HomeBrand Move !!เบนซ์ ลีสซิ่ง ยกเครื่ององค์กร ‘ดิจิตอล’ ใหม่หมดทุก touch point สร้างสุดยอดประสบการณ์ให้พนักงาน-ลูกค้า

เบนซ์ ลีสซิ่ง ยกเครื่ององค์กร ‘ดิจิตอล’ ใหม่หมดทุก touch point สร้างสุดยอดประสบการณ์ให้พนักงาน-ลูกค้า

แชร์ :

รูปคู่ผู้บริหาร

เมอร์เซเดสเบนซ์ ลีสซิ่ง (Mercedes-Benz Leasing)ฉลองครบรอบ 20 ปี การดำเนินธุรกิจในประเทศไทย ด้วยผลประกอบการ 6 เดือนแรกของปี 2559 เติบโต 15% พร้อมประกาศลุยตลาดรถหรูต่อเนื่องครึ่งปีหลังด้วยกลยุทธ์การตลาดดิจิตัล นำเสนอการให้บริการการเงินแก่ลูกค้าเมอร์เซเดสเบนซ์ออนไลน์ ด้วยการเปิดตัว 3 ออนไลน์แพลทฟอร์มใหม่ เอาใจลูกค้าทั้งผู้จำหน่ายรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ และลูกค้ารายย่อย เพื่อครองความเป็นผู้นำอันดับหนึ่ง (First-choice provider) ในการให้บริการสินเชื่อด้วยนำเสนอบริการและผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย และครบวงจ (One-stop service solution) ในตลาด

ADFEST 2024

Santos Or Jaune

คุณศุภวุฒิ จิรมนัสนาคร กรรมการผู้จัดการ บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “สำหรับผลประกอบการของกลุ่มบริษัทเดมเลอร์ ไฟแนนเชียล เซอร์วิส เอจี ในครึ่งปีแรกของปี 2559  มีมูลค่าสินเชื่อรวม 120 พันล้านยูโร เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า (2558 = 116.7 พันล้านยูโร)”

“ในช่วงครึ่งปีแรก บริษัทฯ ปรับการบริหารธุรกิจให้สอดคล้องกับสภาพตลาด โดยการให้ความสำคัญกับผลิตภัณฑ์หลักของกลุ่มเมอร์เซเดส-เบนซ์ ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์นั่งส่วนบุคคล รถยนต์เพื่อการพาณิชย์และผลิตภัณฑ์อื่นของกลุ่มบริษัทเดมเลอร์ รวมถึงการสร้างความสัมพันธ์อันดีอย่างต่อเนื่องกับผู้จำหน่ายรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ดีลเลอร์) การพัฒนาและนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่และแตกต่างจากคู่แข่ง และการบริหารความสัมพันธ์กับลูกค้าเสมือนเป็นสมาชิกในครอบครัวของเมอร์เซเดส-เบนซ์ นอกจากนั้นยังเพิ่มความสะดวกรวดเร็วในการให้บริการ พร้อมทั้งดำเนินงานให้สอดคล้องกับแผนงานของบริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด” คุณศุภวุฒิ กล่าว

คุณศุภวุฒิ กล่าวต่อว่า “จากปัจจัยดังกล่าวข้างต้นส่งผลให้บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด มียอดสินเชื่อรถยนต์ภายใน 6 เดือนแรกโดยรวมอยู่ที่กว่า 30,200 ล้านบาท มีอัตราการเติบโตอยู่ที่ 15% เปรียบเทียบกับปีที่แล้ว (2558 = 26,200ล้านบาท) ซึ่งถือเป็นอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่องและเป็นสถิติใหม่ทุกปี โดยในปัจจุบัน บริษัทมีส่วนแบ่งทางการตลาดมากกว่า50% ในขณะที่สินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) อยู่ในที่ระดับต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดมาก เนื่องจากลูกค้าเป็นลูกค้าที่มีคุณภาพ ประกอบกับโปรแกรม ‘mySTAR Special’ ที่ยังคงเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการตอบรับอย่างต่อเนื่องและเป็นอย่างดีจากลูกค้า เพราะลูกค้าชำระค่างวดเพียง 1% ของราคารถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ เท่านั้น โดยในปัจจุบันลูกค้าที่เลือกโปรแกรม mySTAR คิดเป็น25% ของสินเชื่อรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ และในช่วงเวลาเดียวกันผลิตภัณฑ์ประกันภัย ‘MB Protection’ มีส่วนแบ่งทางการตลาดสูงสุดถึง 70%  เติบโต 15%  เทียบกับปีก่อนหน้า และปัจจุบันให้การคุ้มครองลูกค้ามากกว่า 18,000  ราย”

คุณจิรพงษ์ มิเชล ปอนนาช กรรมการบริหาร ฝ่ายขายและการตลาด กล่าวเสริมว่า “ในช่วงครึ่งปีหลังนี้ บริษัทฯ ยังคงใช้กลยุทธ์และแผนทางการตลาด ‘The Best’ อย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ Best Products and Services นำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่หลากหลายที่ดีที่สุดครอบคลุมสำหรับลูกค้าทุกประเภท Best Customer Experience นำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าตลอดระยะเวลาของสินเชื่อ แต่ที่ให้ความสำคัญมากในช่วงไตรมาส 3 และ 4 นี้คือ “Best Communication Channel การมุ่งเน้นเพิ่มช่องทางการสื่อสารกับลูกค้าทั้งผู้จำหน่ายรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์และลูกค้ารายย่อย ด้วยการเพิ่มออนไลน์แพลทฟอร์มอีก3 ช่องทาง เพื่อเพิ่มความสะดวกรวดเร็วให้กับลูกค้าสามารถเข้าถึงบริการและผลิตภัณฑ์ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ลีสซิ่ง ได้ทุกที่ทุกเวลา พร้อมทั้งยังตอบสนองไลฟ์สไตล์ยุค ดิจิตัลของลูกค้ากลุ่มเป้าหมายของบริษัทฯ ได้อีกด้วย ได้แก่

mySTAR Microsite’ เว็บไซต์เฉพาะที่ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อเพิ่มช่องทางให้กับลูกค้ารายย่อยที่เป็นลูกค้าปัจจุบันและลูกค้าที่สนใจใช้บริการ mySTAR สามารถเข้าศึกษาและสืบค้นข้อมูลของ mySTAR ในแง่มุมต่างๆ ได้ด้วยตัวเอง รวมถึงโปรแกรมคำนวณค่างวดพร้อมกับออกใบเสนอราคาได้ด้วยตัวเอง

ส่วน ‘myBUSINESS Application’ เป็นแอปพลิเคชั่นบนโทรศัพท์มือถือสำหรับผู้จำหน่ายเมอร์เซเดส-เบนซ์ เท่านั้น เพื่ออำนวยความสะดวกให้ดีลเลอร์สามารถทราบผลประกอบการของตัวเองได้ทุกวัน รวมไปถึงสถานะการขอสินเชื่อของลูกค้า นอกจากนี้ผู้จำหน่ายยังสามารถใช้ข้อมูลสถิติในการวิเคราะห์เชิงลึกได้ว่าพฤติกรรมลูกค้าเปลี่ยนไปอย่างไรด้วยโปรแกรม mySTAR

DEALER Touchpoint’ (DTP) คือบริการเสริมในรูปแบบแอปพลิเคชั่นบนมือถือ ที่จะช่วยให้ผู้จำหน่ายสามารถทำธุรกิจได้ทุกที่ ทุกเวลา บนทุกอุปกรณ์ ระบบ DEALER touchpoint นำเอากระบวนการ ณ จุดขายทั้งระบบเข้าสู่ดิจิตัลแพลทฟอร์ม โดยมีทั้งระบบจัดการออกใบเสนอราคาและการขอสินเชื่อระบบ DTP ทำให้การจัดการคอมมิชชั่นและเงินสนับสนุนกลายเป็นเรื่องง่าย และช่วยให้สามารถติดต่อกันได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วยฟังก์ชั่นแชท รวมถึงการลดการใช้กระดาษในกระบวนการขายด้วยระบบแปลงภาพเอกสารให้เป็นเอกสาร ดิจิตัล นอกจากนี้ระบบยังถูกพัฒนาให้เหมาะสมกับการใช้งานผ่านคอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต และโทรศัพท์มือถือ

“สุดท้ายนี้ บริษัทฯ ยังให้ความสำคัญกับการเป็น Best Employer การบริหารจัดการทรัพยากรบุคคล เพื่อเพิ่มความรู้ ความสามารถและทักษะการทำงานทั้งในส่วนของพนักงานขายและพนักงานในออฟฟิศเพื่อส่งมอบการบริการและผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า”  คุณจิรพงษ์ กล่าวเสริม


แชร์ :