HomeSponsoredผ่าเกม Asset Wise ลุยโมเดล “ร่วมทุน-ซื้อกิจการ” สูตรลัดเสริมแกร่ง ปั้นแบรนด์สู่กลางใจลูกค้า

ผ่าเกม Asset Wise ลุยโมเดล “ร่วมทุน-ซื้อกิจการ” สูตรลัดเสริมแกร่ง ปั้นแบรนด์สู่กลางใจลูกค้า

แชร์ :

ปี 2564 ที่ผ่านมา นับเป็นปีที่ไม่ง่ายสำหรับตลาดอสังหาริมทรัพย์ เพราะต้องเผชิญกับการแข่งขัน และความไม่แน่นอนจากการระบาดของโควิด-19 ซึ่งทำให้พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไปจากเดิม พร้อมกับอำนาจซื้อที่ลดลง แต่ “บริษัท แอสเซทไวส์ จำกัด (มหาชน)” หรือ Asset Wise (ASW) แบรนด์อสังหาฯ รายเล็กกแต่ลับสามารถลุยธุรกิจในตลาดคอนโดได้อย่างโดดเด่น ที่สำคัญยังสามารถนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้สำเร็จ

ADFEST 2024

Santos Or Jaune

ปีนี้ ASW กำลังก้าวต่อไปอีกขึ้น เพื่อตอกย้ำภาพลักษณ์การเป็นผู้พัฒนาอสังหาฯ สำหรับคนรุ่นใหม่ต่อเนื่อง ด้วยการประเดิมปิด 2 ดีลใหญ่ ดีลแรก คือ การร่วมทุนกับบิ๊กอสังหาฯ ญี่ปุ่น “ทาคาระ เลเบ็น” (Takara Leben) เพื่อพัฒนาคอนโดแอชโมช บางนา และ ดีลที่สอง คือ เข้าซื้อกิจการ “แม็กซี่ พรีเมี่ยม วัน” ซึ่งจะเป็นก้าวสำคัญของการต่อจิ๊กซอว์ธุรกิจ ASW ให้แข็งแกร่งมากขึ้น ไปพร้อมๆ กับการย่นเวลาในการพัฒนาโครงการ และสร้างแบรนด์คอนโดมิเนียมให้เข้าไปนั่งกลางใจคนรุ่นใหม่เพิ่มมากขึ้นด้วย

ต่อยอดจากจุดแข็ง สู่โมเดล “ร่วมทุน-ซื้อกิจการ”

เดิมทีการเลือกซื้ออสังหาฯ สองปัจจัยแรกที่คนนึกถึงก่อนก็คือ ทำเล และราคา ทำให้ผู้ประกอบการส่วนใหญ่จะเสาะหา “ทำเล” ทองมาเป็นจุดขายในการพัฒนาโครงการและทำตลาด เช่น ติดรถไฟฟ้า และศูนย์กลางเศรษฐกิจ แต่ ASW กลับเดินเกมสวนทางกับนักพัฒนาอสังหาฯ รายอื่น โดยการเลือกทำเลที่ยังมีช่องว่าง คู่แข่งไม่ค่อยทำตลาด นั่นคือ ทำเลใกล้กับมหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นตลาด Blue Ocean เลยทำให้กลายเป็นจุดแข็งที่ทำให้แบรนด์เป็นที่ยอมรับในกลุ่มคนรุ่นใหม่

ต่อมาเมื่อดีไซน์และแบรนด์ เริ่มเข้ามามีบทบาทมากขึ้นในธุรกิจคอนโดมิเนียม เพราะจะช่วยสะท้อนไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัยของผู้บริโภค ทำให้ ASW หันมาสร้างแบรนด์ ผ่านการดีไซน์คอนโดที่รองรับกับไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัยของลูกค้าในทำเลนั้นๆ ซึ่งนอกจากจะทำให้คาแรคเตอร์ของแต่ละโครงการมีความชัดเจนแล้ว ยังเชื่อมโยงให้แบรนด์เข้าถึงกลุ่มคนรุ่นใหม่ได้ดียิ่งขึ้นด้วย

กระทั่งมาถึงยุคดิจิตอล ทำให้พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไว และมีทางเลือกหลากหลาย ประกอบกับสถานการณ์ตลาดอสังหาฯ ในปัจจุบันที่ยังมีความผันผวนจากหลายปัจจัย การจะชนะใจลูกค้ายุคนี้ จึงต้องมีวิธีการพัฒนาโปรดักต์และกลยุทธ์การตลาดที่แตกต่างไปจากเดิม ส่งผลให้ปีนี้ ASW จึงขอยึดโมเดล “ร่วมทุน-ซื้อกิจการ” มาใช้ขับเคลื่อนธุรกิจ หลังจากพัฒนาโครงการเองมาตลอด 17 ปี

โดย คุณกรมเชษฐ์ วิพันธ์พงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซทไวส์ จำกัด (มหาชน) ให้เหตุผลว่า การเลือกใช้ 2 โมเดลนี้เพราะมองว่าเป็นวิธีที่จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจ ไปพร้อมกับการลดความเสี่ยงและเวลาในการพัฒนาโครงการเอง เป็นเหมือนการขึ้นทางด่วนนำพาบริษัทไปถึงเป้าหมายการเติบโตที่วางไว้ได้เร็วขึ้น ทั้งยังช่วยสร้าง Brand Awareness สู่ผู้บริโภคในวงกว้างได้มากขึ้น

 ร่วมทุนญี่ปุ่น ปั้น “แอทโมช บางนา” ต่อยอดแบรนด์ ASW ในใจผู้บริโภค

การร่วมทุนกับบริษัททาคาระ เลเบ็น ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของญี่ปุ่นที่มีความเชี่ยวชาญในธุรกิจอสังหาฯ มากว่า 50 ปี ร่วมกันพัฒนาโครงการคอนโดแรก “แอทโมช บางนา” มูลค่ากว่า 2,200 ล้านบาท บนทำเลใหม่ที่เป็น NEW CBD ย่านบางนา ซึ่งเป็นคอนโดมิเนียมโลว์ไรส์ขนาดใหญ่ ใกล้รถไฟฟ้า BTS สายสีเขียว และ MRT สายสีเหลือง ติดถนนใหญ่เส้นบางนา-ตราด โดย ASW ถือหุ้นในสัดส่วน 51% และ ทาคาระ เลเบ็น ถือหุ้น 49%

คุณคาซูอิชิ ชิมาดะ CEO บริษัท ทาคาระ เลเบ็น จำกัด บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำ โดยมีโครงการคอนโดมิเนียมและบ้านเดี่ยวกว่า 500 โครงการ ทั้งยังประกอบธุรกิจโรงผลิตไฟฟ้าและธุรกิจโรงแรมในญี่ปุ่น บอกว่า ธุรกิจอสังหาฯ ในประเทศไทยมีศักยภาพในการเติบโตสูงในเอเชีย เนื่องจากการลงทุนและพัฒนาโครงการที่เกี่ยวข้องกับโครงสร้างพื้นฐานอย่างต่อเนื่อง อาทิ โครงการรถไฟฟ้าสายต่างๆ ตลอดจนโครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูง

“บริษัทมองหาพันธมิตรที่มีความแข็งแกร่งในแต่ละประเทศ เพื่อร่วมกันสร้างโอกาสในการเติบโต ซึ่งการร่วมทุนกับ ASW เพื่อพัฒนาโครงการแอทโมซ บางนา ครั้งนี้ จึงถือเป็นการวางรากฐานของบริษัทในระยะยาว สู่การเติบโตที่สอดคล้องกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในประเทศไทย”

ขณะที่ในมุมของ ASW แน่นอนว่าการร่วมทุนกับแบรนด์อสังหาฯ ต่างชาติ นอกจากจะได้เงินทุนมาพัฒนาโครงการเพิ่มเติมแล้ว ยังทำให้ ASW ได้เรียนรู้แนวคิดการทำงานใหม่ๆ ทั้งยังทำให้แบรนด์เป็นรู้จักในระดับ Worldwide มากขึ้นด้วยเช่นกัน

Take Over แม็กซี่ ไพร์ม เสริมพอร์ต

นอกจากการร่วมทุนกับพันธมิตร  ASW ยังได้เข้าซื้อกิจการบริษัท แม็กซี่ พรีเมียร์ วัน ซึ่งมีทุนจดทะเบียน 30 ล้านบาท เจ้าของโครงการ แม็กซี่ ไพร์ม รัชดา – สุทธิสาร (Maxxi Prime Ratchada-Sutthisan) ซึ่งตั้งอยู่ในทำเลทองใจกลางรัชดา – สุทธิสาร ที่สำคัญโครงการนี้ยังสอดคล้องกับหลักการพัฒนาโครงการของแอสเซทไวส์ คือ เน้นสร้างความสุขในการอยู่อาศัย ผ่านทั้งตัวโครงการที่ดี การออกแบบห้องพักที่สวยงามลงตัว และการมอบความสุขด้วยส่วนกลาง (Facility) ที่มอบให้อย่างเต็มที่ เมื่อเทียบกับคอนโดมิเนียมในระดับ Affordable ด้วยกัน

สำหรับโครงการแม็กซี่ ไพร์ม รัชดา – สุทธิสาร มีมูลค่า 570 ล้านบาท เป็นคอนโดมิเนียมสูง 8 ชั้น 1 อาคาร มีทั้งหมด 218 ยูนิต อยู่ใกล้กับรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน สถานีสุทธิสาร ประมาณ 400 เมตร และใกล้กับส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าสายสีเหลือง สถานีลาดพร้าว เบื้องต้นพัฒนาโครงการแล้วกว่า 95 % และสามารถโอนกรรมสิทธิ์ภายในเดือนกุมภาพันธ์ ทำให้สามารถสร้างรายได้ให้บริษัทได้ในเวลาอันรวดเร็ว ช่วยลดความเสี่ยงและระยะเวลาในการพัฒนาโครงการ ทั้งยังเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า เพราะได้อัตราผลตอบแทนภายใน (IRR) สูงกว่าการพัฒนาโครงการเองจากที่ดินเปล่า

เพราะฉะนั้น การปิด 2 ดีลใหญ่ของ ASW ตั้งแต่ต้นปี 2565 ในครั้งนี้ จึงถือเป็นอีกMovement สำคัญที่จะเข้ามาช่วยต่อยอดการเติบโตให้กับบริษัทสู่เป้าหมายอย่างรวดเร็ว และยิ่งทำให้แบรนด์ ASW เป็นรู้จักในวงกว้างมากขึ้น


แชร์ :

You may also like