บริษัท aCommerce เปิดให้บริการระบบ SmartShip ซึ่งเป็นเทคโนโลยีบริการด้านการขนส่งสินค้าในรูปแบบเซอร์วิสเคาน์เตอร์เป็นครั้งแรกเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้ใช้ที่เพิ่มมากขึ้นและช่วยให้ระบบโลจิสติกส์เป็นเรื่องง่ายสำหรับจำนวนผู้ขายสินค้าที่กำลังเพิ่มสูงขึ้นในประเทศไทย
ธุรกิจSMEจำนวน 2.7ล้าน ธุรกิจในประเทศไทยคิดเป็นประมาณ 40% ของ GDP ของประเทศและทำให้เกิดงานกว่า10ล้านงานทั่วประเทศ นอกจากนี้ การทำธุรกิจบนโลกโซเชียล (Social commerce) ก็มีการเติบโตไปพร้อมๆ กัน โดยคาดว่าจะมีมูลค่ากว่า 500 ล้าน ดอลลาร์สหรัฐ ประเทศไทยจึงเป็นบ้านที่มี นักช้อปออนไลน์ ที่ซื้อสินค้าผ่านโซเชียลมีเดียโดยตรง เช่น Facebook หรือ Line มากที่สุดในโลก
เนื่องจากคนไทยจำนวนมากขึ้นเริ่มรู้สึกสะดวกสบายกับการทำธุรกรรมออนไลน์และปริมาณยอดซื้อของออนไลน์ก็เพิ่มสูงขึ้น ธุรกิจต่างๆ โดยเฉพาะธุรกิจขนาดเล็กจึงต้องการการแก้ปัญหาเกี่ยวกับการขนส่งสินค้าปลายทางที่เหมาะสมมากขึ้น
บริการ SmartShip จะสามารถทำให้ผู้ขายสินค้าส่งพัสดุอย่างรวดเร็วให้แก่ลูกค้าที่ใดก็ได้ในประเทศไทย ซึ่งความคิดที่จะมีเคาน์เตอร์ให้บริการแบบออฟไลน์โดยเฉพาะนั้นก็เพื่อประหยัดเวลาสำหรับธุรกิจที่ยุ่งวุ่นวาย และดำเนินการโดยคนคนเดียว เช่น ผู้ขายสินค้าผ่าน Lazada, Line หรือ Facebook
“การทำธุรกิจบนโลกออนไลน์ได้รับความนิยมมากในประเทศไทย ในขณะนี้มีผู้ใช้ LINE และ Instagram จำนวน 33ล้าน และ 7.8ล้าน ตามลำดับ ดังนั้นจึงมีโอกาสมากขึ้นกว่าเดิมสำหรับผู้ประกอบการที่เพิ่งเริ่มทำธุรกิจ แต่อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็ต้องการความช่วยเหลือในการเพิ่มยอดขาย” คุณ Tayo Kayode ผู้จัดการทั่วไปของ SmartShip กล่าว “SmartShip ต้องการแก้ปัญหาเกี่ยวกับการขนส่งสินค้าทั้งต้นทางและปลายทางให้มีประสิทธิภาพ เพื่อซัพพอร์ตการเติบโตของการซื้อขายสินค้าออนไลน์ในภาพรวม”
ใช้ SmartShip อย่างไร
SmartShip ทำงานร่วมกับไปรษณีย์ไทยและบริษัทขนส่งสินค้าชั้นนำ เพื่ออำนวยความสะดวกในการขนส่ง ซึ่งเป็นบริการเพิ่มเติมจากบริการการขนส่งของ aCommerce เอง บริษัทที่ทำหน้าที่จัดส่งของให้ลูกค้า (3PL) ก็จะเป็นหนึ่งเดียวกับระบบมากขึ้นในอนาคต สำหรับสินค้าที่หนักครึ่ง กก. ราคาเริ่มต้นที่ 35 บาท และน้ำหนักมากที่สุดที่ส่งได้คือ 10 กก.
พบเคาน์เตอร์ SmartShip ได้อย่างสะดวกและง่ายดายที่ตึก Hylife Network ใกล้สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสอโศก ในตึกมีการจำหน่ายอาหารเสริมจากธรรมชาติและผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนตัว ซึ่งบรรดาผู้ขายสินค้าเหล่านี้ต่างใช้ประโยชน์จากเคาน์เตอร์ SmartShip มาแล้ว ตั้งแต่การเปิดตัวเคาน์เตอร์ SmartShip ในเดือนพฤษภาคม พบว่ามียอดการใช้บริการอย่างต่อเนื่องประมาณ 50-60 ออเดอร์ต่อวัน
เคาน์เตอร์ SmartShip ยังใช้ได้กับระบบ SmartShip ออนไลน์ ซึ่งมีการพัฒนาเทคโนโลยีให้ดียิ่งขึ้น เพื่อรวมฟังก์ชันใหม่ที่ชื่อว่า Smart Selection เข้ามา ซึ่งฟังก์ชันดังกล่าวจะทำการแนะนำบริษัทที่ทำหน้าที่จัดส่งของให้ลูกค้า (3PLs) ที่มีกำลังซื้อมากที่สุด สำหรับการส่งสินค้าที่ใดก็ได้ในประเทศไทย โดยจะมีการประเมินขนาดพัสดุ วิธีการชำระเงิน และสถานที่จัดส่ง