HomeDigitalโนเกียเผยสัญญาณ ต่างชาติสนใจผุด “โรงงานอัจฉริยะ” ในไทยเพิ่ม

โนเกียเผยสัญญาณ ต่างชาติสนใจผุด “โรงงานอัจฉริยะ” ในไทยเพิ่ม

แชร์ :

5G shutterstock

โนเกีย (Nokia) เผยสัญญาณการเติบโตของ 5G ในประเทศไทยกำลังเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องผ่านบริษัทต่างชาติที่ต้องการลงทุนด้าน Private Network ในโรงงานอุตสาหกรรม โดยพบความต้องการจากแบรนด์ที่มาจากสหรัฐอเมริกา และญี่ปุ่น ตั้งเป้าสร้าง Pilot Project ด้าน Private Network ให้เกิดเป็นรูปธรรมภายในปีนี้ พร้อมชี้ว่า การมุ่งสู่โรงงานอัจฉริยะของประเทศไทยจะมีต้นทุนที่ถูกลงหากหน่วยงานที่กำกับดูแลอย่าง กสทช. จะมีการบริหารจัดการคลื่นความถี่ที่เหมาะสม เช่น การกำหนดคลื่นความถี่ 5G สำหรับการใช้งานในระดับ Enterprise ขึ้นเป็นการเฉพาะ รวมถึงมีการกำหนดค่าใช้จ่ายในการประมูลคลื่นความถี่ที่แตกต่างกันตามการใช้งาน

ADFEST 2024

Santos Or Jaune

ทั้งนี้ ปัจจุบัน โนเกีย มีการให้บริการ Private Network (เครือข่ายไร้สายแบบส่วนตัว) สำหรับภาคอุตสาหกรรมอยู่กว่า 450 แห่งทั่วโลก แต่ในจำนวนนี้ยังไม่มีการเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการในประเทศไทยเลย ซึ่งทางบริษัทคาดว่าจะสามารถสร้าง Pilot Project ได้ 1 – 2 โครงการภายในปีนี้

ส่วนในแง่ของการทำงานกับผู้ให้บริการโทรคมนาคมที่มีไลเซนต์ในมือนั้น คุณฐิติพันธุ์ วรกุลลัฎฐานีย์ ผู้บริหารฝ่ายขายองค์กร (Enterprise Sales Leader) บริษัท โนเกีย ประจำประเทศไทย เผยว่า พร้อมทำงานกับทุกค่ายทั้งเอไอเอส ทรู ดีแทค และ NT โดยจะโฟกัสไปที่พื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC

คุณฐิติพันธุ์ วรกุลลัฎฐานีย์ ผู้บริหารฝ่ายขายองค์กร (Enterprise Sales Leader) บริษัท โนเกีย ประจำประเทศไทย

คุณฐิติพันธุ์ วรกุลลัฎฐานีย์ ผู้บริหารฝ่ายขายองค์กร (Enterprise Sales Leader) บริษัท โนเกีย ประจำประเทศไทย

สำหรับการสร้าง Private Network บนเครือข่าย 5G สำหรับภาคอุตสาหกรรมนั้น ทางผู้บริหารโนเกียเผยว่า เห็นความต้องการจากลูกค้าในระดับ Global Player ที่มาจากสหรัฐอเมริกา และญี่ปุ่น พร้อมยกตัวอย่างว่ามีธุรกิจเคมีคอล ซึ่งมีการใช้โซลูชันของโนเกียอยู่แล้วในต่างประเทศ และต้องการใช้โซลูชันของโนเกียในประเทศไทยด้วย

ส่วนกลุ่มโรงงานอุตสาหกรรมในประเทศที่สนใจ ทางโนเกีย ประเทศไทยก็เผยว่าพร้อมให้ข้อมูล – คำแนะนำด้านโซลูชันต่าง ๆ ด้วยเช่นกัน โดยระบุว่า ปัจจุบัน ทางบริษัทมีเคสการประยุกต์ใช้ 5G แล้วใน 10 อุตสาหกรรมใหม่ที่เป็น New S-Curve ของโลก  ซึ่งประกอบด้วยอุตสาหกรรมต่าง ๆ ดังนี้

  1. BioFuel & BioChemical
  2. Digital Economy
  3. Medical Hub
  4. Automation and Robotics
  5. Aviation and Logistics
  6. Agricultural and BioTechnology
  7. Smart Electronics
  8. Affluent Medical and Wellness Tourism
  9. Next Generation Automotive
  10. Food for the future

“สำหรับประเทศไทยที่ยังคงเดินหน้าสู่อุตสาหกรรม 4.0 มีความจำเป็นอย่างมากที่องค์กรในประเทศจะเร่งผลักดันการยอมรับเทคโนโลยี 5G รวมถึงการเปิดรับโอกาสใหม่ ๆ ที่จะช่วยสนับสนุนอุตสาหกรรมดิจิทัลเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ เนื่องจากการเชื่อมต่อไร้สายแบบ Private Network สามารถช่วยให้ภาคอุตสาหกรรมเชื่อมต่อเครื่องจักร พนักงาน และเซนเซอร์เข้าด้วยกัน อีกทั้งยังมีความปลอดภัย และยืดหยุ่นต่อภาคการผลิตมากขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับองค์กรระดับ Enterprise นั่นเอง” คุณฐิติพันธุ์กล่าว พร้อมอธิบายถึงการบริหารจัดการคลื่น 5G ในหลายประเทศที่จะมีการกำหนดช่วงคลื่นสำหรับใช้ในภาคอุตสาหกรรมเป็นการเฉพาะ (Enterprise License) ไม่ให้มาปะปนกับการใช้งานในธุรกิจอื่น ๆ ซึ่งรัฐบาลหลายประเทศก็มีการสนับสนุนให้มีค่าใช้จ่ายในการประมูลที่น้อยกว่า เพื่อให้ภาคการผลิตมีต้นทุนที่ถูกลง และสามารถแข่งขันได้ดีขึ้นนั่นเอง


แชร์ :

You may also like