HomeBrand Move !!เมื่อ “แกรมมี่”มาขายของ ขอโฟกัสที่ “ช่องทาง” เจาะโมเดลขายตรง GMM GOODS ดึงศิลปินปั้น Star Product

เมื่อ “แกรมมี่”มาขายของ ขอโฟกัสที่ “ช่องทาง” เจาะโมเดลขายตรง GMM GOODS ดึงศิลปินปั้น Star Product

แชร์ :

เป็นอีกสเต็ปรุกของค่ายเพลงใหญ่ GMM Grammy กับยุทธศาสตร์สร้างแหล่งรายได้ใหม่ จากจุดแข็ง “ศิลปิน” กว่า 300 ชีวิตที่เป็น Asset ต่อยอดสู่ Fanbase Marketing ในธุรกิจใหม่ “ขายตรง” ดึงสตาร์กลุ่มท็อปยอดผู้ติดตามหลักล้าน มานั่งเป็นเจ้าของธุรกิจ Artist Product ขายแฟนคลับลูกค้า Loyalty สูง ประเดิมตลาดแมสด้วยสกินแคร์ ของราชินีลูกทุ่ง “ต่าย อรทัย” กับแบรนด์ AURA-THAI

ADFEST 2024

Santos Or Jaune

ในอดีตราวปี 2545 “แกรมมี่” โดย อากู๋ ไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม เคยเปิดตัวธุรกิจขายตรง “ยูสตาร์” (U Star) ร่วมกับศิลปินในค่ายมาแล้ว โดยมีบริษัท ไมลอทท์ แลบบอราทอรี่ จำกัด ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นโรงงานผลิตเครื่องสำอางแบรนด์ต่างประเทศ เป็นผู้พัฒนาสูตรและผลิตให้ นั่นถือเป็นจุดเริ่มต้นแรกของการทำธุรกิจขายตรงร่วมกับศิลปิน

มาในยุคนี้ “แกรมมี่” กลับมาพัฒนาธุรกิจขายตรง อีกครั้ง ภายใต้บริษัท GMM Goods แต่ยุทธศาสตร์ใหม่ขอเริ่มจากก้าวเล็กไปสู่ก้าวใหญ่ ไม่ได้เริ่มต้นจากการเป็นคู่แข่งบริษัทอินเตอร์ในตลาด แต่สตาร์ทจากการเป็น SME ที่มีอาวุธครบมือ โดย GMM เป็นผู้ลงทุนและใช้ช่องทางสื่อในเครือ สร้างบิสซิเนส โมเดล Artist Product  ดึงศิลปิน ที่มีแฟนคลับติดตามผ่านสื่อโซเชียลหลักล้าน มาเป็น “เจ้าของ” แบรนด์สินค้าร่วมกัน และแบ่งกำไรแบบ win win ทั้งคู่

ต่อยอดสร้างรายได้ Artist Product ทำไมต้องเป็น “ขายตรง”

ปัจจุบันเทรนด์ Artist Management ทั่วโลก มุ่งไปสู่ธุรกิจ Star Product โดยใช้ศิลปินมาสร้างแบรนด์โปรดักท์ เพื่อขายให้กับแฟนคลับ ที่ชื่นชอบพร้อมสนับสนุนในทุกทาง เรียกว่าเป็น Loyalty Customer ที่แบรนด์สินค้าต่างๆ ต้องการสร้างขึ้น แต่มีอยู่ในมือศิลปินทุกคน กระบวนการต่อยอดสร้างรายได้จาก Artist Product จึงเกิดขึ้น ถือเป็นรายได้หลักของศิลปินในยุคนี้ เพราะสามารถสร้างยอดขายเข้ามาได้ทุกวัน

ดังนั้นหนึ่งในยุทธศาสตร์สร้างแหล่งรายได้ใหม่ในธุรกิจเพลงของแกรมมี่ (GMM Music) ภายใต้การบริหารของ คุณภาวิต จิตรกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายธุรกิจ จีเอ็มเอ็ม มิวสิค บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) จึงได้พัฒนา Artist Product หรือ Star Product  ตลอดช่วง 3 ปีที่ผ่านมา และสรุปเป็นโมเดลธุรกิจขายตรงแบบ SLM (Single-Level Marketing) GMM Goods สร้างตัวแทนขาย จากฐานแฟนคลับที่ต้องการหาโอกาสสร้างรายได้ และจำหน่ายสินค้าให้กับกลุ่มแฟนคลับที่ชื่นชอบศิลปิน

“การเข้าสู่ธุรกิจขายสินค้าของค่ายเพลงแกรมมี่ เราโฟกัสที่ช่องทางการขาย เพราะวันนี้ สินค้า เรียกว่าเป็น Red Ocean แต่ช่องทางขายที่แตกต่างและแบรนด์ที่แข็งแกร่งเป็นปัจจัยความสำเร็จ  แกรมมี่เลือกโมเดลขายตรง เป็นเรื่องของ Fanbase Marketing เพราะต้องการตกปลาในบ่อตัวเอง”

ปัจจุบันทุกบริษัทในเครือแกรมมี่ มุ่งไปสู่โมเดล Artist Product เพื่อต่อยอดสร้างแหล่งรายได้ใหม่ แต่ใช้ “ช่องทาง” แตกต่างกัน อย่าง GMM TV ใช้โมเดลจับมือเป็นพันธมิตรกับ Mistine  สร้างแบรนด์ idolo (อิโดโล่) โดยให้นักแสดงวัยรุ่น “ไบร์ท-วชิรวิชญ์ ชีวอารี, วิน-เมธวิน โอภาสเอี่ยมขจร, ลี-ฐานัฐพ์ โล่ห์คุณสมบัติ และ จอส- เวอาห์ แสงเงิน” จากซีรีส์ดัง มาออกไอเดียสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ไลฟ์สไตล์ เจาะฐานแฟนคลับไทยและต่างประเทศ

นอกจากนี้ในเครือจีเอ็มเอ็ม ยังมีช่องทางขาย ธุรกิจทีวีช้อปปิ้ง O Shopping  ที่สามารถช่วยสนับสนุน Artist Product  ผ่านบิสซิเนส โมเดลใหม่ได้อีกในอนาคต

8 จุดแข็งโมเดลขายตรง GMM Goods

ในยุคที่ทุกคนเข้าถึงสื่อโซเชียล ส่วนศิลปิน ดารา นักแสดง ก็มีผู้ติดตามผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ อยู่แล้ว และจำนวนมากก็สร้างแบรนด์ สร้างโปรดักท์มาขายเอง หากให้แจกแจงธุรกิจขายตรง Artist Product ของ  GMM Goods แตกต่างจากที่ศิลปินทำขายเองอย่างไร คุณภาวิต บอกจุดแข็งหลักๆ มีอยู่ 8 เรื่อง

1. จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ เป็นผู้ลงทุนให้ และใช้เครื่องมือ Media Marketing Solution แบบครบวงจร ช่วยทำการตลาด

2. ศิลปินอยู่ในฐานะ “เจ้าของแบรนด์สินค้า”  ไม่ใช่ Boss หรือ พรีเซ็นเตอร์ แต่เป็นผู้บริหารที่วางแผนธุรกิจทั้งระยะสั้นและระยะยาวร่วมกัน โดยจะพัฒนาโปรดักท์ใหม่ออกมาต่อเนื่อง

3. ใช้ Big Data ของฐานแฟนคลับจำนวนมหาศาล ทำการวิเคราะห์โอกาสการขาย การพัฒนาสินค้าที่แฟนคลับสนใจ ตามกำลังซื้อของแฟนคลับแต่ละศิลปิน

4. ธุรกิจขายตรงมี Incentive และ Bonus Plan ให้กับตัวแทนขายในการสร้างรายได้และยึดเป็นอาชีพเสริม หรืออาชีพหลัก โดยเฉพาะในช่วงโควิดที่คนต้องการหารายได้เพิ่ม

5. มีความร่วมมือกับโรงงานผลิตสินค้า และสินค้าได้รับการรับรองจากสถาบันนานาชาติ ช่วยสร้างความมั่นใจในคุณภาพของสินค้าศิลปิน และแฟนคลับกล้าแนะนำและบอกต่อ

6. ดูแลการผลิตคอนเทนท์โฆษณาประชาสัมพันธ์ ใช้สื่อในเครือทั้งโทรทัศน์, วิทยุ, Social Media รวมถึงสื่อของศิลปิน GMM Music ช่วยโปรโมทธุรกิจและสินค้า

7. มีหลักสูตรการขายสินค้าสนับสนุนตัวแทนขาย ทั้งคอร์สเรียนปกติและคอร์สเรียนออนไลน์

8. มีทีมงานเฉพาะด้านในการพัฒนาธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็น ด้านขายตรง, CRM & Data Scientist, ด้านสินค้าและการตลาด,ด้านการโฆษณาประชาสัมพันธ์ Social Media และการค้าออนไลน์

ปัจจุบันเส้นทางอาชีพศิลปินแกรมมี่เริ่มต้นที่การสร้างผลงานเพลง มีรายได้จากลิขสิทธิ์เพลง สินค้าเมอร์เชนไดส์ โชว์บิซ-คอนเสิร์ต  และท้ายสุด Star Product ที่ถือเป็นธุรกิจที่สร้างรายได้ระยะยาวให้ศิลปินที่สะสมฐานแฟนคลับไว้ได้อย่างแข็งแกร่ง จากศิลปินแกรมมี่ 300 คน ประเมินว่าจะมีสัดส่วนราว 10% ที่มีฐานแฟนคลับติดตามผ่านสื่อโซเชียลหลักล้านราย เป็นกลุ่มที่สามารถทำ Artist Product ร่วมกับ GMM Goods

ในฝั่งตัวแทนขายตั้งเป้าหมายสร้างตัวแทนขายปีแรก 9,000 คน ปีที่สอง 15,000 คน และขยายสู่ 25,000 คน ในระยะเวลา 3 ปี ส่วนยอดขายอย่างต่ำ 500 ล้านบาทใน 3 ปี

เปิดตัวศิลปินแรก “ต่าย อรทัย” กับแบรนด์ ออร่า-ทัย (AURA-THAI) กลุ่มสกินแคร์

สำหรับศิลปินรายแรกของ GMM Goods ที่มาทำ Artist Product ร่วมกับแกรมมี่ คือ “คุณต่าย อรทัย ดาบคำ” นักร้องลูกทุ่งที่อยู่ในวงการเพลงมา 20 ปี มีฐานแฟนคลับจำนวนมากมีผู้ติดตาม Facebook  5,500,000 Followers, Instagram  600,000 Followers  และ YouTube 720,000  Followers ถือเป็นศิลปินที่มีแฟนคลับระดับสาวก (Advocacy) สูงสุดในกลุ่มท็อปไฟฟ์ของแกรมมี่

จากการวิเคราะห์ Big Data ฐานแฟนคลับคุณต่าย อรทัย มีกลุ่มเป้าหมายชัดเจน มีแฟนคลับพร้อมสนับสนุน เห็นได้จากการขายบัตรคอนเสิร์ต sold out อย่างรวดเร็ว สินค้าเมอร์เชนไดส์ขายหมด  คอนเทนท์ที่โพสต์ผ่านสื่อโซเชียลมียอดเอ็นเกจสูงมาก ยอด Like เฟซบุ๊กหลักหมื่น คอมเม้นต์หลักพันทุกโพสต์ เอ็นเกจเมนต์สูงกว่า Brand Page Facebook หลายแบรนด์

แกรมมี่จึงพัฒนาแบรนด์สินค้าสกินแคร์ ให้กับคุณต่าย อรทัย ในชื่อ ออร่า-ทัย (AURA-THAI) ซึ่งเป็นชื่อที่สะท้อนตัวตนคุณต่าย อรทัย ที่เป็นคนซื่อตรง จริงใจ เปิดตัวสินค้า 3 SKU แรก คือ เซรั่ม ราคา 550 บาท  Day Cream ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว ราคา 350 บาท และ แผ่นมาส์กหน้าบำรุงผิว 99 บาท รวมราคา 3 ชิ้น 999 บาท เป็นการตั้งราคาจากการสำรวจการซื้อสินค้าสกินแคร์ของกลุ่มแฟนคลับคุณต่าย ซึ่งอยู่ที่ไม่เกิน 1,000 บาทต่อเดือน วางกลุ่มเป้าหมายเป็นคนต่างจังหวัด ทั้งกลุ่มที่เป็นตัวแทนขายและลูกค้า จากฐานแฟนคลับของคุณต่าย อรทัย เอง

“เราชื่อว่า Asset ที่แข็งแรง ของ GMM Grammy คือฐานแฟนคลับ มีความชื่นชอบศิลปินระดับ Advocacy พร้อมสนับสนุนศิลปิน  สินค้าที่นำมาจำหน่าย ศิลปินเองมีความเป็นเจ้าของ จึงเป็นตัวตนของศิลปินคนนั้น ทำให้แฟนคลับเชื่อมั่น”

หลังเปิดตัวแบรนด์ AURA-THAI กลุ่มสกินแคร์ของคุณต่าย อรทัย ในปีนี้ด้วยสินค้า 3 SKU แรก ปีหน้าจะมีสินค้าเข้ามาทำตลาดเพิ่มอีก 3 SKU  และเปิดตัว Artist Product อีก 2 ศิลปิน  2 แบรนด์ใหม่ ในกลุ่ม FMCG และสินค้าสุขภาพ ยังโฟกัสตลาดแมสเหมือนเดิม

และนี่คืออีกก้าวของการสร้าง สินค้าศิลปิน จาก Code Name ที่แกรมมี่ปักธงว่าจะต้องเดินหน้าสร้างธุรกิจและหาแหล่งรายได้ใหม่ เป้าหมายต่อยอดสู่การเป็น Infrastructure Hub ให้กับศิลปิน


แชร์ :

You may also like