HomeBrand Move !!อัครพัจน์ ตั้งตรงจิตร ทายาท ‘ยาเขียวตราใบโพธิ์’ ผู้สำแดงอิทธิฤทธิ์ ‘สมุนไพรไทย’ ให้โลกรู้

อัครพัจน์ ตั้งตรงจิตร ทายาท ‘ยาเขียวตราใบโพธิ์’ ผู้สำแดงอิทธิฤทธิ์ ‘สมุนไพรไทย’ ให้โลกรู้

แชร์ :

 

แม้จะเป็นทายาทผลิตภัณฑ์ยาสมุนไพรที่ได้รับความเชื่อถือมากว่า 100 ปี อย่าง ห้างขายยาตราใบโพธิ์ เจ้าของตำนานยาสมุนไพรโบราณ ยาเขียวตราใบโพธิ์ ที่ใช้รับประทานแก้อาการร้อนใน และยากวาดตราใบโพธิ์ แก้อาการไอสำหรับเด็ก ที่ยังคงมีพ่อแม่หรือปู่ย่าตายายนิยมนำมาใช้กับลูกหลานของตัวเองมาจนถึงปัจจุบัน 

ADFEST 2024

Santos Or Jaune

แต่ด้วยแนวคิดที่ต้องการสร้างภาพลักษณ์ใหม่ให้สมุนไพรไทยมีความทันสมัยและเข้าถึงกลุ่มคนรุ่นใหม่ได้มากขึ้น ทำให้ คุณตาล อัครพัจน์ ตั้งตรงจิตร กรรมการผู้จัดการ หจก.จิสประพัจน์ เลือกที่จะบุกเบิกธุรกิจยาสมุนไพรของตัวเองขึ้นมาใหม่ ภายใต้ชื่อ “เฌอเอม” โดยยังคงใช้องค์ความรู้ของครอบครัวในฐานะผู้เชี่ยวชาญเรื่องยาสมุนไพร และมีสูตรยาสมุนไพรต่างๆ เก็บไว้จำนวนมาก เพื่อนำมาพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ตัวแรกคือ “ยาดมสมุนไพรตราเฌอเอม” จนได้รับการยอมรับและสามารถอยู่ในตลาดมาจนถึงปัจจุบันเป็นเวลา 17 ปีแล้ว

คุณตาลยอมรับว่า วิธีคิดที่จะทำให้สมุนไพรมีภาพที่ทันสมัยค่อนข้างเสี่ยงและท้าทายเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะในยุคที่เริ่มก่อตั้งธุรกิจเฌอเอมใหม่ๆ ที่การรับรู้และเปิดกว้างของคนยังไม่เหมือนปัจจุบัน โดยเฉพาะหากทำกับแบรนด์ที่มีอายุยาวนานมามากกว่า 100 ปี อย่างตราใบโพธิ์ การเข้าไปทำการเปลี่ยนแปลงอาจจะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นและ Loyalty ของลูกค้าได้ ซึ่งนั่นอาจจะไม่ใช่สิ่งที่ดีต่อแบรนด์เท่าไหร่นัก

“เมื่อลองทบทวนดู และไม่อยากให้ทางครอบครัวไม่สบายใจ เราจึงเลือกที่จะตั้งแบรนด์ใหม่ขึ้นมา โดยเลือกใช้ชื่อว่า “เฌอเอม” ที่ค่อนข้างแปลกในยุคนั้น เพราะก่อนหน้านี้แบรนด์ที่ใช้อักษร “ฌ” ไม่ได้มีมากนัก แต่หากเราสามารถทำให้เป็นที่รู้จักได้ ลูกค้าก็จะจำแบรนด์ได้มากขึ้นด้วย รวมทั้งความหมายของชื่อที่ลงตัว เพราะ “เฌอ”  หมายถึงต้นไม้  สื่อถึงความเป็นธรรมชาติ สะท้อนถึงการเป็นผลิตภัณฑ์สมุนไพรจากธรรมชาติ  และ “เฌอเอม” ยังเป็นชื่อของสมุนไพรชนิดหนึ่งด้วย”

ในส่วนของการออกแบบโลโก้ เลือกใช้เป็นรูปใบไม้ 2 ใบ โดยที่ใบหนึ่งคือยอดอ่อนที่กำลังแตกออกมาจากใบเดิม หมายถึงการเป็นบริษัทลูกของห้างขายยาตราใบโพธิ์  แต่เลือกที่จะไม่ใช้รูปใบโพธิ์ เพราะอาจจะทำให้แบรนด์ดูแก่เกินไป จึงเลือกที่จะใช้เป็นรูปใบไม้ธรรมดาแทน รวมทั้งการโฟกัสผลิตภัณฑ์ที่แตกต่างไปจากธุรกิจเดิม เพราะเฌอเอมจะเน้นผลิตภัณฑ์สมุนไพรสำหรับใช้ภายนอก เช่น ยาดม ยาหม่อง ยาทา ถู นวด รวมทั้งลูกประคบสมุนไพร ส่วนตราใบโพธิ์ จะเป็นยาเขียว และยากวาด เป็นหลัก

เสริมด้วยการตลาด เพิ่มสินค้าให้หลากหลาย

คุณตาล ใช้วิธีลองผิดลองถูกเพื่อพัฒนาสินค้ามาอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งการทำตลาดที่แยกกันอย่างชัดเจนกับธุรกิจของครอบครัว โดยเฉพาะระบบการจัดจำหน่ายที่เลือกใช้เซลล์ขายชุดใหม่ต่างหาก เพื่อไม่ให้กระทบกับระบบการขายของใบโพธิ์ที่เน้นซื้อขายเงินสด แต่เฌอเอมเป็นแบรนด์ใหม่ คนยังไม่รู้จักหากเก็บเงินสดร้านค้าส่วนใหญ่อาจจะปฏิเสธ หรือบางคนที่รับก็อาจจะต่อรองขอเครดิตกับตราใบโพธิ์ด้วย จึงเลือกที่สร้างระบบการทำตลาดและฝ่ายขายของตัวเองขึ้นมาต่างหาก

“ธุรกิจยามีความแตกต่างจากธุรกิจอื่นๆ ที่แม้ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์ของแบรนด์ที่มีชื่อเสียง แต่ก็ไม่สามารถแน่ใจได้ว่าตลาดจะให้การตอบรับ ร้านขายยาส่วนใหญ่จะเลือกซื้อแต่ยาตัวเดิมๆ เราจึงตัดสินใจให้เครดิตกับร้านขายยาเพื่อให้มีจุดจำหน่ายได้มากที่สุด ซึ่งต้องยอมรับว่าการที่เราอยู่ในเครือตราใบโพธิ์ มีส่วนช่วยได้อย่างมาก เพราะเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้ลูกค้ามีความเชื่อมั่นและกล้าที่จะเลือกใช้แบรนด์ของเรา”

ช่วงที่ทำตลาดใหม่ๆ คุณตาลจะลงไปพูดคุยกับร้านขายยาต่างๆ ด้วยตัวเอง เพื่อแนะนำตัวและสินค้าของเฌอเอม  รวมทั้งเพื่อสร้างสัมพันธ์ที่ดีกับเจ้าของร้านมากกว่าที่จะเน้นการขายเพียงอย่างเดียว เพราะช่องทางร้านขายยาจะให้ความสำคัญกับความคุ้นเคยระหว่างกันเป็นหลัก ขณะที่การทำตลาดอื่นๆ ก็ต้องค่อยๆ เรียนรู้ลองผิดลองถูก เพราะคุณตาลไม่ได้จบมาจากสายบริหารหรือการตลาดโดยตรง แต่เรียนจบมาทางด้านวิศวะ และเรียนต่อปริญญาโทด้านการเงิน ทำให้มุมมองบางอย่างอาจไม่ได้มองตามหลักการตลาดและไม่ได้รับการตอบรับที่ดีมากนัก

“ช่วงแรกเราอาจจะคิดแบบวิศวะหน่อยๆ ยึดตามตรรกะทั่วไปว่าถ้าทำของดีออกมาก็ต้องขายได้ ทำให้เน้นแต่เรื่องของสูตร เรื่องของสรรพคุณตัวยา โดยที่ลืมมองส่วนประกอบอื่นๆ  เช่น ความสวยงามของแพ็กเกจ เรามองจากมุมตัวเองว่าสวย แต่เวลาไปอยู่บนเชลฟ์ ไปรวมกับแบรนด์อื่นๆ สินค้าเราจมหายไป ไม่เด่นเท่าแบรนด์อื่นๆ ก็ต้องกลับมาคิดใหม่  หรือวิธีทำตลาดที่ช่วงแรกๆ ก็คิดแค่ว่าวางขายให้ได้มากที่สุด แต่ไม่ได้มองว่าต้องส่งเสริมการขาย หรือทำตลาดอย่างไรเพิ่มเติม ทำให้ตัดสินใจที่จะมีที่ปรึกษาทางการตลาดที่เป็นมืออาชีพเข้ามาให้คำแนะนำอย่างจริงจัง”

ปัจจุบัน “เฌอเอม” มีการทำตลาดอย่างครบวงจรทั้งออนไลน์และออฟไลน์ โดยเฉพาะกลยุทธ์สำคัญในการแจกสินค้าตัวอย่าง โดยเฉพาะการเข้าไปสนับสนุนกิจกรรมที่มีคนไปร่วมจำนวนมาก เพื่อให้คนส่วนใหญ่ได้มีโอกาสทดลองใช้และทราบความแตกต่างระหว่างเฌอเอมที่เป็นยาดมสมุนไพรแท้ๆ ซึ่งแตกต่างจากแบรนด์อื่นๆ ที่มีอยู่ในตลาดขณะนั้น

ขยายตลาดต่างประเทศ เล็งลงทุนในจีน

นอกจากผลิตภัณฑ์หลักอย่างยาดมแล้ว เฌอเอมได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ  ภายใต้แบรนด์เดียวกันมาทำตลาดเพิ่มเติมมากขึ้นด้วย โดยเฉพาะการสร้างความแตกต่างให้กับตลาดสมุนไพรแบบเดิมๆ เช่น การพัฒนายาหม่องสมุนไพรสูตรเย็นเป็นรายแรก เพื่อให้สามารถใช้กับเด็กได้ โดยไม่รู้สึกระคายเคือง รวมทั้งพัฒนากลิ่นใหม่ๆ ที่ถูกใจคนรุ่นใหม่ยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นกลิ่นชาเขียว ลาเวนเดอร์ หรือตระไคร้

“ปัจจุบันเรามีสินค้าภายใต้แบรนด์เฌอเอมหลากหลายกลุ่ม ทั้งยาดม ยาหม่องสูตรร้อน ยาหม่องสูตรเย็น ยาหม่องน้ำ น้ำมันถูนวดต่างๆ  พิมเสนน้ำ รวมทั้งลูกประคบสมุนไพร โดยที่ทุกผลิตภัณฑ์ของเราจะใช้แบรนด์เดียวกันทั้งหมด ทำให้ง่ายในการทำตลาด และยังทำให้แบรนด์เฌอเอมมีความแข็งแรงจากการทำตลาดในภาพรวมทั้งแบรนด์ ขณะที่รายอื่นๆ ในกลุ่มยาหรือสมุนไพร ส่วนใหญ่จะใช้หนึ่งแบรนด์ต่อหนึ่งผลิตภัณฑ์จึงต้องใช้งบทำตลาดมาก รวมทั้งยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการลงพื้นที่แต่ละครั้ง เพราะจะมีสินค้าไปนำเสนอเพื่อเป็นทางเลือกหลายอย่าง เนื่องจากความชอบของแต่ละคนจะไม่เหมือนกัน”

ปัจจุบันเฌอเอมทำยอดขายได้ไม่ต่ำกว่าร้อยล้านบาทต่อปี  รวมทั้งมีช่องทางกระจายสินค้าอย่างครอบคลุม ทั้งร้านขายยา โมเดิร์นเทรด ร้านสะดวกซื้อ  ร้านค้าทั่วไป รวมทั้งสามารถขยายตลาดไปต่างประเทศได้มากขึ้น ทั้งในแถบประเทศเพื่อนบ้านและในจีน โดยเฉพาะรายได้จากลูกค้าจีนที่เพิ่มขึ้นมาก จึงตัดสินใจขยายการลงทุนไปจีน ด้วยการเข้าไปตั้งสาขาในเมืองเฉินตู เพื่อทำตลาดอย่างจริงจัง ซึ่งในอนาคตหากตลาดยังขยายตัวได้ต่อเนื่องก็มีแผนที่จะเข้าไปลงทุนด้วยการสร้างโรงงานเพื่อทำการผลิตในประเทศจีนอย่างจริงจัง จากปัจจุบันใช้วิธีจ้างโรงงานในพื้นที่ทำการผลิตให้

ขณะที่การลงทุนเพิ่มเติมในประเทศ เพื่อรองรับโอกาสที่จะขยายตัวในอนาคต เตรียมใช้งบ 40-50 ล้านบาท เพื่อขยายกำลังผลิตให้เพิ่มขึ้นอย่างน้อย 2-3 เท่าตัว ด้วยการสร้างอาคารโรงงานแห่งใหม่ เนื่องจากโรงงานในปัจจุบันทำการผลิตเกินกว่า Capacity ไปแล้วถึง 50% สะท้อนถึงศักยภาพของตลาดที่ยังโตได้อีกมาก และการตอบรับที่ดีของตลาด โดยเฉพาะการแข่งขันที่เพิ่มขึ้นจากการมีแบรนด์ใหม่ๆ เข้ามาในตลาดอย่างต่อเนื่อง ขณะที่เฌอเอมก็ยังคงโตได้เป็นเท่าตัวต่อเนื่องมา 2-3 ปีแล้ว จากก่อนหน้าจะโตเฉลี่ยปีละ 30-40%

“ตลาดสมุนไพรยังมีโอกาสขยายตัวและยังมีศักยภาพอย่างมาก เพราะถือเป็นองค์ความรู้ที่อยู่คู่ประเทศไทยมาอย่างยาวนาน แม้ว่าวัตถุดิบหรือสมุนไพรบางตัวจะนำเข้ามาจากประเทศอื่นๆ แต่ด้วยการผสมผสานเข้ากับสมุนไพรไทย ทำให้เกิดความแตกต่างและเป็นที่ชื่นชมในหลายๆ ประเทศ โดยเฉพาะหากได้รับการเข้ามาผลักดันจากภาครัฐอย่างจริงจัง เชื่อว่าจะยิ่งทำให้ศักยภาพของสมุนไพรไทยแข็งแรงและเติบโตได้มากยิ่งขึ้น”

ต่อยอดธุรกิจใหม่ ภายใต้ “เฌอ แฟมิลี่”

นอกจากธุรกิจในกลุ่มผลิตภัณฑ์สมุนไพรแล้ว  คุณตาลได้ขยายการลงทุนสู่ธุรกิจใหม่ๆ ภายใต้แบรนด์ “เฌอ” โดยเริ่มจากธุรกิจในกลุ่ม Service Business ด้วยการเปิด “เฌอ รีสอร์ท” บูธีครีสอร์ทระดับลักซ์ชัวรี่ พื้นที่ 5 ไร่ จำนวน 36 ห้อง พื้นที่แถบทะเลชะอำ –หัวหิน ซึ่งให้บริการมาแล้วกว่า 7 ปี
“หลังธุรกิจเฌอเอมเริ่มนิ่งมากขึ้น เราก็มีความคิดอยากทำธุรกิจใหม่ๆ เพิ่มเติม ประกอบกับมีที่ดินติดทะเลอยู่แปลงหนึ่ง จึงเลือกทำธุรกิจโรงแรม เพราะมองว่าเป็นธุรกิจที่มีความยั่งยืนในระดับหนึ่ง รวมทั้งเป็นสิ่งที่เราชื่นชอบจึงน่าจะทำได้ดี เพราะว่าเราชอบท่องเที่ยว จึงอยากจะสร้างรีสอร์ทติดชายทะเล แต่อยากให้มีบรรยากาศที่ร่มรื่น เพราะคนส่วนใหญ่เมื่อนึกถึงบรรยากาศชายหาด จะมองว่าอากาศต้องร้อน แต่ในเฌอ รีสอร์ทจะมีต้นไม้มาก ทำให้มีความร่มรื่น แต่ก็ยังได้บรรยากาศของชายหาดและทะเลอยู่เช่นเดิม”

สำหรับโครงการต่อไป อยู่ระหว่างการพัฒนาพื้นที่กว่า 50 ไร่ บริเวณเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์  ให้มีลักษณะเป็นเหมือนไร่ หรือฟาร์ม โดยเชื่อมโยงกับแนวคิดในการทำเกษตรแบบผสมผสาน ที่สามารถเชื่อมโยงไปสู่ธุรกิจท่องเที่ยวเชิงเกษตรได้  ขณะที่พื้นที่ส่วนหนึ่งจะใช้เป็นสถานที่สำหรับใช้ปฏิบัติธรรมหรือฝึกสมาธิ เพื่อให้คนที่มาได้พักผ่อน อยู่กับตัวเอง อยู่กับธรรมะ และธรรมชาติได้ภายในที่เดียวกัน โดยขณะนี้ได้เริ่มพัฒนาพื้นที่ไปบางส่วนแล้ว

“สำหรับโครงการใหม่ที่จะเกิดขึ้น มีแผนจะใช้ชื่อที่เกี่ยวข้องกับ “เฌอ” เช่นกัน โดยโปรเจ็กต์นี้ จะเป็นสิ่งที่แตกต่างและยังไม่เคยมีโครงการไหนทำมาก่อน เพราะที่ผ่านมาอาจจะเห็นว่ามีการสร้างสวนสำหรับปฏิบัติธรรม และฟาร์มหรือไร่เพื่อการท่องเที่ยว แต่ยังไม่มีใครที่นำของทั้งสองสิ่งนี้มาไว้ด้วยกัน  แต่ที่ไร่ของเฌอเอมจะเป็นที่แรกที่ใช้คอนเซ็ปต์นี้ ซึ่งขณะนี้ได้เริ่มปลูกต้นไม้ในพื้นที่ และมีการนำควายที่ได้จากการไถ่ชีวิตจากที่ต่างๆ มาเลี้ยงไว้ในฟาร์มแห่งนี้แล้ว โดยคาดว่าจะเริ่มสร้างที่พักภายในพื้นที่ได้ประมาณปีหน้า และเมื่อสร้างเสร็จน่าจะเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่คนให้ความสนใจ โดยเฉพาะผู้ชื่นชอบการท่องเที่ยวเชิงเกษตร หรือมองหาสถานที่พักผ่อนที่มีความสงบและได้ใกล้ชิดกับธรรมชาติมากขึ้นด้วย”

ปัจจุบันเฌอเอมบรรลุเป้าหมายที่ต้องการทำให้ภาพลักษณ์สมุนไพรไทยมีความทันสมัยและเข้าถึงคนรุ่นใหม่ได้มากขึ้น รวมทั้งยังเติบโตจนสามารถขยายตลาดไปต่างประเทศและต่อยอดเครือข่ายสู่ธุรกิจใหม่ๆ ได้ ซึ่งหากมองย้อนกลับไปจะพบว่า ต้นทุนจากชื่อเสียงของธุรกิจครอบครัวที่มีอยู่อาจช่วยสนับสนุนการแจ้งเกิดได้ในช่วงแรก แต่การจะไปถึงความสำเร็จตามเป้าหมายนั้น ไม่สามารถอาศัยร่มเงาเดิมที่มีอยู่ได้ทั้งหมด จำเป็นต้องพิสูจน์ตัวเองด้วยว่ามีความแข็งแรงมากพอที่จะหยั่งรากลึกให้เติบโตและสามารถผลิดอกออกผลได้ด้วยตัวเองหรือไม่  ซึ่งวันนี้เฌอเอมได้พิสูจน์แล้วว่า ได้เติบโตเป็นต้นไม้ใหญ่ที่สามารถแตกกิ่งก้านสาขา และสร้างร่มเงาที่เป็นของตัวเองได้สำเร็จแล้วในที่สุด

Photo Credit : FB : Cheraim Brand / สมุนไพรตราเฌอเอม, www.cherresort.com


แชร์ :

You may also like