HomeBrand Move !!เส้นทาง 10 ปี Marimekko จาก Tote Bag สู่ Lifestyle Brand กับภารกิจส่ง “ธนจิรา” ลุยสิงคโปร์ Regional Hub ใหม่ของภูมิภาค

เส้นทาง 10 ปี Marimekko จาก Tote Bag สู่ Lifestyle Brand กับภารกิจส่ง “ธนจิรา” ลุยสิงคโปร์ Regional Hub ใหม่ของภูมิภาค

แชร์ :

เดินทางมาจนครบ 10 ปีในไทยแล้ว สำหรับ Marimekko (มารีเมกโกะ) แบรนด์แฟชั่นและไลฟ์สไตล์จากฟินแลนด์ ที่ครองใจชาวไทยด้วยเอกลักษณ์กระเป๋าผ้าลายดอก Unikko ไอเท็มฮิตของวัยรุ่น คนทำงานในเมืองตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมา จนสามารถสร้างยอดขายไปแล้ว กว่า 124,121 ใบ (ช่วง 10 ปี) สามารถแจ้งเกิดกลายมาเป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่ประสบความสำเร็จในตลาดแฟชั่นเมืองไทยได้สำเร็จ

ADFEST 2024

Santos Or Jaune

ภายใต้การทำตลาดของ “ธนจิรา รีเทล” ผู้ปลุกปั้นแบรนด์ในไทย ตลอดทศวรรษที่ผ่านมา Marimekko ได้พิสูจน์ตัวเองจากแบรนด์ “ดีไซน์เฉพาะกลุ่ม” สู่การเป็นหนึ่งในไลฟ์สไตล์แบรนด์ที่แข็งแกร่งที่สุด มีฐานลูกค้าที่เรียกว่า Marimekko Lover ที่ชื่นชอบและรักในแบรนด์อย่างเหนียวแน่น แน่นอนเบื้องหลังความสำเร็จคือเส้นทางการเรียนรู้ที่ลึกซึ้ง การปรับกลยุทธ์ที่เฉียบคม ให้สอดคล้องกับเทรนด์ตลาดตลอดจนพฤติกรรมผู้บริโภคพร่อมทำความเข้าใจในอินไซต์ของกลุ่มเป้าหมายให้ตรงจุด

วันนี้ Marimekko กำลังก้าวสู่บทใหม่ที่ท้าทายยิ่งกว่า คือการใช้ความสำเร็จตลอดช่วง 10 ปีที่ผ่านมาเป็นฐานในการผลักดันความสำเร็จก้าวใหม่ ที่ไม่ใช่แค่การถือลิขสิทธิ์ในไทยอีกต่อไป หากแต่คือการขยายไปยังตลางต่างประเทศ โดยเฉพาะในสิงคโปร์ อีกหนึ่งตลาดใหม่ของทางค่ายที่มองว่ามีศักยภาพมากพอที่จะเป็นศูนย์กลางระดับของ Marimekko ในภูมิภาค (Regional Hub)

 

คุณธนพงษ์ จิราพาณิชกุล

คุณธนพงษ์ จิราพาณิชกุล

 

จาก “กระเป๋าผ้า” สู่ “Ready-to-wear” และไลฟ์สไตล์ครบวงจร

คุณธนพงษ์ จิราพาณิชกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ธนจิรา รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ย้อนภาพกลับไปเมื่อ 10 ปีก่อนว่า “ช่วงแรกถือว่าไม่ใช่งานง่าย” ความท้าทายแรกคือการสร้างการรับรู้ให้ถูกต้อง หลายคนเข้าใจผิดว่า Marimekko เป็นแบรนด์จากญี่ปุ่น และยังไม่เข้าใจในตัวตนของแบรนด์จากฟินแลนด์อย่างลึกซึ้ง โดยทางค่ายได้เริ่มทำตลาดโดยใช้ความชื่นชอบและเทรนด์มาเป็นตัวหลักในการสร้างแบรนด์

โดยจุดเปลี่ยนสำคัญในการแจ้งเกิดของแบรนด์ในไทยเกิดขึ้นจากการมาของ “กระเป๋าผ้า” หรือ โท้ตแบ็ก (Tote Bag) ซึ่งกลายเป็น “Hero Product” ที่สร้างการจดจำได้อย่างรวดเร็ว ตัวเลขยอดขายกว่า 124,121 ใบ ตลอด 10 ปี เป็นเครื่องพิสูจน์ความสำเร็จ กระเป๋าผ้าไม่เพียงแต่สร้างยอดขาย แต่ยังทำหน้าที่เป็นประตูบานแรกที่เปิดให้คนไทยได้รู้จักและเริ่มตกหลุมรัก Marimekko

จากนั้นจึงขยายไลน์สินค้ามากยิ่งขึ้น ด้วยการผลักดันให้แบรนด์เป็นที่รู้จักในฐานะแบรนด์แฟชั่นครบวงจร กับการขยายไปยังแฟชั่นเสื้อผ้า (Ready-to-wear)  และกลุ่มของใช้ในบ้านตามลำดับ ส่งผลให้ปัจจุบันกลุ่มเสื้อผ้าพร้อมใส่ (Ready-to-wear) กลายเป็นสัดส่วนรายได้ที่ใหญ่ที่สุดของแบรนด์ ด้วยยอดขายชุดเดรสกว่า 44,397 ตัว และยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องในกลุ่มของใช้ในบ้าน (Home) ที่มียอดขายเครื่องเซรามิกส์กว่า 120,442 ชิ้น

 

art.nattee

 

ความสำเร็จของ Marimekko ไม่ได้หยุดอยู่แค่สินค้า แต่คือการ “สร้างประสบการณ์” ที่เชื่อมโยงกับไลฟ์สไตล์ของผู้คน ไม่ว่าจะเป็น Marimekko pop-up café ซึ่งเป็นคาเฟ่แห่งแรกและแห่งเดียวในโลกที่ถ่ายทอดลายผ้าสู่รสชาติของขนมและเครื่องดื่ม หรือการร่วมมือกับเทศกาล Awakening Bangkok ในการจัดแสดงศิลปะแสงสีเสียงบนตึก Museum Siam

 

เข้าใจตลาดไทยเมื่อ “ความจริงใจ” สำคัญกว่า “กระแส”

บทเรียนสำคัญตลอด 10 ปี คือความเข้าใจในตลาดและผู้บริโภคชาวไทยอย่างลึกซึ้ง “คุณธนพงษ์” บอกว่า “ฐานลูกค้ากลุ่มพรีเมียมในไทยไม่ได้ขยายตัวมากนัก เราจึงต้องรักษาฐานลูกค้าเดิมและสร้างความผูกพันอย่างจริงใจ ขณะเดียวกันก็ต้องปรับกลยุทธ์เพื่อสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง เพื่อรักษาฐานลูกค้าเดิม ขยายฐานลูกค้าใหม่ และสร้างความผูกพันอย่างจริงใจ”” 

นั่นทำให้แบรนด์ต้องเร่งปรับกลยุทธ์ใหม่อย่างต่อเนื่องทั้งเปิดตัวสินค้าในกลุ่มแฟชั่นมากขึ้น การขยายตลาดไปยังกลุ่มของใช้ในบ้าน ตลอดจนการใช้สื่อใหม่ๆ เพื่อสร้างการรับรู้ในตัวแบรนด์ รองรับอินไซต์คนไทยมีลักษณะเฉพาะตัวในการบริโภคแฟชั่น คือมีความเป็นตัวของตัวเองสูงและเก่งในการ Mix & Match ทำให้แบรนด์ไม่สามารถยึดติดกับรูปแบบเดิมๆ ได้ ขณะเดียวกันก็เป็นการขยายฐานไปยังกลุ่มคนรุ่นใหม่ไปในตัว  ผ่านจุดแข็งของ Marimekko คือการเป็นแบรนด์ที่ไม่ตามกระแส มีความคลาสสิคเหนือกาลเวลา Timeless  ไม่ปรับเปลี่ยนไปมาตามเทรนด์ทุกเทรนด์ หากแต่คือการดีไซน์เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าที่ไม่ว่าจะหยิบจับมาใช้เมื่อไหร่ก็มีความทันสมัยอยู่เสมอ

 

“เราทำให้ Marimekko เป็นมากกว่าแบรนด์ แต่เป็นการสื่อสารระหว่างแบรนด์กับผู้คน ผ่านกิจกรรม ไลฟ์สไตล์ และคอมมูนิตี้ที่มีพลัง อีกหนึ่งในกลยุทธ์ที่ทำให้แบรนด์เติบโตอย่างต่อเนื่อง คือการไม่หยุดสร้างสรรค์เรื่องราวใหม่ๆ ทุกฤดูกาล ทั้งการออกคอลเลกชันใหม่ ไปจนถึงการ Collab กับศิลปินและแบรนด์ท้องถิ่น เพื่อสะท้อนตัวตนแบบคนไทยผ่านกรอบของดีไซน์จากฟินแลนด์”

อย่างไรก็ตามแม้ Marimekko จะประสบความสำเร็จในเมืองใหญ่ ทว่าก่อนหน้านี้ Marimekko ก็เคยต้องเผชิญสถานการณ์การปิดสาขาลงที่ “เซ็นทรัล ภูเก็ต” เนื่องจากแบรนด์อาจจะยังไม่ตอบโจทย์ลูกค้ามากนัก เพราะปัจจัยท้าทายในหลายประเด็น และยังไม่ตอบโจทย์ลูกค้ามากนัก ทำให้สาขาในต่างจังหวัดเหลือเพียงเชียงใหม่และพัทยา

 

คุณธนพงษ์ จิราพาณิชกุล

คุณธนพงษ์ จิราพาณิชกุล

 

“คนไทยมีลักษณะเฉพาะตัวในการบริโภคแฟชั่น คือมีความเป็นตัวของตัวเองสูงและเก่งในการ Mix & Match ทำให้แบรนด์ไม่สามารถยึดติดกับรูปแบบเดิมๆ ได้ “เราจึงต้องนำเสนอความจริงใจ ผ่านคุณภาพและการบริการที่ทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าสิ่งที่เรามอบให้มันคุ้มค่า”

 

และในวาระพิเศษนี้ Marimekko Thailand ยังเตรียมฉลองครบรอบ 10 ปี ด้วยการจัดแสดง Installation Art ลายดอก Unikko ใจกลางย่านสยาม ทั้งที่ลาน Parc Paragon (หน้าทางเข้า Siam Center) และอุโมงค์ทางเชื่อมชั้น 2 ระหว่าง Siam Center และ Siam Discovery ตั้งแต่ตั้งวันนี้ถึงวันที่ 15 กันยายนนี้ พร้อมเปิดตัว Exclusive Item อย่าง Unikko T-shirt และกระเป๋าผ้ารุ่นพิเศษ ซึ่งเป็นลายพิมพ์สำหรับเฉลิมฉลองการครบรอบ 10 ปี ของแบรนด์ Marimekko ในประเทศไทยโดยเฉพาะ สำหรับแฟนคลับที่ต้องการเก็บโมเมนต์แห่งความทรงจำครั้งนี้ไว้เป็นที่ระลึกอีกด้วย

 

สยายปีกต่างประเทศ ปักหมุด “สิงคโปร์” Regional Hub หลักของแบรนด์

จากความสำเร็จที่แข็งแกร่งในไทย ธนจิราได้รับความไว้วางใจให้เข้าบริหาร Marimekko ที่ประเทศสิงคโปร์ และกำลังวางแผนอนาคตครั้งใหญ่ “เราต้องการนำเสนอตัวเองในฐานะ Regional Hub โดยใช้สิงคโปร์เป็นฐานในการกระจายสินค้าและทำ E-commerce ไปยังประเทศอื่น เช่น อินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ แต่หัวใจด้านการตลาดและการสร้างแบรนด์จะมาจากทีมในประเทศไทย”

การขยายตลาดไปยังสิงคโปร์ไม่ใช่แค่การขยายสาขาโดยทั่วไป หากแต่ ธนจิรา ยังมองไกลกว่านั้น ด้วยการตั้งเป้าหมายปักหมุด Regional Hub และการเติบโตอย่างยั่งยืน จากความสำเร็จที่แข็งแกร่งในไทยด้วย 14 สาขาทั่วประเทศ ธนจิราได้รับความไว้วางใจให้เข้าบริหาร Marimekko ที่ประเทศสิงคโปร์ และกำลังวางแผนอนาคตครั้งใหญ่ “เราต้องการนำเสนอตัวเองในฐานะ Regional Hub โดยใช้สิงคโปร์เป็นฐานในการกระจายสินค้า แต่หัวใจด้านการตลาดและการสร้างแบรนด์จะมาจากทีมในประเทศไทย”

 

 

นี่คือยุทธศาสตร์ที่ชัดเจนในการใช้จุดแข็งของแต่ละประเทศ โดยมองว่าทีมไทยมีความเข้าใจในวัฒนธรรมและพฤติกรรมของผู้บริโภคในภูมิภาคได้ดีกว่า ขณะที่สิงคโปร์มีความพร้อมด้านโลจิสติกส์ ตลอดจนบริษัท  E-commerce ขนาดยักษ์ต่างล้วนมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่สิงคโปร์

 

“เรามองว่าสิงคโปร์มีโครงสร้างพื้นฐานที่พร้อมในการเป็นศูนย์กลาง แต่หัวใจในการขับเคลื่อนการตลาดจะมาจากทีมงานในประเทศไทย เพราะเราเข้าใจวัฒนธรรมและพฤติกรรมของผู้บริโภคตลอดจนตัวแบรนด์ดีที่สุด”

 

ก้าวต่อไปของ Marimekko Thailand จึงไม่ใช่แค่การรักษาตำแหน่งผู้นำในประเทศ แต่คือการนำประสบการณ์และความสำเร็จตลอด 10 ปี มาต่อยอดสู่การเป็นศูนย์กลางความคิดสร้างสรรค์และกลยุทธ์ของแบรนด์ในระดับภูมิภาค เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนและแข็งแกร่งต่อไปในทศวรรษข้างหน้า


แชร์ :

You may also like