HomePR News“แอสเซทไวส์” ก้าวสู่ Next Paradigm ชู 3 แบรนด์หลักเปิดตัว 6 โครงการใหม่ “หมื่นล้าน” [PR]

“แอสเซทไวส์” ก้าวสู่ Next Paradigm ชู 3 แบรนด์หลักเปิดตัว 6 โครงการใหม่ “หมื่นล้าน” [PR]

แชร์ :

Assetwise

“แอสเซทไวส์” เปิดแผนปี 2564 ด้วยคอนเซ็ปต์ The NEXT Paradigm วางแผนเปิดตัว 6 โครงการใหม่ มูลค่า 10,850 ล้านบาท ชู 3 แบรนด์หลัก MODIZ, ATMOZ และ KAVE ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ทุกกลุ่มลูกค้า

ADFEST 2024

Santos Or Jaune

คุณกรมเชษฐ์ วิพันธ์พงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซทไวส์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า สำหรับปี 2563 ที่ผ่านมา ถือเป็นปีที่อสังหาริมทรัพย์เผชิญความท้าทายอย่างมากจากสถานการณ์โควิด-19

แต่บริษัทก็ยังเปิดตัวได้  3 โครงการ คือ โมดิซ ไรห์ม รามคำแหง , โมดิซ ลอนช์ และบ้านภูริปุรี คอร์ทยาร์ด พัฒนาการ รวมมูลค่าโครงการ 3,637 ล้านบาท ทำยอดขายจากโครงการใหม่ได้ถึง 2,407 ล้านบาท

โดยโครงการที่ก่อสร้างแล้วเสร็จในปี 2563  คือ บ้านภูริปุรี ทาวน์โฮม ลาดพร้าว 41, แอทโมซ แจ้งวัฒนะ, แอทโมซ รัชดา – ห้วยขวาง และเคฟทาวน์ สเปซ  เมื่อรวมกับโครงการที่สร้างเสร็จก่อนหน้านี้ ทำให้บริษัทรับรู้รายได้ถึง 4,205 ล้านบาท เติบโตจากปี 2562 ถึง 60% มีอัตรากำไรขั้นต้น 44.2% กำไรสุทธิได้ถึง 871 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 20.6%

ณ สิ้นปี 2563 มี backlog คิดเป็นมูลค่า 7,848 ล้านบาท สามารถรับรู้รายได้ต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2564 – 2566 ในส่วนของโครงการพร้อมอยู่ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2563 คงเหลือเป็นมูลค่า 4,094 ล้านบาท และจะมีโครงการที่ก่อสร้างแล้วเสร็จในปี 2564 คิดเป็นมูลค่า 6,694 ล้านบาท

แผนธุรกิจปี 2564 มุ่งพัฒนาโครงการที่ตอบโจทย์และรุกตลาดอย่างต่อเนื่อง ด้วยแนวคิด The NEXT Paradigm ที่ตอบรับการเปลี่ยนแปลงของวิถีชีวิต หลังจากสถานการณ์โควิด-19  โดยแนวคิดสำคัญของแอสเซทไวส์ ในการดำเนินธุรกิจเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืนใน Next Paradigm ประกอบด้วย 4 กลยุทธ์สำคัญ ได้แก่

1.Facilities for New Lifestyle ในโลกยุคใหม่ “บ้าน” มีความสำคัญยิ่งขึ้น คนใช้เวลาอยู่ในบ้านมากขึ้น ทั้งทำงาน ทำกิจกรรม และพักผ่อน  แอสเซทไวส์ให้ความสำคัญกับพื้นที่ส่วนกลางในโครงการมาโดยตลอด และจะยังคงมุ่งเน้นพัฒนาพื้นที่ส่วนกลางให้มีบรรยากาศสวยงาม มีความหลากหลาย รองรับทุกกิจกรรมการพักผ่อนเพื่อความรื่นรมย์และผ่อนคลาย และมีพื้นที่รองรับการทำงานและการเรียนที่บ้าน ทั้งในรูปแบบ Co-working space, Library, Meeting Room, Living Lounge เพื่อรองรับการทำงานแบบ Work From Home ให้ดีที่สุด ให้การใช้เวลาในที่พักของลูกบ้านเป็นเวลาที่ดีที่สุด

2.Health Concern  ปัจจุบัน “สุขภาพ” กลายเป็นเรื่องที่สําคัญมาก  ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางของ   แอสเซทไวส์ ที่ให้ความสําคัญกับสุขภาพลูกบ้าน ภายใต้แนวคิด “Health Solution”  จึงต่อยอดการดูแลสุขภาพของลูกบ้าน ด้วยไฮไลต์พิเศษในพื้นที่ส่วนกลาง นั่นคือการสร้างสรรค์ “Health Station” ขึ้น ทั้งนี้ใน Health Station ได้จัดเตรียมอุปกรณ์ในการตรวจสุขภาพเบื้องต้นไว้ให้แก่ลูกบ้าน ได้แก่ Tytocare ซึ่งเป็นอุปกรณ์ออนไลน์ที่แพทย์ใช้ตรวจทราบอาการของผู้ป่วยผ่านระบบออนไลน์ได้อย่างเรียลไทม์ รวมถึง เครื่อง BMI (เครื่องตรวจวัดค่าดัชนีมวลกาย), เครื่อง AED (เครื่องกระตุกหัวใจไฟฟ้าชนิดอัตโนมัติ) และเครื่องวัดความดันชนิดสอดแขน  Health Station นับเป็น Facility ใหม่ในวงการ อสังหาริมทรัพย์ และเริ่มนําร่องในโครงการแอทโมซ แจ้งวัฒนะ , แอทโมซ  รัชดา-ห้วยขวาง, เคฟทาวน์ สเปซ และเคฟทาวน์ ชิฟท์

3.Innovation for Living  โดยพัฒนานวัตกรรมเพื่อการอยู่อาศัย ไม่ว่าจะเป็น Bluetooth Sound System เพื่อการฟังเพลงในห้องพัก, พื้นที่สำหรับกิจกรรม e-sports ไปจนถึงการใช้ออนไลน์แอพพลิเคชั่นต่าง ๆ

4.Strengthen Sustainability จัดทำโครงการหลายอย่างเพื่อสร้างความยั่งยืนทั้งด้านสังคมและสิ่งแวดล้อม  โดยจัดอบรมการคัดแยกขยะ และการจัดการขยะอันตรายให้แก่นิติบุคคล พนักงาน ลูกบ้าน จัดทำพื้นที่วางถังขยะ และทำเครื่องหมายการคัดแยกทิ้งขยะไว้อย่างชัดเจน สำหรับอำนวยความสะดวกให้แก่ลูกบ้านในโครงการฯ  ให้เกิดการมีส่วนร่วมในการรักษาสิ่งแวดล้อมร่วมกัน  จัดโครงการ ASW ปันอิ่มเพื่อช่วยชุมชนในช่วงโควิด-19 และจัดโครงการจิตอาสาปันสุขเพื่อช่วยเหลือโรงเรียนที่ขาดแคลน  ทุนทรัพย์ และโครงการปันโลหิตเพื่อรับบริจาคโลหิตช่วยผู้ป่วย

ปี 2564 มีโครงการที่ก่อสร้างแล้วเสร็จ 5 โครงการ มูลค่ารวม 6,694 ล้านบาท ประกอบด้วยโครงการ เคฟทาวน์ ชิฟท์, บ้านภูริปุรี คอร์ทยาร์ด พัฒนาการ, เคฟทียู, บ้านภูริปุรี โฮมออฟฟิศ ลาดพร้าว 41 และโมดิซ สุขุมวิท 50

วางแผนเปิดโครงการใหม่ทั้งหมด  6 โครงการ แบ่งเป็นโครงการแนวสูง 5 โครงการ ได้แก่ โครงการ เคฟ ศาลายา, โมดิซ ไรห์ม คลาวด์, แอทโมซ บางนา, เคฟ เอวา, โมดิซ ศรีราชา และโครงการแนวราบ 1 โครงการคือ บ้านภูริปุรี โฮมออฟฟิศ ลาดพร้าว 41 รวมมูลค่าโครงการ 10,850 ล้านบาท

การทำตลาดผ่าน 3 แบรนด์คอนโดมิเนียม คือ MODIZ (โมดิซ) สำหรับคนเมืองสไตล์โมเดิร์น เน้นการเชื่อมต่อการเดินทางที่สะดวกสบายบนทำเลแนวรถไฟฟ้า พร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกรวมถึงการนำเทคโนโลยีเข้ามาประยุกต์ เพื่อให้ตอบรับกับทุกไลฟ์สไตล์ของคนเมืองที่ต้องการความสะดวกสบาย เต็มที่กับทุกวันของชีวิต

ATMOZ (แอทโมซ) สไตล์ รีสอร์ท ภายใต้แนวคิด “Urban Refresh” โดยมีการออกแบบพื้นที่ส่วนกลาง สวนและสระขนาดใหญ่ สิ่งอำนวยความสะดวกที่หลากหลาย เพื่อรองรับกลุ่มคนทำงานที่ต้องการ      การพักผ่อนและเติมเต็มความสุขในทุกวัน เสมือนได้เติม Daily Endorphin ทุกครั้งที่กลับบ้าน

และ KAVE (เคฟ) ทำเลใกล้สถานศึกษา (Campus Condo) จับกลุ่มคนรุ่นใหม่ มีการออกแบบดีไซน์พื้นที่ที่มีเอกลักษณ์ มาพร้อมพื้นที่ส่วนกลางและสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย เพื่อให้รองรับทุกไลฟ์สไตล์และความสนใจของคนรุ่นใหม่ คอนโดใกล้สถานที่ศึกษาถือว่ามีดีมานด์ใหม่เข้ามาทุกปี จากนักศึกษาใหม่ ที่เปิดตัวไปแล้วคือ ทำเลใกล้ ม.ธรรมศาสตร์ รังสิต และ ม.กรุงเทพ ปีนี้จะโครงการที่ศาลายา ใกล้ ม.มหิดล กลุ่มเป้าหมายมีทั้งผู้ปกครองซื้อให้บุตรหลานพักอาศัย และนักลงทุนซื้อเพื่อปล่อยเช่าโดยมีอัตราผลตอบแทน 6-8% ต่อปี

โดยทั้ง 3 แบรนด์นี้ถือเป็นแบรนด์หลักของแอสเซทไวส์ และยังเป็นแบรนด์ที่รู้จักในวงกว้าง จนได้รับการตอบรับอย่างอบอุ่นจากลูกค้าจำนวนมาก ซึ่งมาจากปัจจัยในการวิเคราะห์ศักยภาพทำเลอย่างลึกซึ้ง เพื่อพัฒนาโครงการได้อย่างตรงจุดและตอบรับกับทุกไลฟ์สไตล์ของลูกค้าเป้าหมาย รวมถึงการคัดสรรพันธมิตรในการก่อสร้างที่ได้มาตรฐาน โดยทั้งหมดจะคำนึงถึงการใช้งานได้จริง

เพื่อเป็นการตอกย้ำความแตกต่างของทั้งสามแบรนด์หลัก แอสเซทไวส์ได้จัดทำภาพยนตร์โฆษณา           3 แบรนด์สำคัญดังกล่าว สื่อให้เห็นถึงเอกลักษณ์และแนวคิดของแต่ละแบรนด์ที่เราได้ทำการศึกษา และออกแบบผลิตภัณฑ์มาเพื่อให้ตอบโจทย์ และเชื่อมต่อความสุขสู่ทุกกลุ่มลูกค้าได้อย่างแท้จริง

สำหรับ The NEXT Paradigm ของแอสเซทไวส์ ได้แปรสภาพเป็นบริษัทมหาชนจำกัด ถือเป็นอีกก้าวสำคัญในการพัฒนาผลงาน เพื่อสร้างความแข็งแกร่งในการเป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ให้เติบโตอย่างยั่งยืน


แชร์ :

You may also like