การทำธุรกิจในยุคนี้ นอกจากการวัดผลด้วย “ผลประกอบการ” และ “ส่วนแบ่งการตลาด” แล้ว ความรับผิดชอบต่อสังคม (Corporate Social Responsibility) หรือ CSR ถือเป็นอีกขุมพลังสำคัญในการสร้างความยั่งยืนทางธุรกิจ เพราะทุกองค์กรต่างเข้าใจดีว่า หากสังคม ชุมชนไม่เติบโต ธุรกิจก็ไม่สามารถจะเดินหน้าต่อไปได้เช่นกัน
ทำให้ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา หลายองค์กรจึงตื่นตัวกับการทำ CSR อย่างจริงจัง เช่นเดียวกับบริษัทประกันชีวิตอันดับหนึ่งของประเทศไทยอย่าง “เอไอเอ” หรือ AIA หนึ่งในองค์กรที่วางแผนและขับเคลื่อนนโยบายด้าน CSR มาอย่างต่อเนื่อง ผ่านการให้ความสำคัญกับการพัฒนาชุมชนและสิ่งแวดล้อมเป็นหลัก สอดคล้องกับคำมั่นสัญญา ‘Healthier, Longer, Better Lives’ ที่มุ่งส่งเสริมให้คนไทยมีสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้น
ทางเชื่อมสกายวอล์กบีทีเอสเซนต์หลุยส์ – เอไอเอ สาทร ทาวเวอร์ สร้างชุมชนน่าอยู่
จากความเชื่อที่ว่าคุณภาพชีวิตชุมชนที่ดีเป็นกำลังสำคัญนำไปสู่ความยั่งยืนทางธุรกิจ ที่ผ่านมา เอไอเอ ประเทศไทย จึงเดินหน้าทำกิจกรรมเพื่อสังคม ผ่านกิจกรรมสาธารณประโยชน์หลากรูปแบบ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในชุมชน ที่บริษัทเข้าไปดำเนินธุรกิจอยู่ให้ดีขึ้น ด้วยการพัฒนาชุมชนตลอดจนสิ่งแวดล้อมในบริเวณนั้นให้น่าอยู่ โดยหลังจากที่บริษัทระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ บีทีเอส ได้ร่วมกับกลุ่มบริษัทเอไอเอ เปิดให้บริการสถานีเซนต์หลุยส์เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2564 ที่ผ่านมา ล่าสุดเอไอเอ ประเทศไทย ได้เปิดทางเชื่อมสกายวอล์ก ระหว่างบริเวณสถานีเซนต์หลุยส์ กับอาคารเอไอเอ สาทร ทาวเวอร์ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ที่เดินทางจากตัวสถานีมายังอาคาร หรือจากตัวสถานีผ่านทางเชื่อมต่อไปยังจุดอื่นๆ ภายในชุมชนได้สะดวกสบายและปลอดภัยมากขึ้น
คุณกฤษณ์ จันทโนทก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เอไอเอ ประเทศไทย เล่าว่า เอไอเอเป็นบริษัทที่มีความมุ่งมั่นในการยกระดับคนไทยให้มีสุขภาพและคุณภาพชีวิตที่ดี โจทย์สำคัญครั้งนี้จึงเป็นเรื่องเดิมที่เอไอเอยึดถึอมาตลอดการดำเนินธุรกิจ ซึ่งการจะให้คนไทยมีสุขภาพและคุณภาพชีวิตที่ดีนั้น ไม่ใช่แค่การให้ความรู้และให้บริการด้านสุขภาพกับคนในชุมชนเท่านั้น แต่รวมไปถึงการลงไปปรับภูมิทัศน์ตามสถานที่ต่างๆ ในชุมชนให้มีความปลอดภัยและน่าอยู่ ก็ถือว่าเป็นการช่วยให้คนในชุมชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้เช่นกัน
สำหรับการเปิดทางเชื่อมสกายวอล์กครั้งนี้ แม้เพิ่งจะเปิดให้บริการได้ไม่กี่เดือน แต่ได้รับการตอบรับอย่างดี เนื่องจากประชาชนจำนวนมาก โดยเฉพาะผู้ที่พักอาศัยในย่านสาทร ซอยเซนต์หลุยส์ และพื้นที่โดยรอบ รวมถึงนักเรียน บุคลากรโรงพยาบาลเซ็นต์หลุยส์ ผู้ที่ทำงานในอาคารเอไอเอ สาทร ทาวเวอร์ และอาคารสำนักงานใกล้เคียงอื่นๆ ต่างได้รับความสะดวกและความปลอดภัยในการเดินทางมากขึ้น
จาก CSR ต่อยอดธุรกิจสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน
นอกจากการสร้างคุณภาพชุมชนที่ดีแล้ว คุณกฤษณ์ยังเชื่อว่า การมีทางเชื่อมโดยตรงจากสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสเข้าสู่ตัวอาคาร จะเป็นปัจจัยที่ทำให้อาคารเอไอเอ สาทร ทาวเวอร์ ได้รับความสนใจจากผู้ที่ต้องการเช่าพื้นที่สำนักงานเพิ่มขึ้น ที่ปัจจุบันมีผู้เช่าแล้วกว่า 34,200 ตรม. หรือคิดเป็น 90% ของพื้นที่ให้เช่า เพราะนอกจากจะเป็นอาคารสำนักงานเกรดเอระดับพรีเมี่ยม ดีไซน์ยังล้ำสมัย ประหยัดพลังงาน และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ที่ผ่านการรับรองมาตรฐาน LEED EBOM ในระดับ Platinum และได้รับรางวัลจาก 2 เวทีชั้นนำอย่าง Thailand’s Property Awards และ Southeast Asia Property Awards ตัวอาคารยังตั้งอยู่บนทำเลทองย่านซีบีดีที่สะดวกสบายต่อการเดินทาง ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ส่วนตัว หรือรถโดยสารสาธารณะ
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ AIA Sathorn Tower : http://www.aiasathorntower.com/
ปัจจุบัน เอไอเอ ประเทศไทย นอกจากจะเป็นผู้นำด้านประกันชีวิต ยังมีการลงทุนในโครงการอสังหาริมทรัพย์ทั้งสิ้น 3 โครงการด้วยกัน ได้แก่ เอไอเอ แคปปิตอล เซ็นเตอร์ (AIA Capital Center) เอไอเอ สาทร ทาวเวอร์ (AIA Sathorn Tower) และ เอไอเอ อีสต์ เกตเวย์ (AIA East Gateway) โดยทั้ง 3 อาคารเป็นอาคารสำนักงานและพื้นที่ค้าปลีกให้เช่า บนย่านธุรกิจที่สำคัญของไทย โดยการลงทุนในโครงการอสังหาริมทรัพย์ของบริษัทคิดเป็นประมาณ 2% ของพอร์ตการลงทุน
ทีมผู้บริหารเอไอเอ ประเทศไทย นำโดย กฤษณ์ จันทโนทก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร พร้อมด้วย โจฮัน ดีทอย ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายลงทุน (ขวา) และ ปกป้อง ยินดีผล ผู้อำนวยการฝ่ายอสังหาริมทรัพย์
ทั้งนี้การตัดสินใจเลือกลงทุนในโครงการอสังหาริมทรัพย์ของเอไอเอ ล้วนเป็นไปตามความมุ่งมั่นที่จะช่วยยกระดับคุณภาพอาคารสำนักงานระดับพรีเมี่ยมในเมืองไทยให้อยู่ในระดับสากล ซึ่งมาพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน ทั้งสำหรับผู้เช่า และชุมชนรอบข้าง เพื่อสนับสนุนให้คนไทยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น สำหรับการเปิดทางเชื่อมสกายวอล์กสถานีเซนต์หลุยส์ ถือเป็นแผนการลงทุนระยะยาวของเอไอเอ ประเทศไทย เนื่องจากเล็งเห็นแนวโน้มการเติบโตทั้งทางเศรษฐกิจ และความเป็นอยู่ของผู้คนบนย่านที่เราลงทุน