HomeDigital9 เทรนด์สินค้าไฮเทคจากงาน CES 2017

9 เทรนด์สินค้าไฮเทคจากงาน CES 2017

แชร์ :

ces_04-1592x796

CES เป็นงานโชว์ที่รวมบริษัทเทคโนโลยีไว้มากมายใหญ่โตที่สุดในโลก จัดขึ้นทุกเดือนมกราฯ โดยผู้เข้าชมงานของปี 2017 นี้มีกว่า 2แสนคนที่ลาสเวกัส สหรัฐฯ

ADFEST 2024

Santos Or Jaune

ทางเว็บไซต์ TheNextWeb.com ก็ได้สรุป 9 เทรนด์ที่น่าสนใจในงานปีนี้  ซึ่งอาจบ่งชี้ถึงทิศทางตลาดสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ของปีนี้ ข้ามไปถึงปีหน้าด้วย

1. VR แบบแพงจะมาแรงกว่าแบบถูก

VR (Virtual reality) ทุกวันนี้มี 2 แบบ  คือแบบราคาถูก แค่ซื้อแว่น VR เปล่าๆ (ซึ่งส่วนใหญ่จะผลิตจากจีน) ราคาไม่กี่ร้อยบาท แล้วใส่โทรศัพท์มือถือขนาดจอ 4.5 ถึง 6 นิ้วไม่เกินนั้นเข้าไป โดยมือถือตัวนั้นต้องมี Gyroscope sensor ด้วย แล้วเปิดคลิป VR หรือเล่นเกม VR บนมือถือ ก็ดูได้เลย

ส่วนแบบราคาแพง  คือซื้อแว่นราคาเป็นหมื่น  แล้วต่อเข้ากับคอมพิวเตอร์ซึ่งมีการ์ดจอคุณภาพสูงและรองรับ VR มาโดยตรง ซึ่งแบบหลังนี้ทาง TheNextWeb มองว่าพัฒนาไปเร็วกว่าและน่าสนใจกว่าแบบราคาถูก   โดยให้ประสบการณ์เหมือนดูหนัง IMAX 3 มิติในห้องนอนที่บ้านเลยทีเดียว

16144025_10154522549540910_998936828_n

2. คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะที่เน้น VR

ไมโครซอฟต์บุกเบิกเรื่องนี้โดยผลิตคอมพิวเตอร์รุ่น Surface Studio ซึ่งมีพลังชิปและการ์ดจอสูงพอที่จะขับเคลื่อน VR ระดับสูง รองรับทั้งเกมส์ VR และหนัง VR ที่อาจจะมีตามมามากมายจากนี้ไป   แต่ก็รองรับการทำงานด้วย เช่นมี stylus ให้วาดเขียนบนจอได้


16129525_10154522549575910_1730665267_o

3. โน้ตบุ๊คยุคต่อไป ต้องรองรับ VR และ stylus

โน้ตบุ๊ครุ่นใหม่ๆมีสมรรถภาพกราฟฟิกใกล้เคียงคอมฯตั้งโต๊ะระดับสูงมากขึ้น  โดยพากันติดตั้งการ์ดจอ Nvidia’s Pascal และ AMD Polaris ซึ่งหมายถึงการรองรับ VR ความชัดและประสิทธิภาพสูงไม่แพ้คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะด้วย

4. หูฟังต้องรองรับเสียงรอบทิศทาง

หูฟังยุคใหม่ ต้องบ่งบอกทิศทางเสียงได้เป๊ะๆแบบในโรงหนังชั้นดี  เช่นเสียงรถวิ่งผ่านจากด้านหลัง ผ่านทางซ้าย ฉิวไปถึงด้านหน้า เป็นต้น   โดยเทคโนโลยีนี้ถ้าใช้ร่วมกับ VR ที่หันไปมาแล้วมุมมองเปลี่ยนล่ะก็  จะเสมือนเราไปอยู่ ณ สถานที่นั้นจริงๆกันเลย  ซึ่งมือถือรุ่นใหม่ๆ และซาวด์การ์ดรุ่นใหม่ๆ ก็เริ่มรองรับระบบเสียง “Dolby’s Atmos” นี้กันมากขึ้นเรื่อยๆ

5. อุปกรณ์แบบสวมใส่ จะเจาะตลาดเฉพาะกลุ่มละเอียดขึ้น

ตลาดสายรัดสุขภาพ หรือ “fitness tracker” ขายดีและพัฒนาต่อเนื่อง  และยังมีสายรัดใหม่ๆออกมาขายเช่นสายรัดข้อมือเด็กเล็ก เพื่อสุขภาพและการติดตาม, สายรัดข้อเท้าสัตว์เลี้ยงเพื่อการติดตาม ฯลฯ

ส่วนตลาดนาฬิกาสมาร์ทวอทช์นั้นไม่ “ปัง” เท่าที่ควร  ดูจากยอดขาย Apple Watch ที่แม้จะพอไปได้แต่ก็ไม่เปรี้ยงปร้าง  ส่วนแบรนด์แรกๆอย่าง Pebble ก็เพิ่งขายกิจการไปให้ Fitbit

6. “โดรน” ที่ฉลาดขึ้น

DJI ซึ่งเป็นยี่ห้อโดรนชื่อดัง ได้โชว์เครื่องบินบังคับแบบโดรนรุ่นใหม่ “Phantom 3” ซึ่งมีระบบปัญญาประดิษฐ์  “AI tracking  systems  ส่วนแบรนด์กล้องแอคชั่น “GoPro” ก็โชว์โดรนรุ่น “Karma” ที่มีระบบ AI (Artificial Intelligence) เช่นกัน ซึ่งจะช่วยกันในตรวจจับสิ่งที่อยู่รอบตัวเพื่อหลบหลีกการปะทะและเพื่อจุดประสงค์อื่นๆอีกหลายอย่าง

นอกจากนี้แล้ว ก็ยังมีอีก 3 เทรนด์อื่นๆ คือ 7. มือถือจากจีนบุกตลาดอเมริกามากขึ้นอย่าง,ชัดเจน,   8. ทีวีรุ่นใหม่ๆมีความละเอียดไปถึง 8K แล้ว,  และ 9. USB-C กับ Blutooth 5 เป็นพอร์ตเชื่อมต่อมาตรฐานใหม่อย่างเต็มตัว

Source

แปลและเรียบเรียงโดย: Somkid Anektaweepon 


แชร์ :

You may also like