เริ่มต้นมาแล้ว 16 ชั่วโมงกว่ากับเทศกาลช้อปปิ้ง 11.11 ซึ่งนอกจากจะมาพร้อมคอนเสิร์ต และความบันเทิงเต็มรูปแบบเพื่อจูงใจให้ผู้คนเข้ามา Engage กับแพลตฟอร์มแล้ว ทาง Alibaba ยังได้มีการเล่นกับสถิติของปีก่อนหน้าด้วย โดยมีการพบว่า เพียง 17 นาที หลังข้ามเที่ยงคืน Alibaba ก็สามารถทำยอดขายแซงหน้าเทศกาล 11.11 ของปี 2014 ไปแล้วเรียบร้อย ก่อนจะไล่แซงสถิติของเทศกาล 11.11 ในอีกหลายปีต่อมาได้ในเวลาอันรวดเร็ว จนกระทั่งสามารถแซงยอดขายของปี 2018 ได้อย่างเป็นทางการเมื่อเวลา 16.31 น.
ผู้จุดไอเดียความยิ่งใหญ่ระดับนี้ ก็ไม่ใช่ใครอื่น หากแต่เป็นซีอีโอของ Alibaba คนปัจจุบันอย่าง Daniel Zhang (แดเนียล จาง) ที่ก้าวขึ้นมากุมบังเหียน Alibaba อย่างสมบูรณ์เมื่อไม่นานมานี้
โดย Zhang ปัจจุบันมีอายุ 47 ปี เป็นชาวเซี่ยงไฮ้โดยกำเนิด และสำเร็จการศึกษาด้านการเงินและเศรษฐกิจ จากมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ ส่วนหน้าที่การงานก่อนจะมาอยู่กับ Alibaba นั้น Zhang เคยเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการเงินให้กับธุรกิจเกมออนไลน์ของจีนอย่าง Shanda Interactive และเป็นผู้บริหารของบริษัท Pricewaterhouse Cooper ในเซี่ยงไฮ้ด้วย
Zhang เข้าทำงานกับ Alibaba เมื่อปี 2007 โดยรับตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริการฝ่ายการเงินของ Taobao (เถาเป่า) มาร์เก็ตเพลสออนไลน์ในเครือ Alibaba และได้ก้าวขึ้นมาเป็นผู้จัดการทั่วไปของ Taobao Mall ธุรกิจที่ทำรายได้ให้กับ Alibaba อย่างเป็นกอบเป็นกำในเวลาต่อมา
Zhang ยังเป็นคนจุดไอเดียเทศกาลคนโสดขึ้นในปี 2009 ก่อนจะรีแบรนด์เป็น 11.11 ด้วย ซึ่งในฐานะผู้ริเริ่มเทศกาล Zhang น่าจะเป็นคนที่เล่าถึงความยิ่งใหญ่ระหว่างเทศกาล 11.11 ในปี 2009 เทียบกับปี 2019 ได้ดีที่สุดคนหนึ่งของ Alibaba เนื่องจากในปี 2009 นั้นมีแบรนด์สินค้าเพียง 27 รายเท่านั้นที่เข้าร่วมกิจกรรม ขณะที่ในปี 2019 นี้ เทศกาลดังกล่าวได้รับความนิยมอย่างสูง จนทำให้คู่แข่งทั้งในวงการ และนอกวงการอีคอมเมิร์ซ ไปจนถึงทั่วโลก ต่างจัดอีเวนท์มาร่วมแข่งขันกันอย่างดุเดือด
จากผลงานอันโดดเด่น ในปี 2015 ตำแหน่งซีอีโอของ Alibaba ก็ถูกส่งต่อให้กับ Daniel Zhang ในที่สุด
หนึ่งในผลงานที่โดดเด่นของ Zhang คือตัวเลขยอดขาย 11.11 ในปี 2018 ที่ทำได้ 30,800 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 9.34 แสนล้านบาท) ขณะที่อีเวนท์ (เคย) ยิ่งใหญ่อย่าง Black Friday ของสหรัฐอเมริกาทำยอดขายไปได้ 6,200 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่วน Cyber Monday ก็ทำไปได้ 7,900 ล้านเหรียญสหรัฐ หรืออีเวนท์อย่าง Amazon Prime Day ก็ทำไปได้แค่ 4,200 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเรียกว่าสามเทศกาลนี้บวกกันยังไม่เท่า Alibaba จัดงานวันเดียวเลย
ถึงแม้จะเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง 11.11 ด้วยความที่ Zhang ทำตัวโลว์โปรไฟล์มาก เขาเคยถูกเข้าใจผิดว่าเป็นพนักงานทำความสะอาดของบริษัทมาแล้วเช่นกัน
ขอบคุณภาพบรรยากาศจาก alizila
สงครามการค้าทำอะไร 11.11 ไม่ได้
ความน่าสนใจของเทศกาล 11.11 ในปีนี้ก็คือ เป็นเทศกาลปีแรกที่ไร้เงา Jack Ma อยู่เบื้องหลัง เนื่องจากเขาประกาศลงจากตำแหน่งประธานบริษัทอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 10 กันยายน 2019 หรือ 10.09.19 ซึ่งเป็นวันครูแห่งชาติของสาธารณรัฐประชาชนจีน และเป็นความตั้งใจของ Jack Ma เองที่จะลา Alibaba ในวันดังกล่าวเพราะครั้งหนึ่งเขาเคยเป็นครูมาก่อน
กลับมาที่เทศกาล 11.11 ในปี 2019 พบว่ามีมากกว่า 200,000 แบรนด์ไปแล้วเรียบร้อย รวมถึงแบรนด์ดังจากซีกโลกตะวันตกเช่น Apple, Estee Lauder ด้วย
สำหรับความท้าทายของเทศกาล 11.11 ในปีนี้ก็คือ สงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐอเมริกา ซึ่งทำให้เกิดกระแสบอยคอตสินค้าอเมริกันขึ้นในหมู่ชาวจีน โดย AlixPartners ทำการสำรวจพบว่า ชาวจีนผู้ตอบแบบสอบถามถึง 78% ยอมรับว่าตนเองจะไม่ซื้อสินค้าสัญชาติอเมริกัน ซึ่งแบรนด์ที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบจากการบอยคอตครั้งนี้ได้แก่ Nike, Tapestry Inc., Ralph Lauren, Capri Holding และ Tiffany & Co.
กระนั้น Forrester Research ก็ยังคาดการณ์ในแง่ดี โดยมองว่า เทศกาล 11.11 ภายใต้การกุมบังเหียนอย่างเต็มตัวของ Daniel Zhang ปีนี้จะทำรายได้มากถึง 37,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 1.12 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2018 ที่ทำเอาไว้ 30,800 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 9.34 แสนล้านบาทมาเยอะเลยทีเดียว
สำหรับความท้าทายของเทศกาล 11.11 ในปีนี้ก็คือ สงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐอเมริกา ซึ่งทำให้เกิดกระแสบอยคอตสินค้าอเมริกันขึ้นในหมู่ชาวจีน โดย AlixPartners ทำการสำรวจพบว่า ชาวจีนผู้ตอบแบบสอบถามถึง 78% ยอมรับว่าตนเองจะไม่ซื้อสินค้าสัญชาติอเมริกัน ซึ่งแบรนด์ที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบจากการบอยคอตครั้งนี้ได้แก่ Nike, Tapestry Inc., Ralph Lauren, Capri Holding และ Tiffany & Co.
กระนั้น Forrester Research ก็ยังคาดการณ์ในแง่ดี โดยมองว่า เทศกาล 11.11 ภายใต้การกุมบังเหียนอย่างเต็มตัวของ Daniel Zhang ปีนี้จะทำรายได้มากถึง 37,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 1.12 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2018 ที่ทำเอาไว้ 30,800 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 9.34 แสนล้านบาทมาเยอะเลยทีเดียว