HomeBrand Move !!เผยโฉม “Central Park” ศูนย์การค้าลำดับที่ 43 จาก “เซ็นทรัลพัฒนา” จิ๊กซอว์สำคัญ “ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค” พร้อมเปิด 4 ก.ย.นี้

เผยโฉม “Central Park” ศูนย์การค้าลำดับที่ 43 จาก “เซ็นทรัลพัฒนา” จิ๊กซอว์สำคัญ “ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค” พร้อมเปิด 4 ก.ย.นี้

แชร์ :

เผยโฉมแรกอย่างเป็นทางการแล้ว สำหรับ เซ็นทรัล พาร์ค (Central Park ) หนึ่งในจิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญของเมกะโปรเจกต์แห่งปีมูลค่ากว่า 46,000 ล้านบาท  “ ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค” ที่รวบทั้งอาคารสำนักงาน โรงแรม และศูนย์การค้าในแห่งเดียว

ADFEST 2024

Santos Or Jaune

สำหรับ Central Park นับเป็นศูนย์การค้าลำดับที่ 43 จาก “เซ็นทรัลพัฒนา” บนพื้นที่ (เฉพาะรีเทล) 130,000 ตร.ม. มีเป้าหมายเพื่อพลิกโฉมค้าปลีกไทย ปั้นกรุงเทพฯสู่มหานครระดับโลก พร้อมเปิดให้บริการ “Here for all of you” 4 กันยายน 2568  ก่อนจะจัดงานงานฉลองเต็มรูปแบบ ‘Here for Celebration’ ในเดือนพฤศจิกายน 2568

ดร.ณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา กรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาด บมจ. เซ็นทรัลพัฒนา กล่าวว่า “ตลอด 45 ปีที่ผ่านมา เซ็นทรัลพัฒนาได้สร้างปรากฏการณ์บุกเบิกวงการรีเทลมาอย่างต่อเนื่อง การเปิดตัวของศูนย์การค้า ‘เซ็นทรัล พาร์ค’ ในครั้งนี้ ถือเป็นการเปิดประวัติศาสตร์หน้าใหม่วงการรีเทลไทย พร้อมผลักดันศักยภาพกรุงเทพฯ ในการเป็นมหานครและเมืองน่าอยู่ระดับโลก โดยสืบสานความเป็น Legendary Landmark ของที่ดินผืนนี้ ที่ผสานพื้นที่สีเขียวกับวิถีชีวิตคนเมือง เช่นเดียวกับ Central Park ในนิวยอร์ก หรือ Hyde Park ในลอนดอน 

 

 

Central Park เกิดขึ้นภายใต้แนวคิด Design for the Future with Respect for Legacy ด้วยจุดแข็งในการ Integrate Park Life & Urban Life ที่ไม่เคยมีมาก่อน สร้าง Roof Park 7 ไร่ พื้นที่สีเขียวใจกลางเมือง ใหญ่ที่สุดในไทย เห็นวิวสวนแบบ 180 องศา เป็น Extension ของสวนลุมฯ บนพื้นที่กว่า 360 ไร่ สร้าง Sport & Well-being Lifestyle ให้ครบหลากหลายมิติ อีกทั้ง เป็น Mixed-use เดียว ที่อยู่บน Prestigious address และเป็น Super core CBD หนึ่งเดียวของกรุงเทพฯ การเดินทางที่สะดวกไร้รอยต่อ และเชื่อมโยงวัฒนธรรมและ City Soul ผ่าน Curated Happening ตลอดทั้งปี โดยตั้งเป้าดึงดูดคนไทยและนักท่องเที่ยวทั่วโลกกว่า 25 ล้านคนต่อปี”

 

เผย 4 ไฮไลต์ “เซ็นทรัล พาร์ค” ตอบรับไลฟ์สไตล์ของคนกรุงเทพฯ

1. Nature พื้นที่สีเขียวที่มีชีวิตแห่งใหม่ใจกลางเมือง ด้วย Roof Park สวนลอยฟ้า 7 ไร่ ใหญ่ที่สุดในไทย พร้อมจุดเด่นอย่าง Infinity Skyline จุดชมวิวพาโนรามาเส้นขอบฟ้ากรุงเทพฯ, Natural Walk Trail เส้นทางเดินออกกำลังกาย 750 เมตร, Kids Park, Pets Park, Amphitheatre สำหรับกิจกรรมชุมชน และ Happening ด้าน Art & Culture ที่สร้างสีสันให้ชีวิตเมือง

2. Connectivity เชื่อม 4 ย่านเศรษฐกิจสำคัญบนทำเล Prestigious Address หัวมุมถนนสีลมและพระราม 4 ใจกลาง Super Core CBD ที่รวมเมืองเก่าและเมืองใหม่เข้าไว้ด้วยกันอย่างกลมกลืน เป็นจุดบรรจบของ 4 ย่านหลัก ได้แก่

  • CBD ดั้งเดิมของไทย คือ สีลม สาทร, New CBD และ Embassy Zone คือ สุขุมวิท เพลินจิต ราชประสงค์ Creative District & Riverside คือ เจริญกรุง และ Cultural  Core & Chinatown หรือ เยาวราช เดินทางสะดวกเชื่อมต่อ BTS – MRT- Skywalk รองรับ Commuter กว่า 70,000 คนต่อวัน หรือมากกว่า 25 ล้านคนต่อปี
  • Central Park Offices มองเห็น  Roof Park และมหานครกรุงเทพฯ แบบพาโนรามา อาคารสำนักงานสูง 43 ชั้น บนพื้นที่อาคาร (GBA) 130,000 ตร.ม. ถือเป็นอาคารแห่งที่ 11 ของเซ็นทรัลพัฒนาที่ดีที่สุดและครบวงจรที่สุด

3. Culture สะท้อนวิถีชีวิตเมืองแบบใหม่ ผ่าน Curated Experiences ที่โอบรับความหลากหลาย (Diversity) และตอบโจทย์ผู้คนทุกเจนเนอเรชัน บนพื้นที่ศูนย์การค้า GBA กว่า 130,000 ตร.ม. รวมแบรนด์ดังกว่า 550 แบรนด์ ยกระดับเป็น Culinary Landmark แห่งเอเชีย ที่รวมที่สุดแห่งรสชาติจากทั่วโลกไว้ในที่เดียว

 

 

4. Sustainability & Design for the Next generation โดยพื้นที่ทั้ง 4 ยูส — ศูนย์การค้า โรงแรม ออฟฟิศ และเรสซิเดนซ์ — เชื่อมต่อกับพื้นที่สีเขียวทั้งหมด รวมถึง Roof Park ขนาด 7 ไร่ ที่ช่วยดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึง 11 ตันต่อปี เทียบเท่าต้นไม้ใหญ่ 900 ต้น* พร้อม Central Park Offices ต้นแบบออฟฟิศ Next Gen และ Green Building มาตรฐานระดับโลก ดีไซน์เพื่อความยั่งยืน

 

“เซ็นทรัล พาร์คไม่ใช่แค่ศูนย์การค้า แต่คือการเชื่อมชีวิตคนเมือง กิจกรรม เข้าด้วยกันผ่านพื้นที่สีเขียว เช่นเดียวกับ Central Park ในนิวยอร์ก หรือ Hyde Park ในลอนดอน” ดร.ณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา กรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาด บมจ.เซ็นทรัลพัฒนากล่าว

 

ดีเดย์ 4 ก.ย. 68 พร้อมเปิดบริการ  เจาะลูกค้ากลาง-บนในย่าน

Central Park มีกำหนดการเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการในวันที่ 4 กันยายน 2568 นี้ราว 80% โดยเริ่มจากกลุ่มแบหรนด์ร้านอาหาร และแฟชั่นบางส่วน  ซึ่งจะเป็นการรวบรวมร้านดังและร้านโลคัลชื่อดังจากละแวกสาทร–สีลมมาไว้ในที่เดียว ก่อนทยอยเสริมทัพด้วย แฟชั่น และในเดือนพฤศจิกายนนี้คาดว่าจะเปิดได้ถึง 90% พร้อมดึงแบรนด์ใหม่ทั้งจากต่างประเทศและแบรนด์ท้องถิ่นที่พัฒนาขึ้นเฉพาะที่นี่เท่านั้น

ทั้งนี้วางเป้าเจาะกลุ่มเป้าหมายหลักครอบคลุมคนในย่านสีลม สาทร วิทยุ พนักงานออฟฟิศ นักศึกษา โรงพยาบาลในย่าน ตลอดจนนักท่องเที่ยวระดับ Upper Middle Class ที่เดินทางด้วยบีทีเอส โดยปัจจุบันพื้นที่รีเทลมีอัตราการเช่าแล้วกว่า 90% ส่วนพื้นที่ออฟฟิศระดับ “ซูเปอร์เอ” ได้รับความสนใจสูง โดยเฉพาะบริษัทต่างชาติ ขณะที่เรสซิเดนซ์ปิดการขายไปแล้วกว่า 90% เช่นกัน

 

 

แม้ภาพรวมเศรษฐกิจยังผันผวน แต่ “เซ็นทรัลพัฒนา” ย้ำชัดว่าโครงการนี้คือการลงทุนระยะยาว “เรามี Commitment ว่าเมื่อถึงเวลา เราเปิดแน่นอน”  โดยวางเป้ามีทราฟฟิกผู้ใช้บริการในช่วงแรกกว่า (ช่วงกันยายน-ตุลาคม) 30,000 คนต่อวัน และคาดว่าจะพุ่งขึ้นเป็น 70,000 คนต่อวันภายในเดือนพฤศจิกายน 2568 หลังจากที่เปิดให้บริการเต็มรูปแบบ และคาดการณ์ว่ามูลค่าการใช้จ่ายเฉลี่ยต่อบิลอยู่ที่ 1,800–1,900 บาท

อย่างไรก็ตามการเปิด Central Park ซึ่งเป็นทำเลที่ตั้งอยู่ใกล้กับ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ , เซ็นทรัลชิดลม หรือแม้กระทั่งเซ็นทรัลเอมบาสซี่ นั้นถือว่าไม่แข่งขันกินกันเอง แต่ถูกออกแบบให้เป็น “Experience Landmark” ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนเมืองเต็มรูปแบบ ทั้งการช้อปปิ้ง ทำงาน และใช้ชีวิตในพื้นที่เดียว

ทั้งนี้ “เซ็นทรัลพัฒนา” ยังมีแผนต่อยอดย่านธุรกิจใหม่ๆ ในกรุงเทพฯ โดยระบุว่า “เมืองหลวงยังไม่เต็ม เราสามารถขยาย CBD ได้เรื่อยๆ” โดยเฉพาะทำเลโซนเหนืออย่างพหลโยธินที่จะเป็นอีกหัวหอกในอนาคต ขณะที่อีก 4 ปีข้างหน้า ยังมีการเปิด เซ็นทรัล สยาม ซึ่งจะกลายเป็นโครงการระดับท็อปของเครืออีกหนึ่งแห่งในย่าน

ด้วยคอนเซ็ปต์ “แลนด์มาร์กแห่งกรุงเทพฯ” และความครบครันแบบมิกซ์ยูสในย่าน Central Park จึงถูกจับตามองว่าจะกลายเป็นอีกหนึ่งหมุดหมายสำคัญ ที่สะท้อนพลังการใช้จ่ายและศักยภาพของเมืองที่ยังคงเติบโตอย่างไม่หยุดยั้ง


แชร์ :

You may also like