HomeBrand Move !!กลุ่มสามารถ ปรับทัพธุรกิจมือถือ ส่งแบรนด์ “Blackphone” เจาะกลุ่มบน กู้สถานการณ์ไอโมบาย

กลุ่มสามารถ ปรับทัพธุรกิจมือถือ ส่งแบรนด์ “Blackphone” เจาะกลุ่มบน กู้สถานการณ์ไอโมบาย

แชร์ :

silent-os-hero6

กลุ่มธุรกิจโทรศัพท์มือถือ หนึ่งในธุรกิจหลักที่ทำรายได้ให้กับ “กลุ่มบริษัทสามารถ” ปรับทัพใหญ่ ด้วยการใช้กลยุทธ์ Brand Portfolio ที่มีทั้งแบรนด์หลัก “ไอ-โมบาย” (i-mobile) และมีแบรนด์ใหม่เข้ามาเติมเต็ม เพื่อให้แต่ละแบรนด์เจาะเซ็กเมนต์ตั้งแต่บน – กลาง – ล่างให้ครอบคลุมยิ่งขึ้น ควบคู่กับการพัฒนาบริการด้านดิจิทัล เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับกลุ่มธุรกิจและแบรนด์

ADFEST 2024

Santos Or Jaune

ปัจจัยที่ทำให้ “กลุ่มสามารถ” วางแผนการรบใหม่ มาจาก “ไอ-โมบาย” ต้องเผชิญกับความท้าทายใหญ่ จากสถานการณ์การแข่งขันอันรุนแรงของ 3 ค่ายโอเปอเรเตอร์ ที่ต่างปล่อยหมัดทำโปรโมชั่นแถมเครื่องฟรี ที่เป็นเฮาส์แบรนด์ของตนเอง รวมถึงส่งแพคเกจ พร้อมส่วนลดสมาร์ทโฟนแบรนด์ที่ร่วมรายการ อีกทั้งการบุกตลาดของบรรดาสมาร์ทโฟนจีนทั้งหลาย ที่เน้นเจาะตลาดกลาง – ล่าง

ประกอบกับการเปลี่ยนแปลงด้านช่องทางการขาย ที่เดิมทีร้านขายโทรศัพท์มือถือขนาดเล็กแบบตู้กระจก หรือที่เรียกว่าลูกตู้ เป็นหนึ่งในช่องทางการขายสำคัญของแบรนด์มือถือต่างๆ รวมถึงไอ-โมบายด้วยเช่นกัน แต่ปัจจุบันร้านเหล่านี้เริ่มหายไป เนื่องจากผู้บริโภคหันมาซื้อเครื่อง ผ่านสาขาของโอเปอเรเตอร์ และร้านดิสทริบิวเตอร์รายใหญ่ที่อยู่ในโมเดิร์นเทรด เพราะมีข้อเสนอโปรโมชั่น สอดคล้องกับพฤติกรรมผู้บริโภค ที่มีความถี่ในการเปลี่ยนเครื่องใหม่เร็วขึ้น จากโดยเฉลี่ย 2 ปี มาเป็น 1 ปี

ส่งผลกระทบต่อ “ไอ-โมบาย” อย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้จากปัจจัยแวดล้อมที่โอบล้อมเข้ามา สะท้อนได้จากผลการดำเนินธุรกิจเมื่อปี 2558 ยอดขายไอ-โมบาย ไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ นั่นคือ ตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 4 ล้านเครื่อง แต่ปรากฏว่าทำได้ 3 ล้านเครื่อง

เมื่อเป็นเช่นนี้ “กลุ่มสามารถ” จึงต้องปรับยุทธศาสตร์การดำเนินธุรกิจ ล่าสุดเปิดตัวบริษัทใหม่ “ซีเคียว เอเชีย” (Zecure Asia) พร้อมจับมือ “ไซเลนท์ เซอร์เคิล” (Silent Circle) เป็นบริษัทให้บริการด้านการป้องกันการโจรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ ด้วยการเข้ารหัสทั้งบนแพลตฟอร์มสมาร์ทโฟน, เดสค์ท็อป และซอฟท์แวร์จากสหรัฐฯ ในการนำ Privacy Smartphone “Blackphone 2” มีจุดเด่นด้านเทคโนโลยี “Silent OS” ที่พัฒนาบนพื้นฐานระบบปฏิบัติการ Android ซึ่งเป็นเทคโนโลยีป้องกันความเป็นส่วนตัวสูง เพื่อความปลอดภัยด้านข้อมูลและการสื่อสาร เข้ามาจำหน่ายในประเทศไทย ในราคา 22,900 บาท โดยตั้งเป้าหมายยอดขายในปีแรก ไม่ต่ำกว่า 10,000 – 20,000 เครื่อง ขายผ่านร้าน Open Shop by i-mobile ทุกสาขา และช่องทางออนไลน์ นอกจากนี้ยังได้วางจำหน่ายในลาว เมียนมา กัมพูชา เวียดนาม

resize-blackphone2

“กลุ่มเป้าหมายของ Blackphone2 คือ ผู้ที่ต้องการความเป็นส่วนตัวในการสื่อสาร และเก็บข้อมูลของตัวเอง หรือข้อมูลสำคัญในหน้าที่การงานไว้ในสมาร์ทโฟนให้ปลอดภัย เช่น นักธุรกิจ นักลงทุน นักการเมือง ข้าราชการ ทหาร ดารา หรือคนดังในแวดวงสังคม” คุณวัฒน์ชัย วิไลลักษณ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มบริษัทสามารถ กล่าว

เหตุผลที่กลุ่มสามารถ เลือกสร้างตลาด Privacy Smartphone ซึ่งเป็นตลาด Niche มากกว่าที่จะมุ่งไปตลาด Mass นั่นเพราะทุกวันนี้มีสมาร์ทโฟนมากมาย ทั้งแบรนด์ และรุ่น โดยเฉพาะเซ็กเมนต์กลาง และล่าง เป็นตลาดที่แข่งกันดุเดือดมากที่สุด มีทั้งแบรนด์ใหญ่อย่างซัมซุง (กลยุทธ์ซัมซุงขยายเข้าไปในทุกเซ็กเมนต์) และแบรนด์จีนปักธงอย่างเหนียวแน่น ประกอบกับไอ-โมบาย โฟกัสเซ็กเมนต์กลางลงล่างอยู่แล้ว

ในขณะที่ตลาดบน ถึงแม้สงครามไม่รุนแรงเท่ากับเซ็กเมนตต์กลาง – ล่าง แต่เวทีนี้ต้องยกให้กับสองแบรนด์พี่ใหญ่อย่าง iPhone และ Samsung รวมทั้งเวลานี้แบรนด์จีนเริ่มขยับมาทำตลาดนี้มากขึ้น

ดังนั้นการเลือกทำตลาดในเซ็กเมนต์บน “กลุ่มสามารถ” จึงต้องหา “ช่องว่าง” ของตลาด และเจาะเข้า Niche Market โดยมองว่าต่อไปเทรนด์ความต้องการระบบความปลอดภัยทางข้อมูลจะมีมากขึ้น เนื่องจากการใช้งานสมาร์ทโฟนทุกวันนี้ เป็นทั้งการสื่อสารผ่านเสียง และ Data ทั้งยังทำธุรกรรมทางการเงิน และมีการส่งต่อข้อมูลต่างๆ ผู้บริโภคจึงมีความกังวลว่าจะโดนโจรกรรมข้อมูล

silentcircle_blackphone2_angle-frontback

“ต่อไปเราจะมีทั้งแบรนด์ที่เจาะตลาด Mass และแบรนด์ที่เจาะตลาด Niche เพื่อครอบคลุมความต้องการของผู้บริโภคทุกกลุ่ม โดย “ไอ-โมบาย” ยังคงรักษาความแข็งแกร่งในเซ็กเมนต์กลาง – ล่าง และดูความสอดคล้องของแบรนด์ใน Portfolio ว่าเหมาะกับเซ็กเมนต์ไหน

อย่าง Blackphone 2 เป็นตลาด Niche ที่เราต้องการให้เป็นมือถือเครื่องที่ 2 ของผู้บริโภค ใช้สำหรับเรื่องส่วนตัว หรือเรื่องสำคัญที่ต้องการความปลอดภัย ซึ่งในต่างประเทศ เช่น สหรัฐฯ แคนาดา อังกฤษ ออสเตรเลีย เป็นสมาร์ทโฟนที่ประสบความสำเร็จ อย่างไรก็ตามด้วยความที่เป็นตลาดใหม่ในไทย จึงต้อง Educate ให้กับผู้บริโภคเข้าใจในคอนเซ็ปต์และเทคโนโลยี โดยคาดว่าใช้เวลาอย่างน้อย 2 ไตรมาสในการสร้างการรับรู้ และความเข้าใจ

นอกจากนี้ เรายังคงร่วมมือกับไซเลนท์ เซอร์เคิล พัฒนา Security Project ทั้งผลิตภัณฑ์ และแอพพลิเคชั่นด้านความปลอดภัยบนสมาร์ทโฟนต่อไปในอนาคต ขณะเดียวกันได้วางแผนนำเทคโนโลยีด้านความปลอดภัยมาใส่ในเครื่องของไอ-โมบายด้วยเช่นกัน”


แชร์ :

You may also like