สถานการณ์ปีนี้ คนไทยเจอเรื่องหนัก ทั้งพิษเศรษฐกิจและความขัดแย้งทั้งในและนอกประเทศ ทำให้บรรยากาศในใจหมองหม่น ดัชนีความสุขลดลงและมีแนวโน้มว่าจะลดลงอย่างต่อเนื่องในอีก 3 เดือนข้างหน้า ถือเป็นช่วงเวลาที่คนไทยต้องการสิ่งที่ช่วย “ฮีลใจ” เพื่อเติมแรงใจให้มีพลังไปต่อ
สถาบันวิจัยความเป็นอยู่ฮาคูโฮโด อาเซียน (ประเทศไทย) หรือ Hakuhodo Institute of Life and Living ASEAN (THAILAND) เผยผลสำรวจประจำเดือนสิงหาคม 2568
ความสนใจของคนไทยในขณะนี้จะปฏิเสธไม่ได้เลยว่าครึ่งปีที่ผ่านมา มีข่าวใหญ่มากมายที่เกิดขึ้นและกระทบกับความรู้สึกของคนไทย ทั้งการเมือง ความขัดแข้ง และวิกฤตโลก หลายคนเริ่มตั้งการ์ดสูงเพื่อป้องกันตัวเอง เพราะรู้ว่าการเสพข่าวแบบไม่พัก อาจทำร้ายจิตใจของตัวเองได้โดยไม่รู้ตัว บางคนจึงเลือกหาข่าวเบา ๆ อย่างข่าวบันเทิง กีฬา มาช่วยเติมพลังใจ ซึ่งการเลือกสนใจสิ่งเหล่านี้ ไม่ใช่เพื่อหนีความเป็นจริง แต่เพื่อพักผ่อนจิตใจก่อนกลับไปรับมือกับความจริงที่โลกยังไม่หยุดสั่นคลอน
ข่าวที่ถูกพูดถึงมากที่สุด
1. ข่าวความขัดแย้งไทย – กัมพูชา 43%
2. ข่าวการเมือง – รัฐบาล 15% (+11%)
3. ข่าวนายก 10%
4. สงครามอิสราเอล – อิหร่าน 9%
5. ข่าวดารา – บันเทิง 4%
แนวโน้มความต้องการใช้จ่าย
ถึงแม้เศรษฐกิจจะซบเซาเนื่องจากผลกระทบจากหลาย ๆ ด้าน แต่แนวโน้มในการใช้จ่ายของคนไทยช่วงเดือนสิงหาคมนี้มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับผลสำรวจเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา สรุปดังนี้
1. อาหาร 22% (-7%)
2. ของใช้จำเป็น 12% (-3%)
3. โทรศัพท์มือถือ 8% (+1%)
4. เครื่องใช้ไฟฟ้า 7% (+3%)
5. ผลิตภัณฑ์เสริมความงาม 6% (+2%)
6. เสื้อผ้า 5% (-1%)
7. กินอาหารนอกบ้าน 5% (+2%)
8. คอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต 4% (+1%)
9. ท่องเที่ยวในประเทศ 3% (0%)
10. รถยนต์ อะไหล่รถยนต์ 3% (+1%)
ความต้องการจับจ่ายมาจากเหตุผลสำคัญคือ “ช่วงเทศกาลวันแม่” ที่เข้ามาช่วยให้คนไทยได้มีช่วงเวลาที่ฮีลใจของตัวเองและครอบครัว ทำให้คนไทยได้เริ่มวางแผนใช้เวลากับครอบครัว
แนวโน้มการใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นนี้ ในหมวดสิ่งของที่ต้องการใช้จ่ายส่วนใหญ่ คือ สิ่งที่ช่วยเติมพลังใจและดูแลตัวเอง เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้า ความงาม สมาร์ตโฟนและคอมพิวเตอร์ รวมไปถึงการกินข้าวนอกบ้าน โดยเฉพาะกลุ่มของขวัญและอาหารมื้อพิเศษ มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากการเตรียมความพร้อมรับเทศกาลวันแม่
เวลาทองแบรนด์จัดพื้นที่พักใจ
ด้วยสภาพจิตใจของผู้บริโภคขณะนี้ คงจะไม่ใช่ช่วงเวลาที่แบรนด์ต่าง ๆ จะขายของยัดเยียดโปรโมชันแบบฮาร์ดเซล แต่นี่ถือเป็นช่วงเวลาทองของแบรนด์ที่จะได้แสดงออกถึงความเข้าอกเข้าใจคนไทย
คุณอรุณโรจน์ เหล่าเจริญวงศ์ รองผู้อำนวยการฝ่ายวางแผนกลยุทธ์ สถาบันวิจัยความเป็นอยู่ฮาคูโฮโด อาเซียน (ประเทศไทย) เสนอแนวทางการจัดแคมเปญเพื่อส่งเสริมการขายให้เข้ากับสถานการณ์จิตใจของคนไทยไว้ 2 ข้อ ดังนี้
1. แคมเปญ “เงียบไว้ ให้ใจพัก”
จากผลสำรวจทั้งหมดทำให้เห็นว่า คนไทยเกือบครึ่งเลือกฮีลใจด้วยความเงียบและการอยู่กับตัวเอง แบรนด์สามารถอยู่เป็นเพื่อนเงียบ ๆ ที่อยู่เคียงข้างในวันที่ใจต้องการพัก เช่น ชวนผู้บริโภคแชร์ช่วงเวลาที่ได้อยู่กับตัวเองแล้วใจดีขึ้น จัดทำคอนเทนต์ละมุนใจแนว ASMR หรือ ชุดภาพพร้อมทำปลอบใจ พร้อมใส่โค้ดพิเศษสำหรับผู้ที่ดูจนจบ เช่น SILENT10 หรือ โปรเฉพาะช่วงโลกเงียบ 22.00-02.00 น. พร้อมข้อความ “ถ้าคุณยังไม่นอน… เรามีของบางอย่างไว้ให้ใจคุณได้พักพิง”
2. พื้นที่พักใจวันแม่
ในช่วงเทศกาลวันแม่ในเดือนสิงหาคมนี้ แบรนด์สามารถจับมือกับ คาเฟ่ ร้านหนังสือ หรือ Co-space เพื่อจัดพื้นที่อีเวนต์ “พักใจแม่” ให้แม่และลูกได้มาใช้เวลาร่วมกัน มีกิจกรรมแบ่งตาม Heart Type เช่น พื้นที่เงียบสำหรับแม่สายสงบ, ห้องคุยแม่-ลูกสำหรับสายแชร์, มินิโยคะหรือกิจกรรมปลูกต้นไม้สำหรับสายขยับ, ห้องสวดมนต์พักใจสำหรับสายศรัทธา ทุกพื้นที่เหล่านี้สามารถแทรกผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ของแบรนด์ให้อยู่ร่วมในทุกบริบทของกิจกรรมได้
เปิด Top3 วิธีฮีลใจ
สำรวจยังพบว่าคนไทยมีวิธีการเยียวยาจิตใจของตนเองที่แตกต่างกันออกไป พบ Top 3 วิธีฮีลใจ
46% เลือกฮีลใจด้วยความเงียบ และใช้เวลาอยู่กับตัวเอง
38% เลือกที่จะปล่อยให้เวลาดำเนินไปให้เวลาช่วยเยียวยาจิตใจและเชื่อว่าเดี๋ยวมันก็ดีขึ้นเอง
35% เลือกที่จะพึ่งพาธรรมชาติ เติมพลังจากลม แดด และสีเขียว ให้ธรรมชาติช่วยบำบัดจิตใจ
คุณธัชชัย กลีบบัว ผู้จัดการฝ่ายวางแผนกลยุทธ์ สถาบันวิจัยความเป็นอยู่ฮาคูโฮโด อาเซียน (ประเทศไทย) มองเห็นความแตกต่างในการฮีลใจของแต่ละอาชีพ ดังนี้
– นักเรียน: เลือกพักผ่อนผ่านความเงียบ พูดออกมาเพื่อเป็นการระบาย เพราะบางครั้งโลกโซเชียลวุ่นวายเกินไป จึงต้องเลือก Detox ด้วยความเงียบบ้าง
– พนักงานเอกชน: การอยู่ท่ามกลางธรรมชาติและความเข้าใจในการเป็นไป คือยาคลายเครียดชั้นดี ด้วยระบบการใช้ชีวิตที่เร่งรีบ ใจจึงต้องการพื้นที่ที่ไม่ต้องแข่งขันกับใคร
– แม่บ้าน: การได้รับคำปลอบใจและความเชื่อใจ คือที่พึ่งของจิตใจที่อ่อนล้า เพราะบทบาทการทำงานนี้ไม่มีวันหยุด และไม่มีผลงานเป็นที่ประจักษ์
– คนว่างงาน: เลือกที่จะให้เวลากับตัวเองและอยู่กับตัวเองเพื่อเยียวยาจิตใจ ฟื้นฟูทั้งสภาพร่างกายและจิตใจของตัวเอง ด้วยวิธีที่ไม่กระทบกับเงินในกระเป๋า
– อาชีพอิสระ: คนเหล่านี้มีเพียงแค่แรงกายและเป้าหมายเล็ก ๆ ไว้ช่วยให้ประคองจิตใจ เพราะเชื่อว่าชีวิตต้องสร้างเอง ไม่ใช่การพึ่งพาคนอื่น
– เจ้าของกิจการ: ทำงานอย่างหนักและเมื่อจิตใจเริ่มอ่อนล้า ก็เลือกที่จะฝากไว้กับธรรมชาติและความศรัทธา เพราะการเป็นนายคนต้องเข้มแข็งอยู่เสมอ แบกรับทั้งความเสี่ยงและความหวัง
ติดตามพวกเราได้ที่ LINE







