HomeDigitalWorld เคลียร์ประเด็น “สแกนม่านตา” ใช้ยืนยันความเป็นมนุษย์ ไทยสแกนแล้วกว่า 1 ล้านราย

World เคลียร์ประเด็น “สแกนม่านตา” ใช้ยืนยันความเป็นมนุษย์ ไทยสแกนแล้วกว่า 1 ล้านราย

แชร์ :

 ผู้พัฒนาเทคโนโลยีสแกนม่านตา World  เปิดแถลงข้อเท็จจริง หลังกระแสโลกออนไลน์เกี่ยวกับโครงการสแกนม่านตามีความไม่ชัดเจนในด้านข้อมูลมากขึ้นเรื่อย ๆ ชี้ไม่มีการแจกเงินสด แต่เป็นโทเคนชื่อ Worldcoin พร้อมเปิดตัวเลขผู้ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน World ในประเทศไทยว่าอยู่ที่ 2 ล้านราย และในจำนวนนี้ มีการสแกนม่านตาแล้วประมาณ 1 ล้านราย ส่วนตัวเลขในระดับโลกพบมีผู้ดาวน์โหลดแอปแล้ว 33 ล้านราย และสแกนม่านตากว่า 14 ล้านราย

ADFEST 2024

Santos Or Jaune

สำหรับการชี้แจงเกิดขึ้นโดยคุณภัคพล ตั้งตงฉิน ผู้จัดการ Tools for Humanity ประจำประเทศไทย และคุณฟาเบียน โบดันสไตเนอร์ Managing Director จาก World Foundation โดยคุณภัคพลระบุว่า ภาพม่านตาที่สแกนจะถูกแปลงเป็น Iris Code และเก็บไว้ในแอปพลิเคชัน World บนโทรศัพท์มือถือของผู้ใช้งาน ส่วนของ World เองได้มีการเก็บข้อมูลดังกล่าวแบบกระจายศูนย์ พร้อมยืนยันว่า ไม่สามารถนำข้อมูลกลับมารวมกันและสร้างย้อนกลับมาเป็นภาพได้ ขณะที่ภาพต้นฉบับนั้นจะถูกลบทันทีโดยไม่ถูกนำไปซื้อขาย หรือจัดเก็บ

“เทคโนโลยีสแกนม่านตาของ World ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อใช้ยืนยันว่าเป็นมนุษย์จริง ไม่ใช่บอทหรือ ปัญญาประดิษฐ์ โดยจะไม่ถูกนำไปใช้ในวัตถุประสงค์อื่น ระบบนี้ไม่ต้องใช้ข้อมูลส่วนบุคคล ผู้ใช้งานไม่จำเป็นต้อง เปิดเผยชื่อ-นามสกุล ที่อยู่ หมายเลขบัตรประชาชน เบอร์โทรศัพท์ หรือข้อมูลส่วนตัวใด ๆ และระบบก็ไม่สามารถติดตามผู้ใช้งานได้”

(ซ้าย) คุณภัคพล ตั้งตงฉิน ผู้จัดการ Tools for Humanity ประจำประเทศไทย และคุณฟาเบียน โบดันสไตเนอร์ Managing Director จาก World Foundation

สำหรับการเก็บข้อมูลในประเทศไทย คุณภัคพลระบุว่า ได้มีการปรึกษาหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินงานภายใต้กฏหมายและข้อบังคับไทยอย่างต่อเนื่อง โดยหน่วยงานดังกล่าวก็คือ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Office of the Personal Data Protection Commission – PDPC) และมีการจัดทำ Auditor Report โดยผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิค เช่น Theori และ Trail of Bits ทำหน้าที่ตรวจสอบระบบฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ และมีการเปิดเผยข้อมูลทั้งหมดบน GitHub ให้ทุกคนทั่วโลกเข้ามาตรวจสอบได้

สำหรับ World เป็นแนวคิดด้านการยืนยันความเป็นมนุษย์ที่ถูกคิดค้นขึ้นโดย  Sam Altman (ผู้สร้าง ChatGPT) และ Alex Blania  ปัจจุบันมีการใช้งานในหลายประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น สิงคโปร์ ไต้หวัน ไทย ฯลฯ โดยมีผู้ใช้งานทั่วโลกกว่า 33 ล้านคน (ในจำนวนนี้มีผู้สแกนม่านตากับอุปกรณ์ Orb แล้ว 15 – 16 ล้านคน) ส่วนในประเทศไทย คุณภัคพลเผยว่า มีผู้ใช้งาน 2 ล้านคน และมีผู้สแกนม่านตากับเครื่อง Orb แล้ว 1 ล้านคน

ในประเทศไทย World ได้มีการร่วมมือกับพันธมิตร 4 ราย ได้แก่ Pantip, Whoscall, Eventpop และเกม Ragnarok Landverse พร้อมยกตัวอย่างการแก้ Pain Point ของธุรกิจเหล่านั้น เช่น ช่วยกรองบ็อท (Bot) ที่มาแย่งซื้อบัตรคอนเสิร์ต หรือบ็อทที่อยู่ในเกมต่าง ๆ ได้ หรือกรณี Whoscall ก็สามารถใช้ World ID ในการยืนยันว่า สายที่โทรเข้ามานั้นเป็นมนุษย์จริง (ขึ้นอยู่กับพันธมิตรว่าจะใช้ World ID กับธุรกิจของตนอย่างไรด้วย)

คุณภัคพลกล่าวด้วยว่า บริการดังกล่าวไม่มีการเก็บค่าบริการจากผู้ใช้งาน โดยรายได้ของ World อยู่ในรูปแบบ B2B อีกทั้งไม่มีการแจกเงินสด หรือค่าตอบแทนใด ๆ ส่วนการยืนยันความเป็นมนุษย์จะต้องทำผ่านเครื่อง Orb และต้องดำเนินการทุกขั้นตอนผ่านระบบและแอป World เท่านั้น

สำหรับ World App ดำเนินงานภายใต้บริษัท Tools for Humanity (TFH) โดยมีสำนักงานใหญ่อยู่ในซานฟรานซิสโก สหรัฐอเมริกา และกรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี หัวใจสำคัญของ World App คือ “World ID” ที่บริษัทระบุว่า เป็นเทคโนโลยีที่ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถยืนยันความเป็นมนุษย์ของตนบนโลกออนไลน์ โดยไม่จำเป็นต้องเปิดเผยตัวตน

 


แชร์ :

You may also like