HomePR Newsเอ็ม บี เค ฟู้ดโซลูชั่น ส่งแบรนด์ใหม่ “ฮินะ” ชิงส่วนแบ่งตลาดร้านอาหารญี่ปุ่นกว่า 2 หมื่นล้าน [PR]

เอ็ม บี เค ฟู้ดโซลูชั่น ส่งแบรนด์ใหม่ “ฮินะ” ชิงส่วนแบ่งตลาดร้านอาหารญี่ปุ่นกว่า 2 หมื่นล้าน [PR]

แชร์ :

เอ็ม บี เค ฟู้ดโซลูชั่น ธุรกิจในเครือ เอ็ม บี เค กรุ๊ป เพิ่มน้ำหนักลงทุนธุรกิจอาหาร ส่งร้านอาหารญี่ปุ่นแบรนด์ใหม่ “ฮินะ” ชิงส่วนแบ่งตลาด พร้อมผนึกพันธมิตรพาเหรดร้านอาหารบริการด่วนให้บริการในศูนย์อาหารเอ็ม บี เค เซ็นเตอร์ ชูจุดขายแหล่งสตรีทฟู้ดที่เป็นจุดนัดพบใหม่ของนักกิน

ADFEST 2024

Santos Or Jaune

นายสมเกียรติ มรรคยาธร กรรมการผู้จัดการใหญ่กลุ่มธุรกิจอาหาร บริษัท ปทุมไรซมิล แอนด์ แกรนารี จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายข้าวสารบรรจุถุง แบรนด์ “มาบุญครอง” และ ธุรกิจร้านอาหารภายใต้กลุ่มธุรกิจเอ็ม บี เค ฟู้ด โซลูชั่น กล่าวว่า “บริษัทมองเห็นโอกาสจากตลาดร้านอาหารญี่ปุ่นมูลค่า 2.2-2.3 หมื่นล้านบาทมีการเติบโตปีละ 10-15 % จึงได้พัฒนาแบรนด์ร้านอาหารญี่ปุ่นของตัวเอง ภายใต้ชื่อ “ฮินะ”  โดยคงกลิ่นอายความเป็นญี่ปุ่นด้วยการตกแต่งและใส่สัญลักษณ์ความน่ารักของตุ๊กตาเจ้าหญิงญี่ปุ่นในร้านเพื่อให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในเทศกาลฮินะ มัตสึริ และวางโพสิชันนิ่งเป็นร้านอาหารญี่ปุ่นคุณภาพสูงจับกลุ่มลูกค้าที่มีรายได้ระดับกลาง-บน โดยเปิดให้บริการสาขาแรกอยู่ที่ชั้น 6 ของศูนย์การค้าเอ็ม บี เค เซ็นเตอร์”

“ธุรกิจอาหารมีแนวโน้มการแข่งขันเพิ่มมากขึ้น แต่จากไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปจึงยังมีโอกาสเติบโตในแง่ของการเป็นแม่เหล็กดึงลูกค้าเข้ามาใช้บริการให้กับช็อปปิ้งเซ็นเตอร์ต่างๆ  ซึ่งบริษัทได้พัฒนาธุรกิจร้านอาหารเพื่อส่งเสริมธุรกิจศูนย์การค้า โดยช่วงแรกเน้นขยายไปกับศูนย์การค้าในเครือเป็นหลักและมองโอกาสขยายไปในทำเลอื่นๆ ด้วย” นายสมเกียรติ กล่าวเพิ่มเติม

ปัจจุบัน บริษัทฯ บริหารศูนย์อาหาร 2 แห่ง ที่ตั้งอยู่ในศูนย์การค้าเอ็ม บี เค เซ็นเตอร์ ได้แก่ ศูนย์อาหารนานาชาติ “เดอะ ฟิฟท์ ฟู้ด อเวนิว” (THE FIFTH Food Avenue) ชั้น 5 และ “เอ็ม บี  เค ฟู้ด ไอส์แลนด์” (MBK Food Island) ชั้น 6 โดยมุ่งให้บริการทั้งกลุ่มลูกค้าคนไทยและนักท่องเที่ยว ซึ่งต้องการผลักดันให้เป็นจุดนัดพบและแหล่งรวบรวมสตรีทฟู้ดจึงได้เพิ่มจำนวนร้านอาหารกลุ่มสตรีทฟู้ดและร้านอาหารบริการด่วน (QSR) ที่รู้จักดี เพื่อสร้างความแตกต่างและดึงลูกค้าเป้าหมายให้เข้ามาใช้บริการ โดยพฤติกรรมของลูกค้าส่วนใหญ่เข้าร้านอาหารช่วงเที่ยงและเย็น บริษัทฯ จึงมองหาพันธมิตรร้านอาหารกลุ่มของว่างทานเล่นเพื่อเติมเต็มทุกช่วงเวลาอำนวยความสะดวกให้ลูกค้าสามารถเข้ามารับประทานได้ตลอดวัน

นอกจากนี้ ยังมีร้านสุกี้ยากี้นัมเบอร์วัน 4 สาขา เปิดให้บริการในศูนย์การค้าในเครือ และนอกเครือ อาทิ สาขาเดอะ ไนน์ เซ็นเตอร์ พระราม 9 สาขาอาคารกลาสเฮ้าส์ รัชดา สาขาเอ็ม บี เค เซ็นเตอร์ สาขาเอซี พลาซ่า สายไหม และอยู่ระหว่างมองหาทำเลเปิดร้านใหม่ กล่าวได้ว่าธุรกิจร้านอาหารญี่ปุ่นฮินะและสุกี้นัมเบอร์วันมีทิศทางที่สดใส และเริ่มได้รับความนิยมมากขึ้น จากกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่เป็นลักษณะครอบครัว ทั้งชาวไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติ

นายสมเกียรติกล่าวถึงการทำตลาดว่า “บริษัทฯ ได้นำเครื่องมือการตลาดสมัยใหม่เข้ามาใช้สื่อสารการตลาดกับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่เป็นคนรุ่นใหม่ อาทิ สุกี้นัมเบอร์วันใช้แอปพลิเคชั่นไลน์เป็นเครื่องมือช่วยส่งเสริมการขาย และขยายช่องทางชำระเงินผ่านระบบต่างๆ เพื่อสร้างแบรนด์ให้ทันสมัยและตอบรับลูกค้าวงกว้าง”

“ขณะที่ธุรกิจข้าวยังเป็นรายได้หลักมีสัดส่วน 75 % ของรายได้บริษัท ขณะนี้อยู่ระหว่างศึกษาและพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีวัตถุดิบจากข้าวและก่อนหน้านี้ได้เปิดตัวข้าวพรีเมียม ออร์แกนิค 3 ผลิตภัณฑ์ ได้แก่ ข้าวไรซ์เบอร์รี่อินทรีย์ ข้าวหอมมะลิอินทรีย์ และข้าวกล้องหอมมะลิอินทรีย์ พร้อมทำการตลาดชูจุดขายในแง่ของสินค้าเฮลท์ตี้ เพราะมองเห็นโอกาสการจำหน่ายทั้งในและต่างประเทศ อาทิ ยุโรป และอยู่ระหว่างเจรจาพันธมิตรกระจายสินค้าเข้าไปทำการตลาดในกลุ่มประเทศซีแอลเอ็มวี พร้อมกันนี้ได้เปิดบริษัทใหม่ภายใต้ชื่อว่า บริษัท เอ็ม บี เค ฟู้ด เซอร์วิส จำกัด เพื่อลงทุนในธุรกิจการบริหารจัดการวัตถุดิบ ผลิต จำหน่ายสินค้าสำเร็จรูป สินค้ากึ่งสำเร็จรูป และรองรับการขยายตัวของธุรกิจ ซึ่งการลงทุนดังกล่าวจะเป็นจิ๊กซอว์เชื่อมระหว่างสินค้าและบริการในเครือ เอ็ม บี เค กรุ๊ป ประกอบด้วยกลุ่มผลิตภัณฑ์ข้าว กลุ่มเซอร์วิสที่มีร้านอาหาร ศูนย์อาหาร กลุ่มแคทเทอริ่ง กลุ่มโรงแรมและสนามกอล์ฟที่มีห้องอาหารให้บริการ ทำให้กระบวนการจัดหาวัตถุดิบและการขนส่ง รวมถึงการพัฒนาครัวกลางเพื่อส่งวัตถุดิบที่มีคุณภาพไปยังสาขาเครือข่ายต่างๆ และมองโอกาสต่อยอดไปถึงการพัฒนาโปรดักส์ในอนาคตอีกด้วย” นายสมเกียรติ กล่าวปิดท้ายถึงความเคลื่อนไหวล่าสุด


แชร์ :