HomePR Newsตำรวจรุกคืบคดีละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ พร้อมเตือนองค์กรธุรกิจถึงความเชื่อมโยงระหว่างซอฟต์แวร์เถื่อนกับการโจรกรรมข้อมูล [PR]

ตำรวจรุกคืบคดีละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ พร้อมเตือนองค์กรธุรกิจถึงความเชื่อมโยงระหว่างซอฟต์แวร์เถื่อนกับการโจรกรรมข้อมูล [PR]

แชร์ :

ECDตั้งแต่ต้นปี 2558 เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) เข้าตรวจค้นและดำเนินคดีกับองค์กรธุรกิจกว่า 150 แห่งในข้อหาใช้ซอฟต์แวรละเมิดลิขสิทธิ์ในการดำเนินธุรกิจ

ซึ่งไม่เพียงแต่เป็นการทำผิดกฎหมายเท่านั้นแต่ยังทำให้องค์กรธุรกิจตกอยู่ในความเสี่ยง  รวมถึงได้ขยายช่องทางเพื่อให้ความรู้แก่ประชาชนเรื่องความเสี่ยงที่จะถูกลงโทษตามกฎหมายและระบบความปลอดภัยของระบบไอทีถูกจู่โจม

ADFEST 2024

Santos Or Jaune

เมื่อเร็วๆ นี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปอศ. เข้าตรวจค้นและดำเนินคดีบริษัทค้าปลีกเครื่องสำอางข้ามชาติที่มีรายได้รวมมากกว่า 850 ล้านบาทต่อปี โดยพบว่าใช้ซอฟต์แวร์ละเมิดลิขสิทธิ์ของออโตเดสก์ (Autodesk)  ไทยซอฟท์แวร์เอ็นเตอร์ไพรส์ (Thai Software Enterprise) และไมโครซอฟท์ (Microsoft)  มูลค่าราว 13 ล้านบาท บนเครื่องคอมพิวเตอร์ 184 เครื่อง ถือเป็นคดีที่ใหญ่ที่สุดของปีนี้

“องค์กรธุรกิจหลายแห่งตระหนักดีว่าการใช้ซอฟต์แวร์ละเมิดลิขสิทธิ์นั้นผิดกฎหมาย แต่กลับละเลยและไม่ปรับเปลี่ยนวิธีปฏิบัติ ผู้บริหารจำเป็นต้องมีการบริหารเชิงรุกมากกว่าที่ผ่านมาในเรื่องของการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศภายในองค์กร เพื่อให้แน่ใจว่าซอฟต์แวร์ที่กำลังใช้งานไม่ผิดกฎหมาย” พล.ต.ต.ปิยะพันธ์ ปิงเมือง ผู้บังคับการ บก.ปอศ. กล่าว

นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปอศ. ได้แจ้งเตือนองค์กรธุรกิจเรื่องความเชื่อมโยงระหว่างซอฟต์แวร์ละเมิดลิขสิทธิ์และความปลอดภัยของระบบไอที  องค์กรหลายแห่งกำลังทำให้ตัวเองตกอยู่ในความเสี่ยง เพราะอาชญากรไซเบอร์จะมองหาช่องโหว่ในการรักษาความปลอดภัยของระบบไอที และอาศัยช่องโหว่เข้าไปใช้ประโยชน์จากข้อมูลธุรกิจสำคัญซึ่งเป็นทรัพย์สินที่มีค่ามากที่สุดขององค์กร  องค์กรธุรกิจอื่นๆ ที่ถูกเข้าตรวจค้นและดำเนินคดีอยู่ในภาคอุตสาหกรรมการผลิตซึ่งเป็นเป้าหมายที่ใหญ่ที่สุดสำหรับอาชญากรไซเบอร์ ผู้บริหารของโรงงานผลิตบางรายมองไม่เห็นความจริงที่ว่าข้อมูลธุรกิจของพวกเขามีความเสี่ยงที่จะถูกโจรกรรมโดยอาชญากรไซเบอร์

“ในปัจจุบันองค์กรธุรกิจกำลังใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีในยุคดิจิทัลเพื่อดำเนินธุรกิจ อย่างไรก็ตาม หากไม่ใช้ซอฟต์ที่ถูกลิขสิทธิ์แล้ว ท่านจะไม่สามารถก้าวทันเทคโนโลยีล่าสุดได้เลย เช่น ในกรณีที่บริษัทซอฟต์แวร์อัพเดทซอฟต์แวร์เป็นเวอร์ชั่นใหม่ ท่านที่ใช้ซอฟต์แวร์ละเมิดลิขสิทธิ์จะไม่มีสิทธิที่จะดาวน์โหลดหรือติดตั้งเวอร์ชั่นใหม่นั้นมาใช้งาน นอกจากนี้ หากท่านไม่ใช้ซอฟต์แวร์ที่มีการอัพเดท ระบบไอทีและข้อมูลของท่านก็จะตกอยู่ในความเสี่ยง” พล.ต.ต.ปิยะพันธ์ กล่าวเพิ่มเติม

สื่อเทคโนโลยีดิจิทัลได้เข้ามามีบทบาทมากในการช่วยเจ้าหน้าที่ตำรวจป้องปรามและปราบปรามการละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ รวมถึงลดจำนวนผู้ใช้งานซอฟต์แวร์ละเมิดลิขสิทธิ์  โดย บก.ปอศ. ได้เพิ่มวิธีและช่องทางการสื่อสารผ่านทางเว็บไซต์และสื่อสังคมออนไลน์โดยมุ่งให้ความรู้แก่ประชาชนเกี่ยวกับความเสี่ยงจากการใช้ซอฟต์แวร์ละเมิดลิขสิทธิ์ ทั้งในด้านกฎหมายและความปลอดภัย  ยิ่งไปกว่านั้นยังได้ส่งเสริมช่องทางเหล่านี้ให้เป็นเครื่องมือสำหรับประชาชน เพื่อใช้แจ้งเบาะแสการละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์อีกด้วย

“ในยุคดิจิทัล สื่อสังคมออนไลน์มีอิทธิพลมากต่อสาธารณะ  เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปอศ. กำลังใช้เว็บไซต์และเฟซบุ๊คเพจเพื่อสื่อสารและให้ความรู้เกี่ยวกับการละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์และการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาในภาพรวมแก่ประชาชน  เราสามารถเผยแพร่เนื้อหาที่เป็นประโยชน์และเพื่อให้ความรู้เรื่องความเสี่ยงจากการใช้ซอฟต์แวร์ละเมิดลิขสิทธิ์ในรูปแบบของอาชญากรรมไซเบอร์และรายงานประชาชนให้ทราบเกี่ยวกับการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจเรื่องการเข้าตรวจค้นและดำเนินคดีกับองค์กรธุรกิจในแต่ละสัปดาห์  เราเชื่อว่าช่องทางเหล่านี้จะทำให้ประชาชนเข้าใจสถานการณ์ปัญหาการละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ในปัจจุบันได้มากขึ้น รวมถึงเข้าใจกฎหมายทรัพย์สินทางปัญญาของไทยด้วย” ผู้บังคับการ บก.ปอศ. กล่าวทิ้งท้าย

ท่านสามารถศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับสถานการณ์การละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ในประเทศไทยได้ที่เว็บไซต์ www.ecdpolice.co.th และ www.stop.in.th หรือเฟสบุ๊คเพจของ บก.ปอศ. ที่www.facebook.com/ecdpoliceth.

ผู้ที่แจ้งเบาะแสการใช้ซอฟต์แวร์ละเมิดลิขสิทธิ์มีสิทธิ์ได้รับเงินรางวัลสูงสุด 250,000 บาท โดยสามารถแจ้งผ่านสายด่วนที่ 02-714-1010 หรือรายงานผ่านช่องทางออนไลน์  ทั้งนี้ข้อมูลเกี่ยวกับผู้แจ้งเบาะแสจะถูกปิดไว้เป็นความลับ  ข้อมูลเพิ่มเติมสามารถติดตามได้ที่ www.stop.in.th


แชร์ :