HomePR Newsเกรท วอลล์ มอเตอร์ เปิดตัว All New HAVAL H6 Hybrid SUV อย่างเป็นทางการ ประกาศราคาสุดเร้าใจที่ 1,149,000 บาท สำหรับรุ่น PRO และ 1,249,000 บาท สำหรับรุ่น ULTRA พร้อมส่งมอบประสบการณ์ขับขี่อัจฉริยะให้ลูกค้าผ่าน GWM Application [PR]

เกรท วอลล์ มอเตอร์ เปิดตัว All New HAVAL H6 Hybrid SUV อย่างเป็นทางการ ประกาศราคาสุดเร้าใจที่ 1,149,000 บาท สำหรับรุ่น PRO และ 1,249,000 บาท สำหรับรุ่น ULTRA พร้อมส่งมอบประสบการณ์ขับขี่อัจฉริยะให้ลูกค้าผ่าน GWM Application [PR]

แชร์ :

(จากซ้าย) นายณรงค์ สีตลายน กรรมการผู้จัดการ เกรท วอลล์ มอเตอร์ ประเทศไทย , มร.เอลเลียต จาง ประธาน และมร. สตีเว่น หวัง รองประธาน เกรท วอลล์

เกรท วอลล์ มอเตอร์ เปิดตัว All New HAVAL H6 Hybrid SUV ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ภายใต้แนวคิด “It’s Time to CHANGE” ประกาศราคา รุ่น PRO ที่ 1,149,000 บาท และรุ่น ULTRA ที่ 1,249,000 บาท พร้อมแคมเปญ Premiere Deal สุดพิเศษช่วงเปิดตัว โดยผู้ที่สนใจสามารถจองและทดลองขับได้ผ่าน 2 ช่องทาง ทั้ง GWM Application และเว็บไซต์ WWW.GWM.CO.TH พร้อมประกาศความพร้อมในการส่งมอบประสบการณ์แบบ O2O (Online-To-Offline) ด้วยการขยายเครือข่ายการขายและศูนย์บริการอย่างต่อเนื่อง รวมถึงบริการหลังการขายครบวงจรภายใต้หลักการ 4Cs : Connected Capability Convenience และ Cost of Ownership มั่นใจสามารถส่งมอบรถลอตแรกได้ภายในเดือนกรกฎาคมนี้

ADFEST 2024

Santos Or Jaune

เกรท วอลล์ มอเตอร์ เปิดตัว All New HAVAL H6 Hybrid SUV พร้อมประกาศราคาของรถยนต์ในประเทศไทย
อย่างเป็นทางการ โดยมี มร.เอลเลียต จาง ประธาน มร. สตีเว่น หวัง รองประธาน เกรท วอลล์ มอเตอร์ ภูมิภาคอาเซียนและประเทศไทย และนายณรงค์ สีตลายน กรรมการผู้จัดการ เกรท วอลล์ มอเตอร์ ประเทศไทย ร่วมให้ข้อมูลและเปิดเผยราคา พร้อมตอกย้ำกลยุทธ์หลักการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย ในการเป็นผู้นำด้านยานยนต์ไฟฟ้า (xEV Leader) และส่งมอบประสบการณ์ใหม่ในด้านการขับขี่อัจฉริยะเหนือระดับ ตลอดจนแสดงความพร้อมด้านการขายและบริการหลังการขายแบบ O2O (Online-To-Offline) ครบวงจรผ่าน GWM Application ภายใต้กลยุทธ์ New User Experience ให้แก่ผู้บริโภคชาวไทย

มร.เอลเลียต จาง ประธาน เกรท วอลล์ มอเตอร์ ภูมิภาคอาเซียนและประเทศไทย กล่าวว่า “ทุกวันนี้โลกมีการเปลี่ยนแปลงโดยตลอดในหลากหลายมิติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงปีที่ผ่านมา ที่โลกประสบกับการแพร่ระบาดของ Covid-19 เกิดความปกติใหม่ (New Normal) และการปรับตัวในด้านต่าง ๆ ในอุตสาหกรรมยานยนต์มีการมุ่งเน้นไปที่ “ความเป็นไฟฟ้า ความอัจฉริยะ และความเป็นสากล” สำหรับเกรท วอลล์ มอเตอร์ นับตั้งแต่การเปิดตัวแบรนด์และการประกาศกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ครั้งนี้เรากลับมาพร้อมกับคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้ เราเน้นการเป็นผู้นำด้านรถยนต์พลังงานไฟฟ้า (xEV Leader) เพื่อมายกระดับอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย และสอดคล้องกับทิศทางของนโยบายของประเทศ เกรท วอลล์ มอเตอร์ ไม่เคยหยุดยั้งที่จะเดินหน้าวิจัยและพัฒนา ทั้งการออกแบบผลิตภัณฑ์ คิดค้นนวัตกรรมและเทคโนโลยีในการผลิตรถยนต์ที่ทันสมัย รวมไปถึงการออกแบบประสบการณ์การขับขี่ การบริการทั้งก่อนและหลังการขาย เพื่อส่งมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดภายใต้แบรนด์คอนเซ็ปต์ “New Energy” “New Intelligence” และ “New Experience” ผ่านรูปแบบแพลตฟอร์มออนไลน์และออฟไลน์ที่ผสานเข้าไว้ด้วยกันอย่างชาญฉลาด เพื่อสร้างและพัฒนาระบบการเชื่อมต่ออัจฉริยะอย่างไร้ขีดจำกัด ระหว่าง “คน รถ แพลตฟอร์ม ไลฟ์สไตล์” นับเป็นการเสริมสร้างประสบการณ์ใหม่ในทุกมิติ ซึ่งเราเชื่อมั่นเป็นเป็นอย่างยิ่งว่า ผู้บริโภคชาวไทยทุกท่านพร้อมที่จะเริ่มต้นไปพร้อมกับเรา และก้าวสู่ความเปลี่ยนแปลงนี้ไปด้วยกัน”

ด้าน มร. สตีเว่น หวัง รองประธาน เกรท วอลล์ มอเตอร์ ภูมิภาคอาเซียนและประเทศไทย เปิดเผยว่า “พวกเราทุกคนอยู่ใน ยุคแห่งการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ที่มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นทุกที่ทุกเวลา ซึ่ง เกรท วอลล์ มอเตอร์ นั้น ได้ปรับเปลี่ยนจากบริษัทรถยนต์แบบดั้งเดิมในอดีตมาเป็น บริษัทที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีระดับโลก (Global Mobility Technology Company) ดังนั้นเมื่อเราเข้ามาดำเนินธุรกิจในประเทศไทย เราจึงนำเสนอ “การเปลี่ยนแปลง” ด้วยรูปแบบการดำเนินธุรกิจแบบใหม่ ที่จะสร้างความสัมพันธ์ระหว่างแบรนด์และผู้ใช้ได้ดียิ่งขึ้น ทั้งในการเลือกรถ ซื้อรถ ใช้รถ และดูแลรักษารถ โดยทุกๆ การเปลี่ยนแปลงที่เรานำเสนอ เรายึดถือเอากลุ่มผู้บริโภคของเราเป็นหัวใจสำคัญ (User Centric)”

เกรท วอลล์ มอเตอร์ มุ่งสร้างความเปลี่ยนแปลง 5 ด้าน อันได้แก่

  • การเปลี่ยนแปลงด้านประสบการณ์การผลิตภัณฑ์

ด้วยนโยบาย xEV Leader ที่จะทำให้คนไทยได้สัมผัสกับแนวคิดการใช้รถยนต์และการเดินทางรูปแบบใหม่
ที่ให้ความสำคัญกับการใช้พลังงานไฟฟ้ามากยิ่งขึ้น All New HAVAL H6 Hybrid SUV จะเป็นรถรุ่นแรกจาก เกรท วอลล์ มอเตอร์ ที่มาพร้อมกับ LIFE+ เทคโนโลยีอัจฉริยะอันล้ำสมัยมากมายที่จะทำให้ผู้บริโภคชาวไทยได้สัมผัสประสบการณ์การขับขี่รูปแบบใหม่อย่างเต็มที่

  • การเปลี่ยนแปลงด้านช่องทางการจำหน่าย

GWM Store ทั้ง Direct Store และ Partner Store ไม่ได้เป็นเพียงแค่เครือข่ายธุรกิจรถยนต์แบบเดิมสำหรับการซื้อขายรถหรือการให้บริการแต่เพียงเท่านั้น แต่มีการพัฒนาไปสู่การเป็นพื้นที่อำนวยความสะดวก
แก่ลูกค้าเต็มรูปแบบ (User Lifestyle Space) ซึ่งนับเป็นพื้นที่ใช้สอยอเนกประสงค์สำหรับการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า ร่วมสร้างร่วมแบ่งปัน โดยเปลี่ยนจากการเน้นการขายเป็นการเน้นการให้บริการนอกจากนี้ยังมีการเชื่อมต่อกับบริการออนไลน์ผ่าน GWM Application  เพื่อให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์
ที่พิเศษจาก เกรท วอลล์ มอเตอร์ ในทุกช่องทาง

  • การเปลี่ยนแปลงด้านประสบการณ์เลือกซื้อรถยนต์

เรานำการเปลี่ยนแปลงใหม่ เพื่อยกระดับประสบการณ์การเลือกซื้อรถยนต์ของลูกค้า ไม่ว่าจะเป็น นโยบาย “ONE PRICE” ที่มีการกำหนดราคาเดียวในทุกช่องทาง มีมาตรฐานการบริการ ขั้นตอนการซื้อ และโปรโมชั่นเป็นมาตรฐานเดียวกันทั้งหมด โดยทุกสิ่งจะปรากฏอย่างโปร่งใสบน GWM Application และบนเว็บไซต์ทางการของ เกรท วอลล์ มอเตอร์ ทำให้ผู้บริโภคสามารถเลือกรถซื้อรถได้จากทุกแห่ง ทุกช่องทาง และได้รับข้อเสนอที่เป็นธรรม รวมไปถึงบริการที่เป็นเลิศในบรรทัดฐานเดียวกัน

  • การเปลี่ยนแปลงด้านรูปแบบการบริการ

เกรท วอลล์ มอเตอร์ มีการปรับนโยบายด้านบริการ “จากเชิงรับเป็นเชิงรุก” นำเสนอบริการที่จะสร้างประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าของเราเพื่อเพิ่มความอุ่นใจและคลายความกังวลให้ผู้ใช้บริการผ่าน GWM Application ซึ่งจะช่วยให้ข้อมูลที่สำคัญกับลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นการเช็คนัดหมายการบริการ การติดตามสถานะการบริการ และลูกค้ายังสามารถประเมิน ติชม และแสดงความคิดเห็นเพื่อร่วมพัฒนาการให้บริการให้ดียิ่งขึ้น โดยลูกค้าจะไม่ใช่เพียงแต่เป็นผู้รับบริการ แต่ยังเป็นผู้ร่วมพัฒนาบริษัทของเราด้วยเช่นกัน

  • การเปลี่ยนแปลงด้านความสัมพันธ์กับลูกค้า

เกรท วอลล์ มอเตอร์ ได้เปลี่ยนการดำเนินธุรกิจจากการมุ่งเน้นผลิตภัณฑ์ไปเป็นการมุ่งเน้นผู้ใช้เป็นหลัก โดยแนวคิดนี้จะสร้างและปรับเปลี่ยนความสัมพันธ์ในการซื้อและขายระหว่างเกรท วอลล์ มอเตอร์ พาร์ทเนอร์ และลูกค้า ให้เป็นความสัมพันธ์ที่พร้อมสนันสนุน และเติบโตไปด้วยกัน

ด้าน นายณรงค์ สีตลายน กรรมการผู้จัดการ เกรท วอลล์ มอเตอร์ ประเทศไทย ได้เปิดเผยถึงความพร้อมและกลยุทธ์ด้านการขายและบริการหลังการขายว่า “การเข้ามาเป็นแบรนด์ใหม่ที่จะได้รับการยอมรับในระยะเวลาที่รวดเร็วนั้น ไม่ใช่เรื่องง่าย เกรท วอลล์ มอเตอร์ จึงได้เตรียมความพร้อมในทุกมิติ เพื่อส่งมอบผลิตภัณฑ์และการบริการที่จะสร้างประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า เราศึกษาข้อมูลที่ได้จากการสำรวจและพูดคุยกับคนไทยอย่างต่อเนื่อง มาใช้ในการออกแบบประสบการณ์แบบ O2O (Online-to-Offline) ไม่ว่าจะเป็น การนำรถยนต์ xEV ที่จะช่วยตอบโจทย์ความต้องการของคนไทย การสร้างสรรค์แพ็กเกจและสิทธิประโยชน์ต่างๆ ที่จะให้ประโยชน์กับคนไทยมากที่สุด รวมไปถึงการสร้างเครือข่ายออฟไลน์ทั้ง 2 รูปแบบ ได้แก่ GWM Direct Store และ GWM Partner Store และเสริมด้วยการให้บริการแบบออนไลน์ผ่าน GWM Application เพื่อเชื่อมต่อประสบการณ์ให้ลูกค้าสามารถเข้าถึง
ทุกบริการได้โดยง่ายจากเพียงปลายนิ้วสัมผัส นับเป็นการยกระดับความสะดวกสบายและสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน”

ปัจจุบัน เกรท วอลล์ มอเตอร์ มี GWM Store เปิดให้บริการแล้วทั้งหมด 6 แห่ง แบ่งเป็น Direct Store 3 แห่ง ได้แก่ สาขาเซ็นทรัล บางนา สาขาฟิวเจอร์ปาร์ค รังสิต และสาขาสีลม คอมเพล็กซ์ และ Partner Store อีก 3 แห่ง ได้แก่ สาขาจรัญสนิทวงศ์ สาขาพระราม 5 และสาขาอุดมสุข และเราจะเปิดเพิ่มอีก 6 แห่งภายในเดือนกรกฎาคม รวมถึงทยอยเปิด GWM Store ให้ครบ 30 แห่งภายในสิ้นปีนี้ และมีเป้าหมายที่จะเปิดให้ครบ 50 แห่งภายในไตรมาสแรกของปีหน้า นอกจากนี้ เกรท วอลล์ มอเตอร์ ยังเตรียมที่จะเปิด Experience Center แห่งแรกนอกประเทศจีน ณ ศูนย์การค้าไอคอนสยาม ภายในไตรมาสที่ 3 และ Service Center ภายในไตรมาสที่ 4 ของปีนี้

สำหรับบริการหลังการขายนั้น เกรท วอลล์ มอเตอร์ ได้เตรียมความพร้อมในทุกด้านเพื่ออำนวยความสะดวกและส่งมอบบริการภายใต้แนวคิด 4Cs ได้แก่

  • Connected การเชื่อมต่อข้อมูลบริการและประวัติการซ่อมแบบ Realtime Centralized และ Accurate ที่มีความแม่นยำของข้อมูลมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเช็คประวัติของรถผ่านระบบ Telematic หรือการนำรถเข้าศูนย์บริการต่างๆ รวมไปถึงระบบ Call Center ที่สามารถแจ้งการรับบริการหรือขอความช่วยเหลือฉุกเฉินผ่านบริการ Roadside Assistance บน GWM Application นอกจากนี้ ลูกค้ายังสามารถเชื่อมต่อกับระบบ Infotainment ภายในรถเพื่อรับข้อมูลข่าวสาร การจราจร หรือแม้กระทั่งความบันเทิงผ่านระบบ Streaming เต็มรูปแบบ
  • Capability ศูนย์บริการที่ GWM Partner Store ทุกแห่ง ที่จะเปิดดำเนินการภายในสิ้นปีนี้ จะสามารถให้บริการลูกค้าได้อย่างเต็มที่ ด้วยช่องซ่อมรวม 256 ช่องซ่อม และอู่สี 11 แห่ง พร้อมคลังอะไหล่ที่สามารถส่งอะไหล่ได้ทั่วประเทศภายใน 24 ชั่วโมง และรับรองการสั่งอะไหล่แบบเร่งด่วนภายใน 3 ชั่วโมงภายในพื้นที่กรุงเทพและปริมณฑล โดยมีช่างเทคนิค ที่ผ่านการฝึกอบรมอย่างเข้มข้น เปี่ยมไปด้วยทักษะและความรู้ความสามารถพร้อมให้บริการลูกค้าอย่างดีที่สุด
  • Convenience ความสะดวกสบายในช่องทางเข้ารับบริการกว่า 3 ช่องทาง ได้แก่ 1) การนำรถเข้าศูนย์บริการ 2) การเรียกรับบริการเช็คระยะที่บ้าน 3) การเรียกบริการรับหรือส่งรถเข้าศูนย์บริการ โดยสามารถเรียกใช้บริการผ่าน GWM Application ที่จะเชื่อมต่อประสบการณ์แบบ O2O ทั้งการนัดหมายออนไลน์ การอนุมัติงานซ่อมแบบออนไลน์ การตรวจสอบสถานะงานซ่อมออนไลน์ รวมไปถึงการชำระเงินค่าบริการผ่านช่องทางออนไลน์ ที่สะดวกและปลอดภัย
  • Cost of Ownership All New HAVAL H6 Hybrid SUV เป็นหนึ่งในรถ SUV ที่มีแพ็กเกจค่าบำรุงรักษาที่คุ้มค่าที่สุด ด้วยการออกแบบแพ็กเกจบำรุงรักษาในรูปแบบ “Worry Free” 2 แพ็กเกจ ไม่ว่าจะเป็น GWM “PRO” Service Inclusive (GPSI) และ GWM “ULTRA” Service Inclusive (GUSI) ที่ทำให้ลูกค้าอุ่นใจไปกับการเป็นเจ้าของรถของเราตลอด 5 ปีโดยมีค่าบำรุงรักษาต่ำกว่า SUV ใน Segment เดียวกันกว่า 15% สำหรับแพ็กเกจระยะเวลา 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร

สิ่งที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่งและถือเป็นหัวใจหลักของประสบการณ์รูปแบบใหม่ที่ เกรท วอลล์ มอเตอร์นำเสนอสู่ผู้บริโภคชาวไทย ก็คือ GWM Application ซึ่งจะเป็นแพลตฟอร์มที่เชื่อมต่อประสบการณ์ทุกรูปแบบไว้ด้วยกัน GWM Application มีฟังก์ชั่นหลัก ๆ ที่ช่วยเสริมสร้างประสบการณ์และการให้บริการอันยอดเยี่ยมให้กับลูกค้ามากยิ่งขึ้น
ไม่ว่าจะเป็น

  • Community ที่ให้ลูกค้าและแฟน ๆ ที่สนใจสามารถร่วมพูดคุย ขอหรือแสดงความคิดเห็น ข้อเสนอแนะ และแบ่งปันข้อมูลข่าวสารกันได้อย่างเปิดกว้าง
  • E-Commerce ซึ่งเป็นการให้บริการด้านการเงิน และการทำธุรกรรมต่างๆ ตั้งแต่ขั้นตอนการจองและทดลองขับแบบออนไลน์ไปจนถึงกระบวนการซื้อรถ ที่สามารถประเมินค่าใช้จ่าย ตรวจสอบแพคเกจการรับประกันและยื่นไฟแนนซ์ การชำระเงินออนไลน์ รวมถึงการส่งมอบรถยนต์ถึงหน้าบ้านได้อย่างสะดวกสบาย โดย
    ไม่ต้องเสียเวลาเดินทาง
  • Car-Remote ซึ่งช่วยให้ลูกค้าสามารถควบคุมฟังก์ชั่นต่าง ๆ ของตัวรถได้จากระยะไกลผ่าน GWM Application จากโทรศัพท์มือถือหรืออุปกรณ์สื่อสารอื่นๆ เช่น การเช็ค location ของรถ สั่งเปิด-ปิดประตู
    สั่งเปิดแอร์ เป็นต้น
  • Brand Store ซึ่งลูกค้าสามารถเก็บ GWM Point เพื่อนำไปแลกซื้อสินค้าผ่าน Brand Store ที่คัดสรรมาอย่างดี เพื่อตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ของลูกค้าอย่างครบครัน

All New HAVAL H6 Hybrid SUV เป็นทุกสิ่งที่คุณตามหา

All New HAVAL H6 Hybrid SUV นับเป็นรถ SUV ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในประเทศจีน ด้วยยอดขายมากกว่า 3,500,000 คันทั่วโลก ที่มาพร้อมดีไซน์ภายนอกอันโดดเด่น ด้วยกระจังหน้าที่เป็นเอกลักษณ์ แบบ Classic Geometric Pattern แบบ 3 มิติ และไฟหน้า Intelligent LED เพิ่มความมั่นใจและความปลอดภัยในการขับขี่ยามค่ำคืน พร้อมไฟท้าย LED Taillight Strip พาดยาวจากซ้ายจรดขวาเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ไม่เหมือนใคร และล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ตขนาดใหญ่กว่า 19 นิ้ว ในส่วนของดีไซน์ภายใน มีการตกแต่งสไตล์ Minimalist เรียบง่ายแต่หรูหรา มีการใช้สีแบบ Two-tone และมีหน้าจอที่สามารถเชื่อมต่อกันได้ถึง 3 หน้าจอ ไม่ว่าจะเป็นหน้าจออัจฉริยะแบบ Touch screen ขนาด 12 นิ้ว หน้าจอ Multi information display ขนาด 10 นิ้ว และ Head Up Display ขนาด 9 นิ้ว ที่กระจกด้านหน้า และมาพร้อมชุดเกียร์ไฟฟ้าดีไซน์ล้ำสมัย มีแท่นชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย เพื่อความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น

ด้านประโยชน์การใช้สอย All New HAVAL H6 Hybrid SUV มีห้องโดยสารกว้างขวางสะดวกสบาย นับเป็นรถเอสยูวีที่มีขนาดใหญ่ที่สุดเมื่อเทียบกับรถในคลาสเดียวกัน และยังสามารถเพิ่มความโปร่งโล่งในห้องโดยสารด้วยการเปิด
พาโนรามิกซันรูฟขนาดใหญ่โดยไร้กังวลด้วยระบบกรองอากาศ CN95 พร้อม Ionizer ซึ่งสามารถลดปริมาณ
ฝุ่น PM2.5 ให้ลดลงเหลือประมาณ 27 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และลดกลิ่นไม่พึงประสงค์ให้ห้องโดยสารสดชื่นอยู่ตลอดเวลา

ขับขี่สนุกและปลอดภัยไปกับสมรรถนะที่รองรับทุกเส้นทางและระบบอัจฉริยะ

All New HAVAL H6 Hybrid SUV ขับเคลื่อนด้วยขุมพลัง เครื่องยนต์ 1.5 เทอร์โบ/ลิตร ถือเป็นหนึ่งในเครื่องยนต์ที่ดีที่สุดรุ่นหนึ่งของ เกรท วอลล์ มอเตอร์ พร้อมระบบ Turbo แปรผัน (VGT) ที่ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลังสูงสุด 243 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 530 นิวตันเมตร พร้อมระบบเกียร์ DHT (Dedicated Hybrid Transmission) เพิ่มประสิทธิภาพการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงสูงสุดและกระทบกับสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุด ด้วยอัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน 19.2 กิโลเมตรต่อลิตร อ้างอิงจากระบบป้ายข้อมูลรถยนต์ตามมาตรฐานสากล (ECO Sticker) และสามารถรองรับโหมดการขับขี่ได้ถึง 4 แบบ ไม่ว่าจะเป็น โหมดมาตรฐาน/ โหมดสปอร์ต/ โหมดประหยัด/ โหมดสภาพถนนลื่น

All New HAVAL H6 Hybrid SUV สร้างขึ้นบนแพลตฟอร์ม GWM LEMON ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มใหม่ล่าสุดและ
มีประสิทธิภาพสูงของเกรท วอลล์ มอเตอร์ รองรับการออกแบบรถและเครื่องยนต์หลากหลายรูปแบบ ที่มาพร้อมความทนทานและแข็งแรงมากยิ่งขึ้น และโดดเด่นเหนือกว่ารถยนต์รุ่นอื่นๆ ในคลาสเดียวกันด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะที่มาพร้อมกับรถคันนี้ ไม่ว่าจะเป็น การอัปเกรด Firmware ได้เองผ่านระบบออนไลน์ หรือ FOTA โดยไม่ต้องนำรถไปเข้าศูนย์บริการ การโต้ตอบหรือสั่งงานด้วยเสียงอัจฉริยะผ่านระบบ AI  หรือแม้แต่ การควบคุมและสั่งการผ่าน GWM Application ที่เชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนเพื่อควบคุมระบบการทำงานต่างๆ ของรถจากระยะไกล เช่น การตรวจสอบสถานะของรถ ไม่ว่าจะเป็นประตู หน้าต่าง ระดับน้ำมันเชื้อเพลิง แรงดันและอุณหภูมิลมยาง และยังสามารถค้นหาตำแหน่งรถได้อีกด้วย นอกจากนี้ยังสามารถสั่งการให้ล็อกประตู เปิดและปิดประตูท้าย ปิดพาโนรามิกซันรูฟ รวมไปถึงการสั่งเปิดระบบปรับอากาศภายในรถก่อนที่เราจะขึ้นไปบนรถ และยังมีระบบการช่วยเหลือการขับขี่และระบบความปลอดภัยอัจฉริยะมากมายในรถคันนี้ ด้วยระบบ Autonomous Level2+ มีเรดาร์ 2 จุดที่กันชนท้าย Ultrasonic sensor มากถึง 12 จุด และมีกล้องทั้งหมด 5 ตัว

โดดเด่นด้วยระบบช่วยเหลือการขับขี่แบบ First In Class

เกรท วอลล์ มอเตอร์ สร้างมาตรฐานใหม่ด้วย 9 ระบบช่วยเหลือการขับขี่ใน All New HAVAL H6 Hybrid SUV ที่มีมาให้เป็นครั้งแรกสำหรับรถระดับเดียวกัน ได้แก่

  • ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน หรือ Adaptive Cruise Control สามารถหยุดและ
    ออกสตาร์ทใหม่ (Stop and Go) กลับไปยังความเร็วที่ตั้งไว้ก่อนหน้าได้ มาพร้อมระบบการเข้าโค้งอัจฉริยะ Cornering Brake Control ซึ่งระบบจะลดความเร็วรถโดยอัตโนมัติขณะเข้าโค้งเพื่อความปลอดภัย และ
    เมื่อผ่านโค้งไปแล้ว รถจะกลับเข้าสู่ความเร็วเดิมที่ตั้งไว้
  • ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติที่ความเร็วต่ำ เหมาะกับการใช้งานในเมือง ช่วงการจราจรติดขัด
    เป็นอย่างยิ่ง
  • ระบบช่วยจอดรถอัตโนมัติ 3 รูปแบบ สามารถจอดเทียบข้าง เข้าซอง และแนวเฉียง โดยรถจะทำการจอดด้วยตัวเองด้วยการควบคุมพวงมาลัย เบรก และคันเร่ง
  • ระบบช่วยถอยหลังอัตโนมัติ โดยรถยนต์จะสามารถจดจำเส้นทางที่ขับผ่านด้วยความเร็วไม่เกิน 30 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ได้สูงสุด 50 เมตร และสามารถถอยหลังกลับอัตโนมัติตามเส้นทางได้อย่างราบรื่น
  • ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติบนทางตรงและทางแยก เพิ่มความปลอดภัยด้วยมุมมองที่กว้างกว่า 180 องศาบนทางตรงและทางแยก ด้วยการทำงานของเซนเซอร์อัลตราโซนิคและกล้องรอบคัน
  • ระบบจะช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติที่ความเร็วต่ำ ช่วยเพิ่มความปลอดภัยยิ่งขึ้นเมื่อเบรกที่ความเร็วต่ำ
  • ระบบช่วยเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง ช่วยเตือนและเบรกเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลังออกจากซอย หรือที่จอดรถ
  • ระบบช่วยเลี่ยงการเข้าใกล้รถใหญ่จากด้านข้าง ช่วยเลี่ยงการเข้าใกล้รถขนาดใหญ่จากด้านข้าง เพื่อเลี่ยงการเกิดอุบัติเหตุ
  • ระบบช่วยชะลอความรุนแรงของการชนครั้งที่ 2 โดยรถจะพยายามรักษาเสถียรภาพเอาไว้เพื่อไม่ให้เกิดอุบัติเหตุซ้ำซ้อน

นอกจากนี้ ยังมีระบบความปลอดภัยสุดล้ำอื่น ๆ อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน  ระบบช่วยรักษาระยะให้อยู่กลางเลน ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลนในภาวะฉุกเฉิน ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตา ระบบเตือนการชนด้านหน้าและด้านหลัง รวมไปถึงกล้องแสดงภาพรอบทิศทาง 360 องศา ความละเอียดสูง โดยระบบต่างๆ เหล่านี้ จะมีให้ทั้งหมดเป็นระบบมาตรฐานในรถตั้งแต่รุ่นเริ่มต้น

เปิดราคาที่จับต้องได้ พร้อมให้คนไทยได้เป็นเจ้าของ

All New HAVAL H6 Hybrid SUV เปิดตัวอย่างเป็นทางการในประเทศไทย โดยมี 2 รุ่น ได้แก่ รุ่น PRO ที่ราคา 1,149,000 บาท และ รุ่น ULTRA ที่ราคา 1,249,000 บาท ซึ่งจะเป็นราคาแบบ “ONE PRICE” ราคาเดียวเท่ากันในทุกช่องทางจำหน่าย มาพร้อมกับแคมเปญ Premiere Deal สุดพิเศษในช่วงเปิดตัว ที่มาพร้อมดอกเบี้ยพิเศษ 1.79% นานสูงสุด 48 เดือน ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง 1 ปีเต็ม ฟรีแพ็กเกจบำรุงรักษา GWM PRO Service Inclusive  (GPSI)  5 ปี หรือ 100,000 กิโลแมตร คะแนนสะสม GWM Point 15,000 คะแนน ฟรีบริการส่งมอบรถทั่วประเทศพร้อมน้ำมันเต็มถัง และสิทธิพิเศษอื่น ๆ อีกมากมาย รวมมูลค่ากว่า 100,000 บาท

นอกจากนี้  All New HAVAL H6 Hybrid SUV ทั้ง 2 รุ่น ยังมาพร้อมการรับประกันและรูปแบบของแพคเกจเซอร์วิสต่างๆ ที่จะทำให้ลูกค้าหมดกังวลกับการใช้รถและการดูแลรักษาในระยะยาว ด้วยการรับประกันคุณภาพตัวรถ (Factory Warranty & Roadside Assistance) ครอบคลุมระยะเวลา 5 ปี หรือระยะทาง 150,000 กิโลเมตร และการรับประกันแบตเตอรี่แบบไม่จำกัดระยะทางนานถึง 8 ปีเต็ม

นับตั้งแต่การเข้ามาดำเนินธุรกิจในไทย เกรท วอลล์ มอเตอร์ ในฐานะ “บริษัทที่ให้บริการการขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีระดับโลก (Global Mobility Technology Company)” ได้สร้างปรากฎการณ์ใหม่ให้อุตสาหกรรมยานยนต์ไทยมาโดยตลอด วันนี้เป็นอีกครั้งที่ เกรท วอลล์ มอเตอร์ จะเป็นผู้สร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับตลาดรถยนต์และอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยครั้งสำคัญ และบริษัทจะยังคงตอกย้ำความมุ่งมั่นและเดินหน้าพัฒนาธุรกิจเพื่อส่งมอบ ผลิตภัณฑ์ ประสบการณ์และการบริการที่ดีที่สุดให้แก่ผู้บริโภคชาวไทย


แชร์ :

You may also like