2 ปรัชญาผสานสู่ 1 ความตั้งใจ
ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค เบเวอเรจ (SPBT) ก่อนการรวมบริษัทระหว่าง ซันโตรี่ และ เป๊ปซี่โค ทั้ง 2 บริษัทเดิมมีปรัชญาการดำเนินธุรกิจที่คล้ายๆกัน คือ การทำสิ่งดีให้สังคมควบคู่กับการดำเนินธุรกิจ ฝั่ง Suntory – Living with water หรือในภาษาญี่ปุ่นที่ว่า‘มิซู โตะ อิคิรุ’ตระหนักถึงความสำคัญของ “น้ำ” ซึ่งถือเป็นทรัพยากรที่เราใช้ในการดำเนินธุรกิจ และยังเป็นสิ่งจำเป็นต่อการดำรงชีวิตของทุกชีวิตบนผืนโลก ขณะที่ฝั่ง PepsiCo – Going for Good ต้องทำสิ่งดีๆและสิ่งที่ถูกต้องให้กับสังคม พอเมื่อรวมกันเป็นหนึ่งเดียวยิ่งทำให้ปรัชญาบริษัทชัดเจนมากขึ้น เพื่อการทำธุรกิจอย่างยั่งยืน จึงเป็นจุดเริ่มต้นของการ กิจกรรมอนุรักษ์ต้นน้ำพื้นที่ลุ่มน้ำแม่ศึก อำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่
Living with water
เพราะ “น้ำ” คือ จุดเริ่มต้นของทุกชีวิตบนโลกนี้ ไม่ว่าจะเป็นแหล่งอาหารของมนุษย์ เส้นทางการคมนาคม หรือแม้กระทั่งที่อยู่อาศัยของสัตว์น้ำ แต่ปัจจุบันป่าต้นน้ำในประเทศไทยถูกทำลายและรุกรานไปจำนวนมาก ซึ่งเป็นเหตุผลที่ทำให้เกิดภัยแล้งในหลายพื้นที่ อีกทั้งยังส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่ต่างๆเป็นทอดๆ
ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค เบเวอเรจ (SPBT)ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องดื่มเครือซันโทรี่และเป๊ปซี่ในประเทศไทย เล็งเห็นความสำคัญของ “น้ำ”และ ทำธุรกิจที่มีน้ำเป็นองค์ประกอบ จึงร่วมกับ มูลนิธิรักษ์ไทย ภายใต้แนวคิด Living with waterจัดโครงการอนุรักษ์ต้นน้ำพื้นที่ลุ่มน้ำแม่ศึก อำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ แหล่งต้นน้ำของแม่น้ำที่เป็นส่วนหนึ่งของต้นกำเนิด “แม่น้ำเจ้าพระยา” แหล่งน้ำหัวใจของชาวไทย ด้วยการปลูกป่าและทำฝายชะลอน้ำ200 จุด เพื่อช่วยในการดักตะกอนและชะลอการไหลของน้ำ ลดการพังทลายของหน้าดินและป้องกันปัญหาอุทกภัยในฤดูฝน และสร้างความชุ่มชื้นให้กับป่าไม้ รวมไปถึงคืนความสมดุลของระบบนิเวศให้แก่ธรรมชาติ
ให้ความรู้เยาวชน “ผู้พิทักษ์ป่า”
ไม่เพียงปลูกป่าและทำฝายฯเท่านั้น แต่เพื่อให้ไม่เกิดการทำลายป่าหรือรุกรานป่ามากขึ้น ผู้บริหารฯคิดว่าต้องให้ความรู้ของป่าไม้และน้ำ ให้แก่ “เยาวชน” เป็นผู้พิทักษ์ป่า รวมไปถึงสร้างสำนึกด้านการอนุรักษ์ป่าและน้ำ ผ่านโครงการให้ความรู้เรื่องน้ำ (มิตซุยกุ) และ ฝึกอบรมครูและบุคลากรในท้องถิ่น เพื่อถ่ายทอดความรู้เรื่องน้ำและการดูแลรักษาทรัพยากรน้ำให้แก่เด็กและเยาวชนในโรงเรียน จำนวน 35 โรงเรียน ในจังหวัดระยอง สระบุรี และเชียงใหม่ จัดค่ายเยาวชนรักษ์น้ำและกิจกรรมนักสืบสายน้ำเพื่อสร้างจิตสำนึกด้านการอนุรักษ์น้ำ การใช้น้ำอย่างรู้คุณค่าและฟื้นฟูแหล่งต้นน้ำของประเทศไทยให้มีความอุดมสมบูรณ์และคงอยู่อย่างยั่งยืน
นายโอเมอร์ มาลิค ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค เบเวอเรจ (ประเทศไทย) จำกัดกล่าว“ภายใต้โครงการ บริษัทฯ ได้วางแผนร่วมกับมูลนิธิรักษ์ไทยที่จะสร้างฝายชะลอน้ำทั้งสิ้นจำนวน 200ฝาย ปลูกป่าเพื่อฟื้นฟูพื้นที่ป่าที่ถูกบุกรุกและป่าเสื่อมโทรม รวมถึงปลูกป่าเสริม จำนวน 500 ไร่ ปลูกหญ้าแฝกในพื้นที่เสี่ยงระยะ 20กิโลเมตร เพื่อช่วยในการดักตะกอนและชะลอการไหลของน้ำ คืนความสมดุลของระบบนิเวศให้แก่ธรรมชาติ วางระบบประปาหมู่บ้านและติดตั้งเครื่องกรองน้ำให้แก่ 4 ชุมชนต้นแบบ ในเขตตำบลแม่ศึก อำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตให้ชุมชนชาวเขาในพื้นที่ห่างไกลได้มีน้ำสะอาดใช้เพื่อบริโภค และกิจกรรม Train the Trainers ซึ่งเป็นกิจกรรมฝึกอบรมครูและบุคลากรในท้องถิ่น เพื่อถ่ายทอดความรู้เรื่องน้ำและการดูแลรักษาทรัพยากรน้ำให้แก่เด็กและเยาวชนในโรงเรียน จำนวน 35 โรงเรียน ในจังหวัดระยอง สระบุรี และเชียงใหม่ จัดค่ายเยาวชนรักษ์น้ำและกิจกรรมนักสืบสายน้ำเพื่อสร้างจิตสำนึกด้านการอนุรักษ์น้ำ การใช้น้ำอย่างรู้คุณค่าและฟื้นฟูแหล่งต้นน้ำของประเทศไทยให้มีความอุดมสมบูรณ์และคงอยู่อย่างยั่งยืน นายโอเมอร์ กล่าวเสริม”
ดร.พรชัย ศรีประไพ กรรมการมูลนิธิรักษ์ไทยกล่าวว่า “มูลนิธิรักษ์ไทย มีพันธกิจหลักที่จะสร้างชุมชนเข้มแข็ง มีคุณภาพชีวิตที่ดี ได้สิทธิความเสมอภาค และเกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน การพัฒนาแหล่งน้ำและการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ถือเป็นส่วนหนึ่งในภารกิจหลักในการดำเนินงานของมูลนิธิฯ การร่วมมือกันครั้งนี้ จึงสอดคล้องกับเจตนารมย์ของมูลนิธิฯ จึงนำไปสู่การร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลง (MOU) ความร่วมมือภายใต้แนวคิด‘ลิฟวิ่ง วิท วอเตอร์’ของSPBTซึ่งมีโครงการหลักที่สำคัญ ได้แก่ “โครงการอนุรักษ์ต้นน้ำ พื้นที่ลุ่มน้ำแม่ศึก อำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่” ซึ่งเป็นโครงการดำเนินงานตามศาสตร์พระราชา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ในการอนุรักษ์น้ำ ดิน และป่าไม้ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดซึ่งต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกฝ่าย อันจะนำไปสู่การยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในสังคม และเกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน และ “โครงการให้ความรู้เรื่องน้ำ (มิตซุยกุ)แก่เด็กและเยาวชน ในจังหวัดระยองและจังหวัดสระบุรี”เพื่อสร้างสำนึกการใช้น้ำอย่างรู้คุณค่า”