ผ่านพ้นไปแล้วสำหรับแคมเปญช้อปปิ้งระดับโลกอย่าง 11.11 ที่เหล่านักช้อปจากทั่วโลกต่างเฝ้ารอดีลสุดพิเศษที่บรรดาแพลตฟอร์มต่างๆ จะนำเสนอให้ สร้างความคึกคักและกระตุ้นกำลังซื้อได้เป็นอย่างดี เรียกได้ว่ายอดเงินสะพัดในวันนี้เพียงวันเดียว อาจมากกว่ายอดขายทั้งเดือนหรือทั้งปีของหลายๆ ที่รวมกันด้วยซ้ำ
โดยเฉพาะต้นตำรับ ผู้ให้กำเนิดแคมเปญนี้อย่างอาลีบาบา กรุ๊ป ที่เริ่มจุดแคมเปญนี้ขึ้นเป็นครั้งแรกที่ประเทศจีน ในปี 2552 ด้วยการมอบโปรโมชันผ่านส่วนลดสุดแสนพิเศษในวันคนโสดหรือ Single Day กับเทศกาลช้อปปิ้ง 11.11 รวมทั้งต้องการกระตุ้น สร้างความคุ้นเคยและเห็นคุณค่าของการช้อปปิ้งออนไลน์ให้มากขึ้น โดยมีร้านค้าที่เข้าร่วมในปีแรกเพียง 27 ราย แต่ก็สามารถสร้างผลตอบรับได้อย่างล้นหลาม จนทำให้มีการจัดต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน ส่งผลให้แพลตฟอร์มอื่นๆ ต้องลุกขึ้นมามอบดีลพิเศษให้ลูกค้าเช่นกัน โดยเฉพาะในปัจจุบันที่ไม่ใช่เพียงแค่ E Commerce Platform เท่านั้นที่มีแคมเปญ 11.11 แต่ทุกภาคส่วนในธุรกิจ Retail ต่างก็ลุกออกมาจัดโปรโมชั่นในวันพิเศษนี้กันอย่างถ้วนหน้า
แต่แม้ว่าจะมีดีล มีโปรโมชั่นพิเศษจากทุกๆ แพลตฟอร์มให้เหล่านักช้อปเลือกซื้อได้มากมาย แต่อาลีบาบาก็ยังไม่คลายมนต์ขลัง เมื่อรายงานตัวเลขยอดขายจากเทศกาล 11.11 ในปีนี้ ยังคงเติบโตได้ถึง 27% โดยมียอดมูลค่าสินค้ารวมที่ขายได้ในวันที่ 11 พฤศจิกายน 2561 ที่ผ่านมา สูงถึง 213,500 ล้านหยวน หรือหากตีมูลค่าเป็นเงินบาทแบบคร่าวๆ (1 หยวน เท่ากับ 5 บาท) จะมีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 1 ล้านล้านบาทเลยทีเดียว
ทั้งนี้ อาลีบาบา กรุ๊ป โดย อาลีบาบา โฮลดิ้ง ลิมิเต็ด (NYSE: BABA) ประกาศยอดมูลค่าสินค้ารวม (GMV) ระหว่างมหกรรมช้อปปิ้งระดับโลก 11.11 ของวันที่ 11 พฤศจิกายนที่เพิ่งผ่านพ้นมา ด้วยตัวเลข 213,500 ล้านหยวน (ประมาณ 30,800 ล้านเหรียญสหรัฐ) เพิ่มขึ้น 27% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ซึ่งหากคิดกลับเป็นเงินบาทในอัตรา 1 หยวน = 5 บาท จะมียอดมูลค่าสินค้าที่ขายได้อยู่ที่ 1,067,5000 ล้านบาท
สำหรับยอดรวมมูลค่าสินค้า (GMV) ในงานมหกรรมช้อปปิ้งระดับโลก 11.11 เป็นมูลค่ารวมที่เกิดขึ้นบนแพลตฟอร์มการค้าปลีกของอาลีบาบา ลาซาด้า และอาลีเอ็กซ์เพรส ในช่วง 24 ชั่วโมงของวันที่ 11 พฤศจิกายน และชำระผ่านอาลีเพย์ ซึ่งเป็นข้อมูลที่อ้างอิงเรียลไทม์และรวมค่าขนส่ง (ถ้ามี) ธุรกรรมเกี่ยวข้องกับแบรนด์ต่างประเทศ (แบรนด์ที่สร้างขึ้นนอกจีนแผ่นดินใหญ่) และข้อมูลผู้ใช้สำหรับทีมอลล์เท่านั้น
“วันนี้ เราได้เห็นความแข็งแกร่งและการเติบโตของเศรษฐกิจที่พึ่งพาการบริโภคของจีน จากการที่ผู้บริโภคมุ่งแสวงหาการยกระดับการใช้ชีวิตประจำวัน” นายแดเนียล จาง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร อาลีบาบา กรุ๊ป กล่าว พร้อมเพิ่มเติมว่า “การที่ธุรกิจในระบบนิเวศทั้งหมดของอาลีบาบาได้เข้าร่วมในงานนี้ ทำให้แบรนด์และพันธมิตรร้านค้าต่าง ๆ สามารถสร้างการปฏิสัมพันธ์กับผู้บริโภคอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ในอนาคต อาลีบาบาจะยังคงเป็นผู้นำวิวัฒนาการเพื่อก้าวเข้าสู่เศรษฐกิจและไลฟ์สไตล์ดิจิทัลในอนาคต”
สำหรับไฮไลท์หลักๆ ที่เกิดขึ้นในมหกรรมช้อปปิ้งระดับโลก 11.11 ในปี 2561 ที่อาลีบาบาทำได้ มีดังต่อไปนี้
– ยอดมูลค่ารวมสินค้าที่ชำระผ่านอาลีเพย์ 213,500 ล้านหยวน (30,800 ล้านเหรียญสหรัฐ) เพิ่มขึ้น 27% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ที่ในรอบ 24 ชั่วโมง มียอดการใช้จ่ายรวม 168,200 ล้านหยวนเกิดขึ้นในช่วง 24 ขั่วโมง
– ไช่เหนียว เน็ตเวิร์ค ดูแลรับผิดชอบการส่งสินค้า 1,000 ล้านออเดอร์
– กว่า 180,000 แบรนด์ เข้าร่วมในเทศกาลในปีนี้ จากปีที่ผ่านมามีแบรนด์และร้านค้ากว่า 140,000 ราย ที่เข้าร่วมในมหกรรมช้อปปิ้งระดับโลกนี้
– ผู้บริโภคกว่า 40% ซื้อสินค้าที่เป็นแบรนด์ต่างชาติ
– มี 237 แบรนด์ที่มียอด GMV สูงกว่า 100 ล้านหยวน อาทิ Apple, Dyson, Kindle, Estée Lauder, L’Oréal, Nestlé, Gap, Nike and Adidas
– ประเทศที่ขายสินค้าให้กับจีนในงานนี้สูงสุดคือ ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย และเยอรมนี
– 230 ประเทศ/เขต เกี่ยวข้องกับธุรกรรม
– ลาซาด้า เข้าร่วม11 ในฐานะหนึ่งในอีโคซิสเท็มของอาลีบาบา นำเสนองานเทศกาลนี้ให้กับผู้บริโภคในสิงคโปร์ มาเลเซีย ไทย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม