HomeBrand Move !!รับนักท่องเที่ยวยุคดิจิทัล AOT จับมือ Google ยกแพลตฟอร์มขึ้นคลาวด์ – พัฒนาระบบนำทางในสนามบิน

รับนักท่องเที่ยวยุคดิจิทัล AOT จับมือ Google ยกแพลตฟอร์มขึ้นคลาวด์ – พัฒนาระบบนำทางในสนามบิน

แชร์ :

AOT

ท่าอากาศยานไทย (AOT) จับมือ Google ยกเครื่องระบบไอที – แอปพลิเคชันขึ้นแพลตฟอร์ม Google Cloud หลังพบตัวเลขเสิร์ชหาไฟล์ทนักท่องเที่ยวขาเข้า – ขาออกพุ่ง 386% (YoY) และ 544% (YoY) ตามลำดับ คาดการณ์ปีนี้จะมีนักเดินทางเพิ่มเป็น 56 ล้านคน เล็งจับมือ Google Maps ญี่ปุ่นทำแผนที่นำทางในสนามบิน ช่วยเพิ่มประสบการณ์นักท่องเที่ยว เตรียมเปิดตัวไตรมาส 2 ปีนี้

ADFEST 2024

Santos Or Jaune

ความร่วมมือดังกล่าวได้รับการเปิดเผยจากคุณวรวุฒิ แสนทวีสุข ผู้อำนวยการฝ่าย Information and Communication Technology ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ที่ระบุว่า ปี 2565 ท่าอากาศยานไทยมีตัวเลขผู้โดยสารที่ Recover กลับมา 45 ล้านคน ส่วนปี 2566 คาดว่าจะมีผู้โดยสารกลับมา 56 ล้านคน ซึ่งในมุมของ AOT ถือว่าเป็นการดีลกับสิ่งที่มีความผันผวนอย่างมาก 

สอดคล้องกับข้อมูลจากคุณเอพริล ศรีวิกรณ์ ผู้จัดการประจำประเทศไทยของ Google Cloud ที่เผยว่า ปริมาณการค้นหาของ Google ในวันที่ 1 ตุลาคม 2565 ซึ่งตรงกับวันที่ประเทศไทยประกาศยกเลิกข้อจำกัดด้านโควิด-19 ทั้งหมดนั้น มีความต้องการค้นหาไฟล์ทขาเข้าในประเทศไทยเพิ่มขึ้น 386% (YoY) โดยการฟื้นตัวนี้ยังคงดำเนินต่อไปจนถึงเดือนมีนาคม 2566 ซึ่งมีความต้องการขาเข้าเพิ่มขึ้นมากกว่า 161% (YoY)

เช่นเดียวกับความต้องการค้นหาไฟล์ทขาออกจากประเทศไทยที่พบว่ามีความต้องการเพิ่มขึ้นเช่นกัน โดยในวันที่ 1 ตุลาคม 2565 ความต้องการเดินทางขาออกเพิ่มขึ้น 544% (YoY) การฟื้นตัวนี้ดำเนินต่อไปจนถึงเดือนมีนาคม 2566 ซึ่งมีความต้องการดังกล่าวเพิ่มขึ้นมากกว่า 187% (YoY)

April Srivikorn, Country Manager, Thailand, Google Cloud

คุณเอพริล ศรีวิกรณ์ ผู้จัดการประจำประเทศไทยของ Google Cloud

ท่าอากาศยานไทยยกระบบขึ้น Google Cloud

การเพิ่มประสบการณ์ด้านดิจิทัลสำหรับนักเดินทางจึงต้องเกิดขึ้นตามมา โดยในการเข้าใช้ Google Cloud ของท่าอากาศยานไทยนั้น คุณเอพริลเผยว่า สามารถช่วยบริษัทเพิ่มขีดความสามารถในการให้บริการนักท่องเที่ยวยุคใหม่ได้ดีขึ้น เนื่องจากทำให้ระบบมีความยืดหยุ่นกว่าเดิม ซึ่งเหมาะกับประเทศไทยที่ปริมาณนักท่องเที่ยวทั้งขาเข้าและขาออกมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยทางท่าอากาศยานไทย และ Sky ICT ซึ่งเป็นผู้พัฒนาแอปพลิเคชัน SAWASDEE by AOT จะย้ายอสังหาริมทรัพย์ดิจิทัลของท่าอากาศยานไทยทั้ง 6 แห่ง (ประกอบด้วยสนามบินสุวรรณภูมิ ดอนเมือง เชียงใหม่ เชียงราย ภูเก็ต และหาดใหญ่) ขึ้นไปยังโครงสร้างพื้นฐานแบบเปิดของ Google Cloud ซึ่งรวมถึงระบบไอทีที่สนับสนุนบริการภาคพื้นดินด้วย

aot

จับมือ Google Maps เปิดตัวระบบนำทางในสนามบิน ไตรมาส 2 นี้

จากการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว ท่าอากาศยานไทยเผยว่า สามารถเพิ่มขีดความสามารถในการรับและส่งข้อมูลอัปเดตตามเวลาจริงของข้อมูลสนามบินและเที่ยวบินไปยังผู้โดยสารหลายล้านคนได้ตามเวลาที่ต้องการ และช่วยลดต้นทุนในช่วงที่ไม่ต้องการการประมวลผลได้ด้วย

หรือในส่วนของแอปพลิเคชัน SAWASDEE by AOT พบว่า ภายใต้การร่วมมือกับ Google บริษัทจะมีการเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่อย่าง Indoor Map ภายในไตรมาส 2 ของปีนี้ โดยเป็นการร่วมงานกับทาง Google Maps ประเทศญี่ปุ่นในการออกแบบ และ Navigate การเดินทางภายในสนามบินให้ตอบโจทย์นักเดินทางแต่ละคนได้มากขึ้น

คุณขยล ตันติชาติวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยี บริษัท สกาย ไอซีที จำกัด (มหาชน) ในฐานะบริษัทผู้พัฒนาแอปพลิเคชัน SAWASDEE by AOT ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า การมี Indoor Map สามารถช่วยให้ประสบการณ์การเดินทางภายในสนามบินของผู้โดยสารดีขึ้น โดยนักเดินทางสามารถกำหนดเส้นทางที่ต้องการได้แบบ Personalized เช่น นักเดินทางบางคนอาจต้องการแค่มาต่อเครื่องอย่างด่วน สนามบินก็อาจเสนอบริการ Fast Track ให้เป็นพิเศษได้ หรือนักเดินทางบางคนต้องการช้อปปิ้ง สนามบินก็สามารถเสนอเส้นทางช้อปปิ้งให้เป็นพิเศษได้ เป็นต้น 

จับมือ EVme สร้างการท่องเที่ยวยั่งยืน

นอกจากระบบไอทีและแอปพลิเคชันของท่าอากาศยานไทยแล้ว Google Cloud ยังมีการจับมือกับ EVme บริษัทในเครือของ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)(PTT) ร่วมด้วย หลังพบเทรนด์การค้นหาด้านความยั่งยืนในประเทศไทยขยับเพิ่มขึ้นมากกว่า 200% และมีผู้บริโภคยุคดิจิทัล เกือบ 4 ใน 10 รายยอมรับว่ายินดีจ่ายมากขึ้นเพื่อซื้อผลิตภัณฑ์หรือบริการที่ยั่งยืน

คุณจิระพงษ์ เลาขจร ประธานเจ้าหน้าที่การพาณิชย์ บริษัท อีวี มี พลัส จำกัด เผยว่า สิ่งที่ EVme ใช้คือการวิเคราะห์ขั้นสูง และระบบธุรกิจอัจฉริยะซึ่งช่วยให้เข้าใจความต้องการของลูกค้าได้ดีขึ้น เช่น สามารถจัดสรรรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นต่าง ๆ สำหรับให้บริการรถเช่าได้ผ่านแอปพลิเคชันมือถือเพื่อรองรับไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างกัน ช่วยให้ตัดสินใจติดตั้งสถานีชาร์จ EV สาธารณะเพิ่มเติมที่เชื่อมต่อกับแพลตฟอร์มได้ตรงกับความต้องการผู้บริโภค รวมถึงช่วยสร้างขีดความสามารถในการให้คำแนะนำอย่างรวดเร็วและให้ความช่วยเหลือลูกค้าได้ตลอด 24 ชั่วโมง โดยทั้งหมดนี้เพื่อตอบโจทย์การเดินทางแบบยั่งยืนนั่นเอง”

สิ่งที่น่าสนใจอีกประการคือ แนวทางการใช้คลาวด์ของภาคธุรกิจไทยที่พบว่าเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยผู้บริหาร Google Cloud เผยว่า การใช้งาน Google Cloud ในประเทศไทยเติบโตทะลุ 60 – 70% ต่อปี โดยมี 5 อุตสาหกรรมหลักใช้งานสูงสุด ได้แก่ สถาบันการเงิน ค้าปลีก โทรคมนาคม Communication และภาคการผลิต (Manufacturing) 


แชร์ :

You may also like