HomePR NewsJames Dyson Award เปิดเวทีหนุนนักประดิษฐ์ไทย พร้อมเงินรางวัลกว่า 2 แสนบาท [PR]

James Dyson Award เปิดเวทีหนุนนักประดิษฐ์ไทย พร้อมเงินรางวัลกว่า 2 แสนบาท [PR]

แชร์ :

shutterstock_dyson logo
James Dyson Award ซึ่งเป็นการประกวดแข่งขันออกแบบนวัตกรรมระดับโลก จัดโดย James Dyson Foundation เปิดตัวในประเทศไทยแล้วอย่างเป็นทางการ และเปิดรับผลงานจากนักประดิษฐ์รุ่นใหม่แล้ววันนี้ โดยผู้ชนะระดับชาติจะได้รับรางวัลจำนวน 222,000 บาทและมีสิทธิในการชิงรางวัลระดับนานาชาติที่มีรางวัลจำนวนถึง 1,330,000 บาท โดยเปิดรับผลงานแล้วตั้งแต่วันนี้ ถึงวันที่ 6 กรกฎาคม 2565 ผ่านเว็บไซต์ jamesdysonaward.org

ADFEST 2024

Santos Or Jaune

สำหรับการประกวดแข่งขันออกแบบนวัตกรรม James Dyson Award ได้จัดขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 2005 เพื่อค้นหาไอเดียสดใหม่ของนักศึกษาและบัณฑิตจบใหม่จากคณะวิศวกรรมและคณะด้านการออกแบบด้วยโจทย์เดิมมาตลอด 17 ปีนั่นก็คือ “ออกแบบอะไรก็ได้ที่แก้ไขปัญหา” และด้วยโจทย์ดังกล่าว ทำให้เราได้เห็นสิ่งประดิษฐ์ที่เกิดขึ้นจากปัญหาในระดับโลกมากมาย โดยผู้ชนะในปีที่ผ่านมาได้นำเสนอสิ่งประดิษฐ์ที่แก้ไขปัญหาที่น่าทึ่ง ตั้งแต่แก้ไขปัญหาการเข้าถึงการรีไซเคิลพลาสติก แก้ปัญหาเลือดออกจากแผลมีดบาด และพัฒนาการตรวจโรคต่าง ๆ ได้เองที่บ้าน ฯลฯ

สำหรับรางวัลในระดับนานาชาตินั้นจะถูกคัดเลือกโดย James Dyson โดยตรง ผู้ชนะการประกวดครั้งนี้จะได้รางวัลเป็นเงินทุนและยังได้รับโอกาสการประชาสัมพันธ์ผลงานในระดับโลก ซึ่งถือเป็นก้าวแรกที่สำคัญในการนำไอเดียไปต่อยอดทางธุรกิจด้วย

James Dyson ผู้ก่อตั้งและหัวหน้าทีมวิศวกร Dyson กล่าวว่า “ความสำคัญของรางวัล James Dyson Award คือการแก้ปัญหาอย่างชาญฉลาด และส่งเสริมให้นักประดิษฐ์และออกแบบรุ่นใหม่ได้ตั้งคำถามและท้าทายกับสิ่งต่าง ๆ ผมเชื่อว่าคนรุ่นใหม่มีความคิดที่จะเปลี่ยนแปลงโลกใบนี้ และมันเป็นสิ่งที่ควรสนับสนุน เพราะโลกในอนาคตคือโลกของพวกเขา รางวัลนี้จะให้ความมั่นใจและพื้นที่สำหรับการแก้ปัญหา ซึ่ง 70% ของผู้ชนะในระดับนานาชาติที่ผ่านมาได้สานต่อโครงการและต่อยอดสิ่งประดิษฐ์ของพวกเขาในทางธุรกิจด้วย ผมตื่นเต้นมากที่ในปีนี้เราจะเปิดตัว James Dyson Award ในประเทศไทยเป็นครั้งแรก และผมตั้งตารอดูผลงานที่จะเปลี่ยนโลกจากนักประดิษฐ์เยาวชนไทย ขอให้ทุกคนโชคดี”

รางวัลของผู้ชนะ James Dyson Award

  • เงินรางวัล: ผู้ชนะระดับชาติจะได้รับเงินรางวัลจำนวน 222,000 บาท และผู้ชนะรางวัลระดับนานาชาติจะได้รับเงินรางวัลจำนวน 1,330,000 บาท เพื่อใช้เป็นทุนในการสานต่อและต่อยอดสิ่งประดิษฐ์ต่อไปในอนาคต
  • ได้รับการประชาสัมพันธ์ผลงาน: การชนะรางวัล James Dyson Award จะทำให้ผลงานเป็นที่สนใจของสื่อมวลชน สาธารณะชน และผู้เชี่ยวชาญในแวดวงวิศวกรรมและการออกแบบ ที่จะช่วยเปิดโอกาสในการพัฒนาสิ่งประดิษฐ์ในอนาคต
  • ได้รับการสนับสนุนจากชุมชนนักประดิษฐ์: ในปีนี้ James Dyson Award ได้เปิดตัวเครือข่ายผู้ชนะการประกวดขึ้น โดยจะจัดกิจกรรมและโอกาสในการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการนำสิ่งประดิษฐไปต่อยอดทางธุรกิจหรือคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญในสาขาต่างๆ

ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา จำนวนสิ่งประดิษฐ์จากผู้เข้าแข่งขันทั่วโลกได้เพิ่มขึ้นจนทำลายสถิติ และด้วยวิสัยทัศน์ที่เห็นถึงความสำคัญของวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมในการอนาคต James Dyson ได้เลือกผู้ชนะรางวัลระดับนานาชาติถึง 3 รางวัลเป็นครั้งแรกในปี 2564 ที่ผ่านมาโดยแต่ละรางวัลจะได้เงินรางวัลจำนวน 1,330,000 เช่นกัน

ในปีนี้จะมีการเลือกผู้ชนะรางวัลระดับนานาชาติเช่นเดิม แต่ก่อนจะถึงการแข่งขันในระดับนานาชาติ แต่ละประเทศจะทำการคัดเลือกผู้ชนะในระดับชาติ และรางวัลรองชนะเลิศอีก 2 รางวัล โดยคณะกรรมการที่ทำการคัดเลือกผู้ชนะจะมาจากผู้เชียวชาญในแต่ละประเทศและวิศวกรจาก Dyson โดยในปี พ.ศ. 2565 นี้ James Dyson Award ได้เปิดตัวเป็นครั้งแรกใน 2 ประเทศนั่นก็คือประเทศตุรกี และ ประเทศไทย

สำหรับผู้ที่ชนะรางวัลระดับชาติจะได้รับเลือกให้ลงแข่งในระดับนานาชาติโดยอัตโนมัติ โดย James Dyson จะเป็นผู้คัดเลือกผู้ชนะในระดับนานาชาติด้วยตัวเอง โดยสิ่งที่วิศวกรจาก Dyson มองหาในสิ่งประดิษฐ์จากการแข่งขันครั้งนี้ไม่ได้ให้ความสำคัญกับแค่ผลกระทบของปัญหาเป็นส่วนหลัก แต่เป็นคุณค่าของสิ่งประดิษฐ์นั้น รวมถึงการทำงานได้จริงอย่างมีประสิทธิภาพของสิ่งประดิษฐ์นั้นด้วย

ตัวอย่างผลงานที่เกิดจาก James Dyson Award

  • mOm incubators จากผู้ชนะระดับนานาชาติปี 2014 ผลงานที่เพิ่มตัวเลือกในการดูแลเด็กแรกเกิด หลังจากทดสอบการใช้งานเสร็จสิ้น ขณะนี้ mOm ได้ใช้งานในองค์กร UK NHS trust สามแห่งและได้ช่วยชีวิตทารกกว่า 20 ชีวิต โดยมีแผนการพัฒนา mOm ไปสู่การใช้งานในระดับโลกเพื่อช่วยอัตรการเข้าถึกการดูแลทารกทั่วโลก และในปี 2017 ผู้ชนะรางวัลรองชนะเลิศจากสหรัฐอเมริกา
  • SoaPen สบู่ในรูปแบบปากกาสีสันสดใสที่กระตุ้นการล้างมือได้พัฒนาผลงานสู่การดำเนินธุรกิจและติดอันดับ Forbes 30 Under 30 Lists และได้จำหน่ายสินค้าทั่วทวีปอเมริกาและล่าสุดได้ผลิตเจลล้างมือเพื่อตอบรับความต้องการของตลาดในช่วงการระบาดของโรค COVID-19
  • Rabbit Ray ผู้ชนะรางวัลรองชนะเลิศระดับชาติ จากสิงคโปร์ เครื่องมือสื่อสารสำหรับบุคลากรทางการแพทย์ที่ช่วยอธิบายขั้นตอนทางการแพทย์แก่เด็ก โดยเจ้าของสิ่งประดิษฐ์ Esther Wang ได้ก่อตั้งบริษัทด้านสุขภาพและการศึกษาที่ชนะรางวัลอย่างบริษัท Joytingle โดยสิ่งประดิษฐ์ของเธอสามารถช่วยอธิบายได้ตั้งแต่การฉีดวัคซีนจนไปถึงการรักษาด้วยคีโม

 


แชร์ :