HomeInsightเปิดอินไซต์พฤติกรรม 4 Gen ผู้บริโภคยุคใหม่ เจาะ 4 กลยุทธ์การตลาด “โดนใจ” 

เปิดอินไซต์พฤติกรรม 4 Gen ผู้บริโภคยุคใหม่ เจาะ 4 กลยุทธ์การตลาด “โดนใจ” 

แชร์ :

“สปา-ฮาคูโฮโด” ครีเอทีฟ เอเจนซี่ โดยหน่วยงาน Human Lab เปิดตัวผลงานวิจัยล่าสุด Daring Palette “เฉดความกล้า” ที่ขับเคลื่อนผู้คนในแต่ละ Generation ของสังคมไทย เพื่อช่วยถอดรหัสแนวโน้ม พฤติกรรมผู้บริโภคไทยในยุคที่ผู้คน “กล้า” มากขึ้น ทั้งกล้าแสดงตัวตน กล้าตั้งคำถาม และกล้าเลือกวิถีชีวิตที่แตกต่าง

ADFEST 2024

Santos Or Jaune

ถือเป็น Trendsetter ของผู้บริโภคยุคใหม่ของแต่ละ Gen ที่กำลังเติบโตและมีพฤติกรรมแตกต่างจากยุคก่อน

คุณนัฐกาญจน์ วัฒนมงคลศิลป์ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัย ฮิวแมน แล็บ และหัวหน้าแผนกวางแผนกลยุทธ์ สปา-ฮาคูโฮโด และ คุณพิมพิศา จุฬา เทิดทูลทวีเดช ผู้อำนวยการวางแผนโซลูชั่นทางธุรกิจ หน่วยงานแพลนท์ (Plant) สปา-ฮาคูโฮโด ร่วมกันเปิดเผยผลวิจัยล่าสุด Daring Palette ในกลุ่มผู้บริโภค 4 Gen ซึ่งแต่ละ Gen มีสเปคตัมแตกต่างกันในการใช้ชีวิต จากมุมมองทัศนคติของ Gen

เพื่อให้นักการตลาดเข้าใจจิตใจของผู้บริโภคยุคใหม่ได้ลึกกว่าระดับ Demographic หรือ Lifestyle เปรียบเสมือนเลนส์ที่มองเห็นแรงผลักดันจากข้างใน ซึ่งส่งผลต่อการตัดสินใจที่แบรนด์ควรเข้าใจ สรุปพฤติกรรมและกลยุทธ์การตลาดของ 4 Gen ผู้บริโภคยุคใหม่ ที่เปรียบได้กับเฉดสี Fluorescence (สีเรืองแสง) สื่อถึง “ความกล้า” (Courage / Boldness) และกระตุ้นความรู้สึกให้โดดเด่น แตกต่าง และกล้าการแสดงออก สรุปผลวิจัยดังนี้

1. Gen B (Baby Boomer) อายุ 60+ ปี หรือกลุ่ม The Timeless experimenters “เริ่มแซ่บหลัง 60”

– เป็นกลุ่มผู้สูงวัยยุคใหม่ ที่ไม่ยอมจำกัดชีวิตไว้แค่ตัวเลขอายุ เรียกว่า “แก่แต่เก๋า” กล้าลอง กล้าเปลี่ยน ใช้เวลาทุกวันให้มีความสุข จัดอยู่ในเฉดสี Experimenting green

– ข้อมูลเชิงพฤติกรรม (Yougov)

50% มองว่าหลังวัย 60 คือช่วงเวลาที่เหมาะที่สุดในการเริ่มต้นสิ่งใหม่
64% คิดว่าตนเองดูอ่อนกว่าวัยจริง
75% กระตือรือร้นอยากเรียนรู้สิ่งใหม่

– ทัศนคติใช้ชีวิตเปลี่ยนไป ทำกิจกรรมต่างจากเดิมที่ไปวัดสวดมนต์ แม้ร่างกายอาจไม่เอื้ออำนวย แต่ใจไหว ออกนอกบ้านไปทำกิจกรรมกีฬาเอ็กซ์ตรีม ท่องเที่ยวคนเดียวไม่รอลูกหลานพาไป เป็นการกลับมาใช้ชีวิตแบบที่ตัวเองเคยฝันไว้

– การลงทุนนอกจากฝากเงิน พันธบัตรรัฐบาลต่างๆ ปัจจุบันกล้าลองลงทุน คริปโต, อาร์ตทอย

– ให้ความสำคัญกับสุขภาพ โดย 41% ลงทุนกับสุขภาพและเวลเนส

– เก็บสะสมประสบการณ์ใหม่ๆ โดย 37% จ่ายเงินเพื่องานอดิเรก และ 24% ใช้จ่ายเพื่อ Up-skills เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ

– เป็นกลุ่มที่มีเวลามาก ใช้เวลาอยู่กับสื่อโซเชียลมีเดีย และผันตัวเองเป็น Greyfluencers (grey + influencer) เป็นคอนเทนต์ ครีเอเตอร์วัยเก๋า บนแพลตฟอร์ม Tellscore มีกลุ่ม Greyfluencers ราว 85,000 คน เติบโตทุกปี

– Gen B ในประเทศไทย 40% บอกว่าไม่มีแผนเกษียณ จะทำงานไปจนกว่าจะถูกเลิกจ้าง

Greypathy marketing กลยุทธ์การตลาดเจาะ Gen B

โอกาสนักการตลาดในการเปลี่ยนมุมมองต่อ Gen B ที่เป็น Timeless experimenters ผ่านเลนส์ใหม่ที่แตกต่างจากความเข้าใจเดิมถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในการทำการตลาด

ด้วยกลยุทธ์ “Greypathy marketing” หรือการทำการตลาดที่ยังตอบโจทย์อายุที่เพิ่มมากขึ้นด้านกายภาพ ในขณะเดียวกันเพิ่มเติมการตอบโจทย์ด้านจิตใจด้วย Insights ของ Gen B ที่กลับไปเป็นเด็กยิ่งขึ้น เพราะวันนี้การที่ร่างกาย มีอายุมากขึ้นไม่ได้หมายความว่าจิตใจเป็นแบบนั้นเช่นเดียวกันอีกต่อไป

สำหรับชีวิตที่เป็น Active retirement มุมมองของการทดลองและความท้าทาย จิตวิญญาณของความกล้า (Adventurous spirit) มีมากขึ้น โอกาสทางการตลาด เช่น ธุรกิจการท่องเที่ยว ที่มีความเป็น เอกลักษณ์รวมถึง กิจกรรมความผาดโผนในรูปแบบใหม่ๆ แต่แน่นอนต้องเต็มไปด้วยความสะดวกสบาย หรือธุรกิจอาหารสุขภาพ และการออกกำลังกายที่ถูกออกแบบมาเฉพาะ เช่น กลุ่ม Personal trainer หรืองานอดิเรกที่เน้นประสบการณ์มากกว่าผลิตภัณฑ์ มีโอกาสสูงในวันที่ Gen B เปิดรับความเชื่อในรูปแบบใหม่ๆ มากขึ้น

การมี Financial security advisor ที่สามารถแนะนำการลงทุนในรูปแบบใหม่ เป็นอีกธุรกิจที่น่าสนใจกับกลุ่มที่มีเวลาศึกษาและมีเงินเก็บพร้อมลงทุน

ขณะที่แพลตฟอร์มการเรียนรู้ใหม่ๆ รวมถึงการสอน Connectivity ผ่านดิจิทัลแพลตฟอร์มต่างๆ ที่เหมาะกับอุปนิสัย Gen B จะสามารถทำให้นักการตลาดเข้าถึงคนกลุ่มนี้ได้ดียิ่งขึ้น โดยเฉพาะการทำอีคอมเมิร์ซที่ใช้งานง่าย เพราะเจนนี้มีเวลาช้อปออนไลน์ไม่จำกัด

โอกาสสำคัญที่สุด Premiumization เป็นไปได้เสมอสำหรับทุกธุรกิจที่จะมาตอบโจทย์ Gen B ที่พร้อมจะจ่ายเพื่อสิ่งที่ดีกว่าในบั้นปลาย เพราะมีเงินเก็บจำนวนมาก

2. Gen X อายุ 43-59 ปี หรือกลุ่ม The Daring leapers “แกร่งทะลุกรอบ”

– เป็นกลุ่มเดอะแบกที่ตัดสินใจกระโจน ออกจากกรอบชีวิตเดิมๆ (comfort zone) เพื่อค้นหาอิสระ ความสุข และจุดหมายใหม่ที่เป็นของตัวเอง จัดอยู่ในเฉดสี Fearless yellow

– ข้อมูลเชิงพฤติกรรม (Yougov)

61.4% ให้ความสำคัญกับการดูแลตัวเอง การใช้ชีวิตอย่างสนุก
50.7% ไม่ชอบวางแผนระยะยาว
60% ของ Gen X ใช้วันหยุดเพื่อหนีจากความเครียด

– กลุ่มนี้จากเดิมที่เป็นเดอะแบกดูแลครอบครัว ปัจจุบันมองความสุขของตัวเองก็สำคัญ จึงออกไปเที่ยวกับเพื่อนและเดินทางเที่ยวเอง (มีสัดส่วนไปเที่ยวกับครอบครัวลดลง)

– มาถึงจุดที่ว่า Now or Never คือทางเลือกที่จะต้องใช้ชีวิต “ทำหรือไม่ทำ” พบว่าช่วงอายุ 40 กลางถึง 50 ต้น ยังไม่สายที่จะฉีกกรอบ ต้องการลาออกจากงานที่เป็นลูกจ้าง มาเป็นนายตัวเองหรือทำธุรกิจเองมากขึ้น

– พร้อมเมื่อไหร่ก็แต่งงาน จึงไม่ได้ดูอายุอีกต่อไป การแต่งงานตอนอายุ 40-50 ปี ไม่ใช่เรื่องสายไป จึงเห็นคุณแม่วัยหลักสี่มากขึ้น

– จากเดิมกลุ่มเดอะแบกใส่ใจและใช้จ่ายเพื่อดูแลคนอื่นมาเยอะแล้ว วันนี้หันมาดูแลตัวเอง พัฒนาทักษะของตัวเอง ทั้ง Re-skills โลกเดิมและ Up-skills โลกใหม่ เรียนรู้ทักษะ AI

– Gen X ต้องการพัฒนาและอัพเกรดตัวเองเพื่อแข่งขันได้กับ Gen Y และ Gen Z เช่น การดูแลรูปร่าง (ปลดล็อกร่างทอง) ในวัย 50 ปีขึ้นไป โดย 71.6% พร้อมจ่ายเงินเพื่อดูแลความสวยความงาม เพราะทำให้รู้สึกดีกับตัวเอง

Sandwich marketing กลยุทธ์การตลาดเจาะ Gen X

สำหรับกลุ่ม Gen X ที่กลับมาเริ่มให้ความสำคัญกับตัวเองมากขึ้น แต่ท้ายที่สุดแล้วความอยู่กึ่งกลางของชีวิต ที่ต้องแบกรับทั้งสองโลกของรุ่นพ่อแม่รวมทั้งลูกของตัวเอง

กลยุทธ์ที่จะใช้ในการเข้าหากลุ่มนี้คือ “Sandwich marketing” โดยเฉพาะการเข้ามาช่วยตอบความเป็น Multigeneration care provider ที่สามารถสนับสนุนให้ Gen X สามารถใช้ชีวิตได้ง่ายขึ้นโดยไม่ต้องวิตกกังวล

ดังนั้นธุรกิจที่ตอบโจทย์คนหลายรุ่น เช่น Home hybrid security หรือ Parenting resources จะช่วยให้แบรนด์เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตกลุ่ม Gen X ได้ง่ายขึ้น รวมไปถึงการทำ Preventive care ในรูปแบบ Subscription model ที่สามารถทำให้ Gen X กลับมาดูแลตัวเองได้ในรูปแบบง่ายๆ เสมือนมีคนมาช่วยวางแผนให้ก็สามารถทำให้เข้าถึงกลุ่มนี้ได้ดีเช่นกัน

อีกธุรกิจที่น่าสนใจคือกลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวกับการวางแผนครอบครัว เช่น กลุ่มวางแผนการมีบุตรและการเจริญพันธุ์ (Fertility clinic) เป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่สามารถ เป็นที่ปรึกษาที่ดีให้กับ Gen X ที่อยากสร้างครอบครัวในวันที่พร้อมโดยไม่มีอายุเป็นกฎเกณฑ์ (การวางแผนครอบครัว การมีลูก)

ในส่วนของเรื่องการเรียนรู้กลุ่ม Gen X ไม่เคยหยุดในการพัฒนาดังนั้นเพราะยังต้องการเติบโต ให้เหนือกว่า Younger Generations ดังนั้น Workshops และแพลตฟอร์มต่างๆ สามารถเข้ามามีส่วนกับการเรียนรู้ใหม่ๆ ได้ เสริมสร้างทักษะและองค์ความรู้ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น

 

3. Gen Y อายุ 28-42 ปี The Architect of Now “เดี๋ยวนี้นิยม”

– เป็นกลุ่มที่ออกแบบชีวิตด้วยตนเอง กล้าฉีกกรอบสังคมเพื่อใช้ชีวิตในแบบที่เป็นตัวเอง “เดี๋ยวนี้” สำคัญที่สุด กลุ่มนี้จัดอยู่ในเฉดสี “Now red”

– ข้อมูลเชิงพฤติกรรม (Yougov)

54.4% ตัดสินใจแบบฉับพลัน เชื่อสัญชาตญาณ ตามใจตัวเอง
37.9% มองว่าการมีหนี้ตอนวัยรุ่นเป็นเรื่องปกติ
66.9% ชอบสินค้าที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์

– การเปลี่ยนแปลงของกลุ่ม Gen Y จากเดิมมีครอบครัวพ่อแม่ลูก ยุคนี้มองว่าไม่จำเป็นต้องแต่งงาน อยู่เป็นโสดได้ หรือมีความสัมพันธ์แบบหลากหลาย ไม่ใช่แค่หญิงชาย

– จากครอบครัวสำคัญที่สุด ยุคนี้ตัวเองสำคัญที่สุด การใช้ชีวิตความสุขไม่ใช่เป้าหมาย เพราะความสุขคือทุกโมเมนต์ที่หายใจ ความสุขคือ “ตอนนี้” ไม่ใช่อนาคต

– จากโลกสังคมผู้ชายเป็นใหญ่ ปัจจุบันผู้หญิง Gen Y เป็น CEO และเจ้าของบริษัทมากขึ้น

– จากความสวยแบบเดียว ยุคนี้มีความงามมีหลากหลายมิติ ผู้ชาย Gen Y ให้ความสำคัญกับการดูแลตัวเองมาก โดย 59.1% ของชายไทยมองเสื้อผ้า ความงาม ใช้ได้โดยไม่ต้องระบุเพศ คลินิคความงามที่เป็นบริการสำหรับผู้หญิง ปัจจุบันให้มีบริการตอบโจทย์ความงามทั้งผู้หญิงและผู้ชายในสัดส่วนเท่ากัน 50:50

– พบว่า 40.5% ของคนโสด Gen Y เป็นกลุ่ม Pet Parent ยอมจ่ายดูแลสัตว์เลี้ยงปีละ 41,000 บาทต่อตัว

Indulgence marketing กลยุทธ์การตลาดเจาะ Gen Y

สำหรับกลุ่ม Gen Y ที่มีความเป็น Me-first generation และแคร์ความสุขของตนเองเป็นที่ตั้ง การเข้าถึงกลุ่มนี้ด้วยกลยุทธ์ “Indulgence marketing” การตลาดแบบปรนเปรอ เพื่อทำให้มีความสุขตอนนี้

ดังนั้นธุรกิจที่เข้าใจในการที่ทำให้ Gen Y สามารถรู้สึกถึงความสุขได้อย่างทันที ไม่ว่าจะผ่านการทำ FOMO marketing ที่ทำให้ Gen Y ไม่รู้สึกตกกระแส และทำให้รู้สึกดีได้เดี๋ยวนี้ก่อนใคร จะสามารถเข้าถึง Gen Y ได้ง่ายขึ้น

รวมทั้งธุรกิจที่เข้าใจการเปลี่ยนแปลงของรูปแบบความคิดของ Gen Y ในเชิงการสร้างครอบครัว ที่มีสัตว์เลี้ยงเป็นลูก หรือโลกที่เปลี่ยนไปของทั้งผู้หญิงและผู้ชายที่เปิดกว้างขึ้น เช่น การที่ผู้หญิงเริ่มมีบทบาทสำคัญมากขึ้นทางสังคม หรือผู้ชายที่หันมาดูแลความสวยงามของตัวเอง ยังเป็นโอกาสที่ทำให้นักการตลาดสร้างโอกาสที่จะทำให้แบรนด์เข้าไปยืนในใจกลุ่มนี้ได้ดี

สำหรับกลุ่ม Gen Y ที่อารมณ์และความรู้สึกอยู่ เหนือเหตุผล การใช้ Influencer marketing สร้างแรงบันดาลใจเป็นสิ่งที่เข้าถึงกลุ่มนี้ได้ดีเช่นกัน

4. Gen Z อายุ 18-27 ปี หรือกลุ่ม The Change Makers “โลกใบใหม่ในมือเรา”

– เป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ไฟแรง ที่ไม่เดินตามใคร พร้อมท้าทายระบบ คิดต่าง เพื่อสร้างโลกใหม่ที่ยั่งยืน และเท่าเทียมมากขึ้น กลุ่มนี้จัดอยู่ในเฉดสี “Activist purple”

– ข้อมูลเชิงพฤติกรรม (Yougov)

71.6% ปฏิเสธทำงานกับองค์กรที่ขัดกับค่านิยมของตัวเอง
70% มองหาโอกาสลงทุนที่คุ้มค่า
81% แสดงความกังวลต่อปัญหาสภาพภูมิอากาศ ให้ความสำคัญกับการดูแลโลก

– คติการใช้ชีวิต Gen Z “ฉันไม่ได้มาเพื่อเดินตาม ฉันมาเพื่อเปลี่ยนแปลง”

– จากยุคก่อนเรียนจบ สมัครงานกับบริษัทขนาดใหญ่ แต่ยุคนี้ 70% ต้องการสร้างธุรกิจของตัวเอง เป็นสตาร์ตอัป

– จากเดิมความสำเร็จรอได้ ยุคนี้ความสำเร็จรอไม่ได้ ต้องประสบความสำเร็จเดี๋ยวนี้ ยิ่งเร็วยิ่งดี

– เด็กจบใหม่จากเดิมทำงานเฉลี่ย 4-5 ปี ลาออก ปัจจุบัน 40% Gen Z ลาออกจากบริษัทภายใน 2 ปีแรกของการทำงาน เพราะเป้าหมายไม่ได้อยากเติบโตไปกับองค์กร แต่เข้ามาเรียนรู้ให้มากที่สุดและออกไปลงทุนเองเพื่อความสำเร็จที่รวดเร็ว

– ให้ความสำคัญกับการดูแลสังคม รักษ์โลก มองไกลกว่าตัวเอง คิดเพื่อโลกและความยั่งยืน เพื่อส่งต่อให้รุ่นต่อไป

– เป็น Gen ที่ต้องการสร้างการเปลี่ยนแปลงและลงมือทำด้วยตัวเอง สร้างธุรกิจที่ทำให้สังคมดีขึ้น

Tribal marketing กลยุทธ์การตลาดเจาะ Gen Z

สำหรับกลุ่ม Gen Z หรือ The Change Makers เป็นกลุ่มซับซ้อน มองหาการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น สำหรับโลกของตนเองและส่วนรวม การเข้าหา Gen Z ควรทำผ่านกลยุทธ์ “Tribal marketing” การทำการตลาดที่มีคอมมูนิตี้ ภาษา และความคิดรับผิดชอบต่อตนเองและสังคมในมิติเดียวกัน ความเชื่อเดียวกัน ในรูปแบบ Fandom Marketing

การทำให้ Gen Z เห็นว่าแบรนด์มีความจริงใจในการทำการตลาด มีความเชื่อที่เป็นแก่นแท้ที่ตรงกันกับเจเนอเรชั่นนี้จะสามารถสร้างความสัมพันธ์ได้ในระยะยาวจะเห็นได้จากการเติบโตของ Influencer platform และ Affiliation tactic ที่นำเสนอผลิตภัณฑ์หรือการบริการที่แท้จริง

ด้านมุมมองความสำเร็จ Gen Z เป็นกลุ่มที่อยากได้ความสำเร็จแบบก้าวกระโดด การรอเดินตามเส้นทางความสำเร็จในชีวิตตามมาตรฐานของสังคม “ไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาเชื่อ” ดังนั้นโมเดลธุรกิจใหม่ๆ เช่น Freelancer platform ที่สนับสนุนให้ Gen Z สามารถสร้างรายได้และกำหนดทิศทางชีวิตตัวเองได้จะสามารถเป็นจุดเชื่อมต่อที่สามารถทำให้แบรนด์เป็นส่วนหนึ่งกับโลกของ Gen Z ที่เป็น Change Makers ได้

ในวันที่ผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงในหลากหลายมิติ ความเข้าใจที่ลึกซึ้งและถูกต้อง ในแต่ละ Generation คือเครื่องมือสำคัญที่จะทำให้แบรนด์สามารถปรับตัวได้อย่างทันท่วงที นักการตลาดจึงจำเป็นต้อง ปรับจุดยืน ความเชื่อ และพันธกิจของแบรนด์ให้สอดคล้องกับโลกและมนุษย์ที่เปลี่ยนไป เพื่อให้ยังคงเป็น “ตัวเลือกที่ใช่” และเติบโตเคียงข้างไปกับแต่ละ Gen ได้อย่างแข็งแรงและยั่งยืน

“สปา-ฮาคูโฮโด” เปิดตัว Human Lab 

คุณจิรภัทร์ กาญจะโนสถ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สปา-ฮาคูโฮโด จำกัด กล่าวว่าผลวิจัยล่าสุด “Daring Palette” มาจาก Human Lab (ฮิวแมน แล็บ) หน่วยงานใหม่เพื่อช่วยวิเคราะห์และวางกลยุทธ์การตลาดเชิงลึกภายใต้แนวคิด “Human-Centric Marketing” หรือการตลาดที่เริ่มต้นจากความเข้าใจมนุษย์ ตามหลักแนวคิดปรัชญา Sei-Katsu-Sha มากกว่าข้อมูลสถิติ แบบผิวเผิน

Human Lab เกิดขึ้นจากความเชื่อที่ว่า “ความเข้าใจมนุษย์ อย่างลึกซึ้ง” คือหัวใจสำคัญของการสร้างแบรนด์ และกลยุทธ์ที่เชื่อมโยงกับผู้บริโภคได้จริง โดยนำองค์ความรู้จาก หลายศาสตร์ เช่น สังคมวิทยา มานุษยวิทยา พฤติกรรมศาสตร์ และ Data Science มาผสานเข้ากับกระบวน การวางแผนการตลาด ทำให้ Human Lab แตกต่างจากเครื่องมือการวิเคราะห์ผู้บริโภค แบบเดิม ที่มักยึดเพียงตัวเลข หรือเทรนด์ที่ผิวเผิน

ในโลกที่ความซับซ้อนของมนุษย์ไม่อาจมองผ่านแค่สถิติหรืออัลกอริธึม Human Lab จึงทำหน้าที่เป็นเหมือน “เลนส์ใหม่” ที่ช่วยให้แบรนด์เข้าใจคนได้ในระดับจิตวิญญาณ พฤติกรรม และบริบททางสังคม

ดังนั้น Human Lab ไม่เพียงเปิดมุมมองใหม่ ในการวางแผนกลยุทธ์ให้กับนักการตลาด แต่ยังช่วยสร้างเครื่องมือความคิด ทางวัฒนธรรม และพฤติกรรมผู้บริโภคที่สะท้อนความเปลี่ยนแปลง ของยุคสมัยอย่างชัดเจน

โดย Human Lab นำเสนอเลนส์ใหม่เพื่อทำความเข้าใจผู้บริโภคชาวไทยแบบเจาะลึกทั้งข้อมูลทางสถิติและความต้องการเบื้องลึกที่ซ่อนอยู่ในจิตใจ ที่ไม่ใช่แค่การรวบรวมตัวเลข แต่คือการผสาน ข้อมูลอัจฉริยะ (Data Intelligence) และปัญญามนุษย์ (Human Intelligence) นำมาวิเคราะห์เป็นข้อมูลเชิงลึกที่ไม่มีใครเทียบ เพื่อเผยมิติที่ซับซ้อนหลากหลายเฉดสีของพฤติกรรมของผู้บริโภคชาวไทยที่ได้รับผลจากเมกะเทรนด์ (Mega trend) ต่าง ๆ ทั้งในโลกและในประเทศไทย ออกแบบมาสำหรับนักการตลาดที่กำลังมองหาแนวทางที่พร้อมสำหรับอนาคต เพื่อค้นพบแรงจูงใจที่ซ่อนอยู่ เช่น การค้นหาอารมณ์ ความเชื่อ และคุณค่าที่เป็นตัวกำหนดพฤติกรรมการบริโภค

รวมทั้งคาดการณ์แนวโน้มในอนาคต เช่น วิเคราะห์พฤติกรรมของ sei-katsu-sha เพื่อให้แบรนด์สามารถ คาดการณ์รูปแบบที่เกิดขึ้นใหม่และตอบสนองความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปในเชิงรุก ปรับกลยุทธ์การตลาดให้ได้ตรงใจ เช่น ออกแบบแคมเปญที่เชื่อมโยงกับผู้บริโภคในระดับที่ลึกซึ้งกว่าการตลาดแบบเดิม และวัดผลกระทบและเพิ่มประสิทธิภาพ เช่น ใช้ข้อมูลเชิงลึกเพื่อสร้างกลยุทธ์ที่ไม่เพียงแต่มีประสิทธิภาพ แต่ยังสามารถปรับเปลี่ยนได้แบบเรียลไทม์

การเปิดตัว Human Lab จึงไม่ใช่เพียงโครงการวิจัยหรือนวัตกรรมการตลาด แต่คือการชวนให้นักการตลาด และแบรนด์กลับมาตั้งคำถามสำคัญว่า “เราเข้าใจมนุษย์จริง ๆ หรือไม่”

ติดตามพวกเราได้ที่ LINE


แชร์ :

You may also like