HomeBrand Move !!ประมวลภาพวันสุดท้ายของ “ลิโด้” พร้อมจับตาอนาคต CU Property จะนำไปพัฒนาอะไรต่อ

ประมวลภาพวันสุดท้ายของ “ลิโด้” พร้อมจับตาอนาคต CU Property จะนำไปพัฒนาอะไรต่อ

แชร์ :

ใจหาย…สำหรับคอภาพยนตร์อินดี้ หรือคนรุ่นวัย 50+ ที่ครั้งหนึ่งเคยมีความหลังกับ โรงภาพยนตร์ลิโด้ ที่หลายคนใช้เป็นสถานที่เดทจนก่อเกิดเป็นความรัก ซึ่งเชื่อว่านับตั้งแต่เปิดฉายภาพยนตร์เป็นเรื่อง Games For San Sebastian (ศึกเซบาสเตียน) เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2511 ด้วยความจุ 1,000 ที่นั่ง กระทั่งเมื่อเกิดเหตุเพลิงไหม้ จึงเกิดการปรับปรุงให้เป็น โรงภาพยนตร์ขนาดเล็ก (มัลติเพล็กซ์) 3 โรงย่อย มีความจุรวม 633 ที่นั่ง

ADFEST 2024

Santos Or Jaune

แต่ในวันนี้ 31 พฤษภาคม 2561 “ลิโด้” กำลังจะฉายภาพยนตร์เรื่องสุดท้าย Kids on The Slope รอบเวลา 20:45 เชื่อว่าสื่ออื่นๆ ได้วิเคราะห์ถึงสาเหตุการปิดตัวของโรงภาพยนตร์ในตำนาน ไม่ว่าจะเป็นการขาดทุนกว่า 200 ล้านบาท เนื่องจากแบกภาระค่าเช่าที่ย่านสยามแสควร์ ในขณะที่ภาพยนตร์ส่วนหนึ่งที่เข้าฉายที่นี่ ส่วนหนึ่งเป็นหนังนอกกระแส ทำให้มีผู้ชมในวงจำกัด รวมทั้งค่าเข้าชมภาพยนตร์ที่ราคาถูกกว่าโรงภาพยนตร์ส่วนใหญ่ในยุคนี้

ประเด็นที่น่าจับตามองต่อไปก็คือ CU Property จะนำเอาพื้นที่ทั้งกล่าวพัฒนาเป็นอะไรต่อ?

ห้างใหม่อีกแห่ง หรือ ลานกิจกรรมสไตล์ Center Point 

จากการสอบถามจากแหล่งข่าวซึ่งเป็นหนึ่งในผู้เช่าของพื้นที่เดียวกับโรงภาพยนตร์ลิโด้ เล่าให้ฟังว่า

“เราทราบข่าวมาตั้งแต่ปลายปีที่แล้วว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลง โดยส่วนที่ทางจุฬาฯ จะทำใหม่เป็นในส่วนตรงกลาง ที่เป็นโรงหนัง กับร้านขนาดเล็กข้างล่าง ในส่วนของร้านที่เป็นปีก 2 ฝั่งจะยังอยู่เหมือนเดิม แต่แน่นอนว่าก็คงได้รับผลกระทบในเรื่องของเสียงกับฝุ่น และเรายังไม่ทราบว่าจะใช้เวลาในการรีโนเวทนานแค่ไหน”

“เท่าที่ได้ยินมา คือ ทางจุฬาฯ จะทำพื้นที่เป็นลานโล่ง อาจจะมีหลังคามาปิด แล้วมีบันไดเชื่อมต่อขึ้นมาด้านบน คล้ายๆ K-Village” นี่คือสิ่งที่แหล่งข่าวให้ข้อมูล ซึ่งนั่นเท่ากับว่าเป็นการย้อนตำนาน Center Point ที่ครั้งหนึ่งเป็นแหล่งกิจกรรมของวัยรุ่นที่ขึ้นแท่นตำนาน และสำหรับ Business Model ที่จะเกิดขึ้นของการปรับพื้นที่ในลักษณะนี้ก็คือการใช้เช่าพื้นที่จัดอีเว้นท์ขนาดเล็ก และมีกลุ่มเป้าหมายชัดเจน

อย่างไรก็ตามมีอีกแหล่งข่าวมองว่าทาง CU Property กำลังเล็งทำห้างสรรพสินค้าโมเดลเดียวกับ Siam Square 1 ซึ่งได้ค่าเช่าพื้นที่เป็นกอบเป็นกำ แต่ก็ต้องเผชิญหน้ากับความท้าทายอย่างหนัก เพราะห้างสรรพสินค้ารายใหญ่ที่รายล้อมล้วนแล้วแต่มีเขี้ยวเล็บแข็งแกร่งทั้งสิ้น

ค่าเช่าใหม่แพงระยับ อัพ 43%

จากการสอบถามผู้ค้าหลายรายในพื้นที่ พบว่าเท่าที่มีการพูดคุยกัน มีตัวเลขค่าเช่าที่อาจจะปรับขึ้นถึงกว่า 43% ซึ่งถือว่าเกือบเท่าตัวเลยทีเดียว ซึ่งระหว่างนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนเจรจา รวมทั้งในช่วงเวลาที่กำลังรีโนเวท ที่ผู้เช่าหน้าเดิมจะประสบปัญหาจากการก่อสร้าง และทราฟฟิค ที่อาจจะลดลง ตรงนี้ทางด้านเจ้าของพื้นที่ จะมีมาตราการเยียวยาหรือไม่อย่างไร ก็เป็นประเด็นที่ต้องติดตาม รวมทั้งรูปแบบของพื้นที่ ซึ่งที่ผ่านมามีการปรับเปลี่ยนหลายครั้ง ก็ต้องจับตาต่อไปอีกเช่นกัน 

ตำนาน “สูทสีเหลือง” ที่วันนี้กลายเป็นนายแบบให้ลูกค้าถ่ายรูป

คนกรุงเทพเรียนรู้อะไรจากกรณี “ลิโด้”

“ลิโด้” โรงภาพยนตร์แสตนอะโลนในตำนานของกรุงเทพ กำลังจะโบกมือลาหายไป ส่วน “สกาล่า” โรงภาพยนตร์จากเจ้าของเดียวกัน ซึ่งมีความงดงามทางสถาปัตยกรรม จนได้รับรางวัล อนุรักษ์สถาปัตยกรรมดีเด่น ปี 2555 จากสมาคมสถาปนิกสยามในพระบรมราชูปถัมภ์ แต่ในเรื่องของธุรกิจ ทางฝั่งของตระกูลต้นสัจจา ซึ่งเป็นเจ้าของสวนนงนุชด้วยนั้น คงไม่สามรถแบกรับการขาดทุนสะสมหลักร้อยล้านบาทได้ต่อไป ดังนั้นจึงตัดสินใจว่าจะโบกมือลาธุรกิจโรงภาพยนตร์ในปี 2563 หลังจากหมดสัญญา

นั่นหมายความว่าตัวโรงภาพยนตร์ระดับตำนานก็จะล้มหายตายจากไปตามกระแสการแข่งขันทาง

ธุรกิจอีกแห่งหนึ่ง โดยตอนนี้ยังไม่แน่ว่าอาคารที่มีความงดงามดังกล่าวจะได้รับการอนุรักษณ์ให้คงอยู่ต่อไป หรือหายไปจากพื้นที่ทองคำแห่งนี้ด้วย นี่จึงเป็นเรื่องที่คนกรุงเทพฯ อาจจะต้องตั้งคำถามกับตัวเองว่า จะปล่อยให้ธุรกิจระดับตำนานแบบนี้มีลูกค้าเต็มทุกที่นั่งเพียงแค่วันที่กำลังเหลือลมหายใจเฮือกสุดท้ายเท่านั้นหรือ? ขณะที่เจ้าของธุรกิจเองก็ต้องปรับตัวให้เท่าทันความเปลี่ยนแปลงของยุคสมัยและเทคโนโลยี ในมุมของผู้ประกอบการก็คงต้องถามตัวเองว่า ในยุคที่สื่อแตกต่างไป มีช่องทางให้เลือกเสพคอนเทนท์มากมาย สื่อแบบดั้งเดิมจะต่อสู้กับกระแสพายุนี้อย่างไร

ส่วน “ลิโด้” ในวันนี้ เราคงได้แต่ระลึกถึงแล้วเดินหน้าต่อไป …


แชร์ :

You may also like