คุณสมชัย เลิศสุทธิวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอดวานซ์ อินโฟ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน)
ปฏิเสธไม่ได้ว่า ประเทศไทยในวันนี้ไม่ต่างจากอีกหลาย ๆ ประเทศทั่วโลก ที่แม้จะเริ่มมีสัญญาณฟื้นตัวจากไข้ Covid-19 แต่ก็ยังไม่มีแรงมากพอจะออกวิ่งได้เหมือนเดิม เนื่องจากแขนขาสำคัญอย่าง ธุรกิจท่องเที่ยว และการส่งออกต้องหยุดชะงักเป็นเวลานานนับไตรมาสในช่วง Pandemic ไม่นับเรื่องการลงทุนจากภาครัฐที่ไม่สามารถทำได้อย่างสะดวกเนื่องจากต้องนำงบประมาณไปช่วยเหลือวิกฤติ Covid-19 ซึ่งนำไปสู่ตัวเลขคาดการณ์ GDP ของไทยในปี 2020 ที่หลายสำนักมองว่าอาจจะติดลบหนักตั้งแต่ 5 – 8% ได้เลยทีเดียว
ท่ามกลางการถอดใจของหลาย ๆ อุตสาหกรรม ดูเหมือนว่า ฟากของอุตสาหกรรมโทรคมนาคมจะเป็นกลุ่มที่ลุกขึ้นมาก่อนใคร แถมยังมาพร้อมกับกำลังใจที่ว่า เครือข่าย 5G จะกลายเป็นตัวขับเคลื่อนการฟื้นฟูประเทศรอบใหม่ได้อย่างแน่นอน
โดยค่ายที่ออกมาประกาศวิสัยทัศน์ดังกล่าวพร้อมนำเสนอตัวอย่างอย่างเป็นรูปธรรมก็คือเอไอเอส กับการจัดงานคอนเฟอเรนซ์ออนไลน์ในชื่อ AIS 5G – Forging Thailand’s Recovery ที่คุณสมชัย เลิศสุทธิวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอดวานซ์ อินโฟ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) บอกว่า แม้รายได้ของบริษัทในปีนี้จะลดลง เนื่องจากพิษ Covid-19 แต่บริษัทก็ได้เตรียมงบลงทุนในปีนี้ไว้มากถึง 35,000 – 45,000 ล้านบาท เพื่อนำไปทุ่มให้กับการเพิ่มขีดความสามารถของเครือข่าย 5G ซึ่งจะช่วยให้ภาคส่วนต่าง ๆ ในประเทศไทยนำเครือข่ายดังกล่าวไปสร้างการเติบโตรอบใหม่ได้จริงในอนาคต
สำหรับความพร้อมของเอไอเอสในการผลักดันเครือข่าย 5G ให้เข้าไปตอบโจทย์ประเทศไทยนั้น คุณสมชัยกล่าวว่า ที่ผ่านมา ได้มีการติดตั้ง และให้บริการเครือข่าย 5G แล้วทั้ง 77 จังหวัด รวมถึงในช่วง Pandemic ก็มีการนำเครือข่าย 5G และเครื่องมือที่เกี่ยวข้อง เช่น หุ่นยนต์อัตโนมัติต่าง ๆ ไปช่วยลดความเสี่ยงของเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ในการดูแลผู้ป่วย Covid-19 ด้วยเช่นกัน
ตัวเลขคาดการณ์รายได้ของธุรกิจโทรคมนาคมที่มีแนวโน้มลดลงในปี 2020 เนื่องจากปัจจัยต่าง ๆ เช่น ประชาชนไม่มีกำลังซื้อ การล็อกดาวน์ประเทศส่งผลให้ธุรกิจโทรคมนาคมไม่สามารถจำหน่ายสินค้าให้กับประชาชนได้ ฯลฯ ส่งผลให้แม้จะมีปริมาณการใช้งานเพิ่มขึ้น รายได้ก็ไม่ได้เพิ่มขึ้นตามไปด้วยอย่างที่ควรจะเป็น
5G ที่ตอบโจทย์ได้จริงทั้งภาคพื้นดิน ทะเล และอากาศ
แต่เท่านั้นอาจยังไม่เพียงพอ เพราะเอไอเอสบอกว่าการพัฒนา 5G ไม่ขอไปแค่เสาสัญญาณ แต่เป็นการส่ง 5G ไปสู่การใช้งานจริง ทั้งทางภาคพื้นดิน ทางทะเล และทางอากาศกันเลยทีเดียว โดยในส่วนของทางภาคพื้นดินนั้น เอไอเอสเผยว่า มีการจับมือกับ 3 นิคมอุตสาหกรรมยักษ์ใหญ่ ประกอบด้วย อมตะ คอร์ปอเรชัน, สหพัฒนา อินเตอร์โฮลดิ้ง และกลุ่ม WHA ในการสร้าง 5G Smart City ภายในนิคมอุตสาหกรรมแล้วเรียบร้อย
ส่วนทางทะเล ก็มีการจับมือกับการท่าเรือแห่งประเทศไทย เปิดตัว Smart Port หรือท่าเรืออัจฉริยะที่แหลมฉบังด้วยการนำเครือข่าย 5G เข้าไปบริการจัดการการเทียบท่าของเรือเดินทะเลขนาดใหญ่ ขณะที่ทางอากาศ เป็นการจับมือกับสนามบินอู่ตะเภา ซึ่งจะเป็นสนามบินที่มีบทบาทอย่างมากต่อประเทศไทยในอนาคต ให้กลายเป็น Smart Airport เช่นกัน
เอสเอ็มอีก็ใช้ประโยชน์จาก 5G ได้
นอกจากลงไปจับมือกับภาคอุตสาหกรรมเป็นกรณีศึกษาให้กับธุรกิจต่าง ๆ แล้ว ในส่วนของธุรกิจเอสเอ็มอี คุณสมชัยเผยว่า ทางเอไอเอสก็มีการเตรียมความพร้อมด้าน 5G เอาไว้รองรับเช่นกัน กับการจัดงาน Thailand Virtual Expo ขึ้นเป็นครั้งแรกระหว่างวันที่ 29 มิถุนายน – 3 กรกฎาคมนี้ ที่จะเปิดโอกาสให้ธุรกิจเอสเอ็มอีได้สัมผัสรูปแบบใหม่ของการจำหน่ายสินค้าผ่านเทคโนโลยี Virtual Reality ซึ่งคาดว่างานดังกล่าวจะทำให้เอสเอ็มอีมองเห็นโอกาสใหม่ ๆ ในอนาคตได้อย่างเป็นรูปธรรม
คุณปรัธนา ลีลพนัง หัวหน้าคณะผู้บริหารกลุ่มลูกค้าทั่วไปของเอไอเอส
แต่ 5G ในมุมของเอไอเอสยังไม่จบเพียงแค่นี้ โดยเวที AIS 5G – Forging Thailand’s Recovery ยังได้เชิญคุณปรัธนา ลีลพนัง หัวหน้าคณะผู้บริหารกลุ่มลูกค้าทั่วไป ขึ้นมาเผยถึงโอกาสใหม่ ๆ ที่จะเกิดขึ้นตามมา เช่น การท่องเที่ยววิถีใหม่ ที่เอไอเอสจับมือกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สร้างคอนเทนต์ Virtual Reality ขึ้นมารองรับโลกหลัง Covid-19 รวมถึงการสร้างประสบการณ์ Star Dating ด้วยการชิมลางกับคอนเทนต์ของ “เป๊ก ผลิตโชค” ศิลปินคนดัง กับการพาแฟนคลับเข้าไปอยู่ใกล้ชิดมากกว่าที่เคยด้วยแว่น VR 4K
เพื่อรองรับโอกาสใหม่ดังกล่าว เอไอเอสเผยว่า ได้มีการสร้างสตูดิโอสำหรับพัฒนาคอนเทนต์ AR/VR ขึ้นเป็นการเฉพาะด้วย ซึ่งคุณปรัธนามองว่า ในอนาคตสามารถนำไปต่อยอดกับศิลปินคนอื่น ๆ ได้อีกมาก
5G ที่อยู่กับสังคมไทยอย่างยั่งยืน
ด้านสุดท้ายอาจเป็นการพัฒนาอย่างยั่งยืนด้วย 5G โดยจะมีการเปิดตัวแพลตฟอร์ม LearnDi For Thais by AIS Academy ที่เอไอเอสบอกว่า เป็นแพลตฟอร์มด้านการเรียนรู้ทักษะใหม่ ๆ ที่จำเป็นสำหรับโลกการทำงานในอนาคต ที่จะเปิดให้พนักงานเอไอเอส และบริษัทพาร์ทเนอร์ รวมถึงประชาชนคนไทยเข้าถึงแหล่งความรู้เหล่านี้ได้ และเป็นการลดช่องว่างความเหลื่อมล้ำด้านการศึกษาด้วยอีกทางหนึ่ง
นอกจากนั้น เอไอเอสยังมีการจับมือกับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ สร้าง SDG Lab เป็นแหล่งศึกษาด้านความยั่งยืน วิถีชีวิตความเป็นอยู่ การทำฟาร์มมิ่ง การสร้างพื้นที่สีเขียวให้เกิดขึ้นจริงด้วย
โดยเอไอเอสบอกว่าที่มาของงานดังกล่าวเกิดขึ้นจาก 3F ที่ประเทศไทยเผชิญ นั่นคือ Fall – Fight – Future ซึ่งประเทศไทยได้ผ่านช่วง Fall หรือช่วงตกต่ำที่หนักที่สุดมาแล้ว นาทีนับจากนี้ไป จึงเป็นเวลาที่คนไทยทั้งประเทศต้องพร้อมใจลุกขึ้นมา “Fight” เพื่อสร้าง Future หรือการเติบโตรอบใหม่ให้กับประเทศกันแล้วนั่นเอง ซึ่งภายใต้การนำเสนอของงานดังกล่าวที่มีผู้เข้าร่วมหลายพันคน น่าจะทำให้คนไทยจำนวนไม่น้อยมองเห็นภาพการประยุกต์ใช้ 5G ได้อย่างเป็นรูปธรรม และนั่นอาจทำให้หลายคนที่มีความพร้อม หรือมีไอเดีย กล้าที่จะออกมาร่วมกันพัฒนาเศรษฐกิจภายใต้เครือข่าย 5G กันมากขึ้นก็เป็นได้