช่วงโควิด ซึ่งจะเป็นการ Remodel ใหม่ด้วยการลดขนาดให้เล็กลง จากอดีตที่เน้นขยายใช้ไซซ์ใหญ่ เพื่อลดต้นทุนและเพิ่มความคล่องตัวในการขยายสาขา โดยปีนี้มีแผนเปิดเถ้าแก่น้อยแลนด์ 5 สาขา ซึ่งแต่ละแห่งจะใช้งบลงทุนเพียง 3-5 แสนบาทต่อสาขา จากอดีตใช้งบเกือบ 2 ล้านบาทใน 2 โมเดลหลัก ได้แก่

  • โมเดลไซซ์เล็ก เป็นการลดขนาด “เถ้าแก่น้อยแลนด์” ลงมาจากเดิม เพื่อให้มีความคล่องตัวในการขยายสาขามากขึ้น โดยปัจจุบันเปิดให้บริการไปแล้ว 1 สาขาที่เอเชียทีค เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา
  • โมเดลที่เน้น B2B โดยจะจัดเป็น Corner  เถ้าแก่น้อย มุมต่างๆ ของซูเปอร์มาร์เก็ต หรือร้านที่มีการขายของอยู่แล้ว ผ่านกลยุทธ์ “เน้นป่าล้อมเมือง” โมเดลนี้จะลีน (Lean) ขึ้น เข้าถึงเป้าหมายได้มากขึ้น และกระจายได้เร็วขึ้น โดยปัจุจบันเปิดให้บริการไปแล้วที่สนามบินดอนเมือง

นอกจากนี้ยังจัดการบริหารสัดส่วนสินค้าภายในร้านใหม่ โดยจะไม่ขายสินค้าครอบจักรวาลเหมือนที่ผ่านมา แต่จะเน้นขายแบรนด์เถ้าแก่น้อยและสินค้า House Brand ของบริษัทเป็นหลักมากกว่า 90% จากในอดีตที่ร้านเถ้าแก่น้อยแลนด์ขายสินค้าของบริษัทและสินค้าอื่น 50:50

ทั้งหมดมีเป้าหมายเพื่อปั้นให้เถ้าแก่น้อยเป็นบริษัทที่ตอบโจทย์ทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็น ผู้บริโภค คู่ค้า จนสามารถสร้างยอดขายเติบโตเป็นตัวเลขสองหลักควบคู่กันไปต่อเนื่องเป็นเวลา 10 ปีนับจากนี้ 

 

 


แชร์ :

You may also like