HomeBrand Move !!ย้อนรอย ‘ไอคอนสยาม’ เส้นทาง 5 ปี ก่อนได้ฤกษ์เปิดประตู Global Landmark สู่สายตาชาวโลก

ย้อนรอย ‘ไอคอนสยาม’ เส้นทาง 5 ปี ก่อนได้ฤกษ์เปิดประตู Global Landmark สู่สายตาชาวโลก

แชร์ :

ย้อนหลังไปเมื่อราว 5 ปีก่อน ภายหลังการประกาศความร่วมมือในการเนรมิตรโครงการเมกะโปรเจ็กต์จากภาคเอกชนที่ใหญ่ที่สุดในเวลานั้น ด้วยการขับเคลื่อนโครงการยักษ์ที่มีมูลค่าการลงทุนสูงถึง 5.4 หมื่นล้านบาท จาก 3 กลุ่มธุรกิจระดับประเทศอย่างบริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด บริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด และบริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด กับการพลิกฟื้นที่ดินแปลงใหญ่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ที่ว่ากันว่าตั้งอยู่บนทำเลที่ดีที่สุด บนแนวโค้งที่สวยที่สุดของริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา เพื่อสร้างเป็นเมืองใหม่ในการดึงดูดผู้คนและนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกมาอยู่รวมกัน และปักหมุดหมายใหม่ในฐานะ The Next Global Destination บนแผนที่โลก

ADFEST 2024

Santos Or Jaune

ความร่วมมือในการลงทุนครั้งยิ่งใหญ่นี้ถูกเปิดตัวขึ้นเมื่อเดือน ก.ค. 2557 ซึ่งในขณะนั้นสถานการณ์โดยรวมของประเทศไม่ค่อยดีมากนัก สภาพเศรษฐกิจไม่ได้สดใสหรือเอื้อต่อการลงทุนมากนัก แต่ด้วยความเชื่อมั่นในศักยภาพที่แข็งแรงของประเทศไทย รวมทั้งต้องการแสดงให้ผู้คนทั่วโลกเห็นว่า นักลงทุนไทยยังมีความเชื่อมั่นในประเทศไทยอยู่ เมกะโปรเจ็กต์บนพื้นที่ 55 ไร่ ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาจึงได้เริ่มเดินหน้าขึ้น จนผ่านมา 1,640 วัน ก็ได้ฤกษ์ในการเปิดประตูเมือง “ไอคอนสยาม” แห่งนี้ ให้แก่สาธารณชนจากทั่วโลกได้เข้ามาสัมผัสกับบรรยากาศต่างๆ ภายในอาณาจักรแห่งนี้ด้วยสายตาตัวเองแล้ว

9 พฤศจิกายน 2561 คือวันแรกที่ไอคอนสยามเปิดตัวอย่างเป็นทางการเป็นครั้งแรก ในรอบไพรเวทสำหรับแขกวีไอพี เซเลบริตี้ และสื่อมวลชน ก่อนจะเริ่มเปิดให้สาธารณชนทั่วสารทิศจากทุกมุมโลกเข้ามาได้หลังจากวันที่ 10 พ.ย. เป็นต้นไป

ย้อนรอยเส้นทาง 5 ปี ที่รอคอย

จากความมุ่งมั่น ทุ่มเท และตั้งใจของหลายพันชีวิตที่มีส่วนเกี่ยวข้องในทุกๆ องค์ประกอบของโครงการแห่งนี้ ทำให้ช่วงปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ผู้มีส่วนร่วมในการผลักดันโครงการแห่งนี้ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มผู้ลงทุน ทีมวิศวกรก่อสร้าง ศิลปินที่ร่วมสร้างสรรค์ ทั้งบรรดาเหล่า Creators, Makers ในแต่ละภาคส่วน ได้กลับมารวมตัวกันเพื่อประกาศความพร้อมสำหรับการเปิดประตูเมืองไอคอนสยามแห่งนี้

นำทัพโดย คุณแป๋ม ชฎาทิพ จูตระกูล หนึ่งในหัวเรือใหญ่ที่งานนี้ทุ่มสุดตัวกระโดดลงมาดูแลทุกๆ ส่วนของเนื้องานอย่างใกล้ชิดด้วยตัวเอง เพื่อให้ทั้ง 7.5 แสนตารางเมตรภายในโครงการ เต็มไปด้วยเรื่องราวและความสร้างสรรค์ที่จะสร้างความประทับใจให้แก่ผู้มาเยือนได้อย่างเต็มภาคภูมิ

คุณแป๋มเล่าย้อนไปถึงวันลงนามสัญญาร่วมทุนเพื่อดำเนินโครงการไอคอนสยามว่า “วันนั้นเป็นเหมือนจุดเริ่มต้นในการให้คำมั่นสัญญาที่จะต้องสร้างสัญลักษณ์ใหม่ของประเทศไทย ที่จะเป็นทั้งการแสดงอัตลักษณ์และศักดิ์ศรีของความเป็นไทย สามารถนำมาซึ่งความภาคภูมิใจของคนไทย และคนที่รักประเทศไทยทุกคน เพื่อให้มีความโดดเด่นและได้รับการยอมรับจากชาวโลก โดยเฉพาะการทำให้ไอคอนสยามแห่งนี้เป็นเสมือนจุดบรรจบระหว่างสิ่งที่ดีที่สุดของประเทศไทยและสิ่งที่ดีที่สุดของทุกมุมโลก และกลายเป็นตัวแทนในการบอกเล่า 1 ล้านเรื่องราวของประเทศไทยและของคนไทย เป็นการบอกเล่าเรื่องราวดีๆ ที่คนไทยและชาติไทยมีอยู่ไปสู่ชาวโลก”

  1. ทำไมต้องริมแม่น้ำเจ้าพระยา

หนึ่งในความโดดเด่นของโครงการนี้ คือ มีทำเลตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา โดยเลือกเวิ้งน้ำตรงโค้งที่สวยที่สุด รายล้อมด้วยโรงแรม 5 ดาว โดยรอบ ทำให้รายล้อมด้วยทัศนียภาพที่สวยงาม แต่หนึ่งในความหนักใจของการเนรมิตรโครงการบนทำเลทองแห่งนี้คือ ไม่ว่าใครจะเป็นผู้ลงทุนก็ตาม ต้องใช้เงินลงทุนจำนวนมหาศาลเพื่อมาดำเนินการให้เป็นจริงตามฝัน

ขณะที่ความสำคัญของแม่น้ำเจ้าพระยาก็เป็นที่ทราบกันดีว่า เป็นแม่น้ำสายหลักของประเทศมาช้านาน หลากหลายเรื่องราวในประวัติศาสตร์ล้วนเกิดขึ้นและเชื่อมโยงอยู่บนแม่น้ำสายนี้ ที่มีความสำคัญไม่ต่างกับเส้นเลือดใหญ่ที่หล่อเลี้ยงคนในชาติ และเป็นอีกหนึ่งความภาคภูมิใจของคนไทยทุกคนเช่นกัน

สิ่งดีงามทั้งหลายในประเทศก็ล้วนเกิดขึ้นบนแม่น้ำสายนี้ เมืองหลวงของประเทศไทยในประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาก็เลือกที่จะตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา หรือทุกครั้งที่กษัตริย์ของไทยรบชนะ ก็มักจะมีการก่อสร้างอนุเสาวรีย์แห่งชัยชนะที่แสดงถึงพลังและความรุ่งโรจน์ของประเทศไทยบนสายน้ำแห่งนี้เช่นกัน

จนถึงปัจจุบันแม่น้ำสายนี้ก็ยังคงเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจ ศูนย์กลางของความเจริญ โดยที่ยังอยู่ท่ามกลางความงดงามของวัฒนธรมและประเพณี ของชุมชนที่ยังคงตั้งรกรากอยู่คู่กับริมฝั่งแม่น้ำ ซึ่งในวันแรกเริ่มเดินหน้าโครงการคุณแป๋มมองว่า การมาของไอคอนสยามเพื่อมาเป็นส่วนหนึ่งที่ไม่ต่างจากจิ๊กซอว์ตัวเล็กๆ ที่จะเข้ามาช่วยจุดประกายความสว่างไสว เพื่อสร้างสีสันและความมีชีวิตชีวาให้กลับมาสู่สายน้ำแห่งนี้อีกครั้งหนึ่ง รวมทั้งการดึงสายตาจากคนทั่วโลกให้หันกลับมามองเรื่องราวที่เคยเกิดขึ้นบนแม่น้ำสายนี้ได้อีกครั้งหนึ่ง

เมื่อถึงวันนี้จึงถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จในการผลักดันให้ไอคอนสยามเป็น ‘ICONSIAM MASTER THE RIVER’ ตามที่ได้ประกาศไว้ในวันเริ่มต้นโครงการ

2. เข้าบอร์ดครั้งเดียวผ่าน

ย้อนอดีตไปเมื่อ 5-6  ปีก่อน ก่อนที่จะมีโครงการระดับ WORLD ICONIC อย่างไอคอนสยามเกิดขึ้น ที่ดินผืนนี้ยังคงเป็นที่ดินว่างเปล่า ภายในพื้นที่หลายสิบไร่มีแต่โกดังว่างเปล่า และมีท่าเรืออยู่สองท่า แต่ตามกายภาพแล้วถือว่าเป็นที่ดินผืนที่สวยมากแปลงหนึ่ง  แต่อย่างที่รับรู้กันว่า แม้ที่ดินแปลงงามแห่งนี้จะเป็นที่ใฝ่ฝันและต้องการของใครหลายคน แต่หากจะทำโครงการใหญ่ๆ ระดับประเทศ ก็ต้องใช้งบประมาณที่ค่อนข้างสูงมาก เพื่อทำให้โครงการนี้เป็นจริงได้ตามที่ฝัน

จนกระทั่งการมาโคจรพบกันของ 2 แม่ทัพญิงเก่งในแวดวงธุรกิจไทยอย่าง คุณแป๋ม ชฎาทิพ จูตระกูล แห่งสยามพิวรรธน์ และคุณบี ทิพาภรณ์ เจียรวนนท์ แห่งแมกโนเลีย ควอลิตี้ หรือ MQDC ที่ต่างเฝ้ามองที่แปลงดังกล่าวพร้อมกับวาดภาพโครงการหรูริมแม่น้ำเจ้าพระยาไว้ด้วยกันทั้งคู่  จนกระทั่งมีโอกาสได้พบและพูดคุยกันและพบว่าต่างคนต่างมีความฝันและจุดมุ่งหมายเดียวกัน คือ การพัฒนาโครงการที่เป็นความภาคภูมิใจของคนไทย สร้าง New Destination แห่งใหม่ของโลกด้วยการรวบรวมสิ่งที่ดีที่สุดของโลกมารวมกันไว้ในที่เดียว ทำให้ประเทศไทยได้รับการยอมรับในเวทีโลกและเป็นโอกาสที่จะผลักดันให้ความเป็นไทย รวมทั้งชื่อเสียง ฝีมือ ศิลปวัฒนธรรม ประเพณีและความดีงามต่างๆ ของคนไทยได้ถูกจดจำไปทั่วโลก

หลังจากการพูดคุยเบื้องต้นระหว่างคุณแป๋ม และคุณบี ทางคุณแป๋มได้นำโครงการนี้เข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท เนื่องจากต้องขออนุมัติเงินลงทุนที่ค่อนข้างสูง แต่เมื่อนำเสนอรูปแบบโครงการ และประโยชน์ต่างๆ ที่ประเทศชาติจะได้รับ ทางบอร์ดสยามพิวรรธน์ก็อนุมัติให้เดินหน้าลงทุนโครงการนี้ได้เลยเพียงแค่การนำเสนอครั้งแรกเท่านั้น

3. พื้นที่แห่งการ Co Creation

อีกหนึ่งจุดมุ่งหมายสำคัญของไอคอนสยามคือ การเป็นหนี่งในความภาคภูมิใจที่ทำให้คนไทยทั้งชาติกลับมามองและภาคภูมิใจในความเป็นไทยที่สามารถทำในหลายๆ สิ่งที่คนทั้งโลกทำไม่ได้ โดยเฉพาะคุณค่าและเสน่ห์แบบไทยๆ หรือจินตนาการสร้างสรรค์จนนำมาสู่การถือกำเนิดขึ้นของไอคอนสยาม

จากความร่วมแรงร่วมใจตลอด 5 ปี เพื่อสร้างสรรค์ของศิลปินไทยในทุกๆ แขนง เป็นโครงการที่รวมศิลปินผู้เชี่ยวชาญระดับสุดยอดฝีมือ ศิลปินแห่งชาติ รวมทั้งนักวิชาการ ทีมงานวิศวกร สถาปนิก และผู้มีความรู้ในแขนงต่างๆ ภายใต้การทำงานร่วมกับผู้เชี่ยวชาญในระดับโลก เพื่อร่วมสร้างประวัติศาสตร์ครั้งนี้ไปด้วยกัน ผ่านสถาปัตยกรรม และนวัตกรรมที่โดดเด่น ที่โลกต้องตะลึงเพราะยังไม่เคยมีใครทำได้มาก่อน เช่น โครงสร้างอาคารเพดานสูงถึง 23 เมตร โดยไม่ต้องใช้เสาค้ำ เป็นต้น

นอกจากความร่วมมือของศิลปินและทีมก่อสร้างแล้ว ในโครงการยังมีพื้นที่แห่งการสร้างสรรค์จากกลุ่มผู้ประกอบการไทยจากทั้ง 77 จังหวัด ในชื่อ “สุขสยาม” เพื่อเป็นพื้นที่ของภูมิปัญญาไทยในแต่ละจังหวัดแต่ละท้องถิ่น ทั้งสินค้าเกษตร หัตถกรรม ที่สืบทอดมาแบบรุ่นสู่รุ่นมีโอกาสให้คนจากทั่วทั้งโลกได้รู้จักและสัมผัส ในฐานะหนึ่งจุดหมายที่นักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาในไทยไม่ต่ำกว่าปีบะ 20 ล้านคน จะได้มีโอกาสสัมผัส เรียนรู้ และชื่นชมคุณค่าของศิลปะ วัฒนธรรม และสินค้าของคนไทย เป็นอีกหนึ่งเวทีในการผลักดันให้ Local Hero เติบโตไปสู่การเป็น Global Hero ได้อีกทางหนึ่ง

4. ศูนย์กลาง Global Iconic Store

นอกจากเป็นโอกาสในการนำแบรนด์ไทยไปเติบโตระดับโลก ไอคอนสยามยังได้รวม 500 ร้านค้า ที่มีชื่อเสียงในระดับ Global Brand ซึ่งมีถึง 20% ที่ยังไม่เคยเข้ามาเปิดช็อปในประเทศไทยมาก่อน ซึ่งในการไปพรีเซ็นต์เพื่อดึงแบรนด์ดังระดับโลกเหล่านี้เข้ามา และเป็นการเข้ามาแบบแตกต่างจากทุกๆ ครั้งที่เคยขยายร้านไปยังที่อื่นๆ เพราะแต่ละร้านภายในไอคอนสยามจะเป็นแฟลกชิพสโตร์ทั้งหมด โดยให้แบรนด์ดังๆ ได้มีโอกาสทำงานสร้างสรรค์ร่วมกับศิลปินไทย เพื่อผสานคอนเซ็ปต์ของแบรนด์ให้เข้ากับความเป็นไทย และจะเป็นคอนเซ็ปต์ร้านที่จะมีอยู่แค่เฉพาะในประเทศไทยเพียงแห่งเดียวเท่านั้น เท่ากับไอคอนสยามแห่งนี้จะเป็นศูนย์รวม Global Iconic Store ของ 500 แบรนด์ดังระดับโลก

ในส่วนนี้ คุณแป๋ม เล่ารายละเอียดในการไปเชื้อเชิญบรรดาแบรนด์ดังต่างๆ ให้เข้ามาเปิดบริการในไอคอนสยามไว้คร่าวๆ ว่า

“เวลาไปเชื้อเชิญแต่ละแบรนด์เข้ามานั้น เราไม่ได้พรีเซ็นต์ที่ความเป็นไอคอนสยาม แต่เน้นพรีเซ็นต์ถึงประเทศไทย บอกถึงความดีงาม ความแข็งแกร่ง และทิศทางอนาคตที่จะต้องดีของประเทศไทย รวมทั้งแสดงความเชื่อมั่นในฐานะนักลงทุนที่เชื่อมั่นในศักยภาพของประเทศไทย ทำให้แบรนด์เหล่านี้เชื่อมั่นและกล้าเข้ามาลงทุน ขณะเดียวกันก็พยายามให้แต่ละแบรนด์พรีเซ็นต์ความเป็นตัวเองออกมาในรูปแบบของความเป็นไทย ให้มองข้ามการขายสินค้าไปที่การขายคุณค่า ขายประวัติศาสตร์ ขายนวัตกรรม ขายวิสัยทัศน์ของแบรนด์ และเปิดโอกาสในการสับสนุนคนไทยที่มีความสามารถให้ได้เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของร้านที่มีชื่อเสียงระดับโลก”

ซึ่งหนึ่งในตัวอย่างที่ไอคอนสยามทำสำเร็จและเป็นที่ฮือฮา คือ คอนเซ็ปต์ของร้านแอปเปิ้ลสโตร์ในไทย ที่สร้างกระแส Viral ได้เป็นอย่างดีในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งปรากฏการณ์ในลักษณะนี้ คุณแป๋มย้ำว่า จะได้เห็นในแบรนด์อื่นๆ ตามมาอีกอย่างแน่นอน

5. สร้างเมืองแล้วต้องสร้างสาธารณูปโภคด้วย

ด้วยโลเกชั่นโครงการไอคอนสยามที่ออกไปจากใจกลางเมือง ต่างจาก World Class Destination อื่นๆ ที่มักจะอยู่โซนใจกลางเมืองมีรถไฟฟ้าเชื่อมผ่าน ทำให้นักท่องเที่ยวและผู้คนสัญจรเข้าโครงการได้อย่างสะดวก

ทว่าการถือกำเนิดขึ้นของไอคอนสยาม ยังมาพร้อมกับการอนุมัติโครงการรถไฟฟ้าสายสีทอง ตามนโยบายของทางกรุงเทพมหานคร โดยเป็นโครงการแรกและเป็นหนึ่งในแรงผลักดันสำคัญที่ให้การสนับสนุนการก่อสร้างระบบขนส่งมวลชนในเส้นทางนี้จนทำให้การก่อสร้างเส้นทางคืบหน้าไปได้อย่างมาก แม้ว่าจะยังไม่สามารถเปิดให้บริการได้ทันในวันเปิดตัว 9 พ.ย. 2561 นี้ แต่มีการประกาศจากทางผู้บริหารแล้วว่าอีกไม่นานเกินรอผู้คนย่านฝั่งธนและชาวคลองสานก็จะได้ใช้บริการรถไฟฟ้าสายสีทองอย่างแน่นอน ซึ่งคนที่ได้ประโยชน์จากการเปิดเส้นทางนี้ไม่ใช่แค่ลูกค้าของไอคอนสยามเท่านั้น แต่ยังเป็นการอำนวยความสะดวก และยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนที่อยู่อาศัยในย่านดังกล่าวให้ได้รับความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม

ส่วนการโดยสารทางน้ำ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งเส้นทางหลักในการเดินทางมาสู่โครงการนั้น ได้มีการก่อสร้างท่าเทียบเรือ 4 ท่า เพื่อรองรับการสัญจรทางน้ำด้วยเรือยอร์ชส่วนตัว และเรือสำราญของนักท่องเที่ยว รวมทั้งการดูแลและรักษาความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกสบายให้กับท่าเรือข้ามฟากทั้ง 73 ท่าริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งสามารถให้บริการได้ทันทีหลังการเปิดให้บริการ โดยมีการทำงานร่วมกับตำรวจน้ำ และทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อมเพื่อยกระดับความปลอดภัย พร้อมการให้ข้อมูลข่าวสารต่างๆ อย่างรอบด้าน

ซึ่งภายหลังการเปิดเดินรถเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีทอง ไอคอนสยามจะกลายเป็นต้นแบบของจุดเชื่อมโยงการเดินทางทั้งทางรถ ราง และเรือที่มีความสมบูรณ์แบบที่สุดในประเทศไทยอีกด้วย

 

การเดินทางมาไอคอนสยาม

สำหรับหลายๆ คนที่กำลังกังวลในการเดินทางมาไอคอนสยาม เพราะรถไฟฟ้าสายสีทองที่มีเส้นทางนำเข้ามาสู่โครงการยังไม่แล้วเสร็จ และคิดว่าต้องเดินทางเฉพาะทางเรือเท่านั้นหรือไม่ ทางไอคอนสยามได้สรุปเส้นทางสำหรับการเดินทางมายังโครงการในทุกๆ รูปแบบ  ดังนี้

เดินทางด้วยรถไฟฟ้า

1. สถานีกรุงธนบุรี (ออกทางออก 1) มีบริการ Shuttle Bus /Van ทุก ๆ 15 นาที ตั้งแต่เวลา 08.00 น. – 24.00 น.

2. สถานีสะพานตากสิน (ออกทางออก 2) มีบริการ shutter boat ที่ท่าเรือสาทร ตั้งแต่เวลา 08.00 น. – 23.30 น. เรือออกทุกๆ 10 นาที

เดินทางด้วยเรือ : สามารถใช้บริการ Shuttle Boat ของไอคอนสยาม ได้ที่

ท่าเรือสาทร ให้บริการตั้งแต่เวลา 08.00 น. – 23.30 น.

ท่าเรือ CAT Telecom ให้บริการตั้งแต่เวลา 09.00 น. – 23.00 น.

ท่าเรือสี่พระยา ให้บริการตั้งแต่เวลา 09.00 น. – 23.00 น.

ท่าเรือราชวงศ์ ให้บริการตั้งแต่เวลา 09.00 น. – 23.00 น.

เดินทางด้วยรถยนต์ 

1. ทางด่วนพิเศษศรีรัช

มาจากบางนา-คลองเตย ลงทางออกสาทร เลี้ยวซ้ายเข้าถนนเจริญราษฎร์ ข้ามสะพานตากสิน เลี้ยวซ้ายเข้าถนนเจริญนคร

มาจากแจ้งวัฒนะ ลงทางออกสีลม เลี้ยวซ้ายเจอแยกสุรศักดิ์ เลี้ยวขวาเข้าถนนสุรศักดิ์ แล้วเลี้ยวขวาข้ามสะพานตากสิน เลี้ยวซ้ายเข้าถนนเจริญนคร

2. ฝั่งพระนคร

จากถนนสุขุมวิท เลี้ยวซ้ายเข้าถนนวิทยุ ตรงมาเข้าถนนสาทร ขึ้นสะพานตากสิน เลี้ยวซ้ายเข้าถนนเจริญนคร

จากถนนเจริญกรุง เลี้ยวขวาเข้าถนนสีลม เลี้ยวขวาเข้าถนนสุรศักดิ์ แล้วเลี้ยวขวาเข้าถนนสาทร ข้ามสะพานตากสิน เลี้ยวซ้ายเข้าถนนเจริญนคร

จากถนนราชดำเนิน เลี้ยวเข้าถนนวรจักร ข้ามสะพานพระปกเกล้า ถึงวงเวียนเล็ก เลี้ยวซ้ายเข้าถนนสมเด็จเจ้าพระยา ตรงมาเข้าถนนเจริญนคร

จากแยกคลองเตย เลี้ยวเข้าถนนพระราม วิ่งตรงมาข้ามสะพานพระราม 3 ชิดซ้ายทางออกถนนเจริญนคร เพื่อวนลงถนนสมเด็จพระเจ้าตากสิน จากนั้นเลี้ยวซ้ายเข้าถนนพระราม 3 จากนั้นเลี้ยวซ้ายเข้าถนนเจริญนคร

3. ฝั่งธนบุรี

จากถนนเพชรเกษม มุ่งหน้าสู่วงเวียนใหญ่ ชิดซ้ายสู่ถนนลาดหญ้า แล้วเลี้ยวขวาเข้าถนนเจริญนคร

จากถนนราชพฤกษ์ ก่อนถึงสถานี BTS กรุงธนบุรี (S7) ชิดซ้ายเข้าสู่ทางคู่ขนาน เลี้ยวซ้ายเข้าสู่ถนนเจริญนคร

จากถนนราษฎร์บูรณะ ถึงแยกบุคคโล วิ่งตรงเข้าสู่ถนนเจริญนคร

จากถนนอิสรภาพ เลี้ยวซ้ายเข้าสู่ถนนลาดหญ้า เลี้ยวขวาเข้าสู่ถนนเจริญนคร

 


แชร์ :

You may also like