HomeBrand Move !!เปิดเส้นทางธุรกิจ KEX ในประเทศไทย สะท้อนภาพขนส่งแข่งเดือด จนต้องโบกมือลาถอนหุ้นออกจากตลาด แต่ยืนยัน “เดินหน้าธุรกิจในประเทศไทย” ตามปกติ

เปิดเส้นทางธุรกิจ KEX ในประเทศไทย สะท้อนภาพขนส่งแข่งเดือด จนต้องโบกมือลาถอนหุ้นออกจากตลาด แต่ยืนยัน “เดินหน้าธุรกิจในประเทศไทย” ตามปกติ

แชร์ :


วันที่ 2 พ.ค. 2568 บมจ. เคอีเอ็กซ์ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) หรือ KEX ได้ส่งหนังสือถึงตลาดพลักทรัพย์แห่งประเทศไทย รายงานมติที่ประชุมบอร์ด พิจารณาและอนุมัติเพิกถอนหุ้น KEX ออกจากตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยได้รับหนังสือแสดงเจตนา จากบริษัท เอสเอฟ อินเตอร์เนชั่นแนล โฮลดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด (SFTH) ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ จำนวน 2,853 ล้านหุ้น หรือสัดส่วน 81.43%

ADFEST 2024

Santos Or Jaune

หากย้อนรอยเส้นทางการดำเนินธุรกิจของ KEX ที่ผู้บริโภคเรียกจนติดปากว่า KERRY ในประเทศไทย จะพบว่า ธุรกิจของ KEX  เริ่มต้นจากกลุ่ม Kerry บริษัททำธุรกิจขนส่งสัญชาติฮ่องกง โดยเข้ามาประกอบกิจการในประเทศไทย ตั้งแต่ปี 2549 ภายใต้แบรนด์ Kerry Express และร้อนแรงจนขยายจุดรับ – ส่ง สินค้าไปยังสถานที่ต่างๆ หลากหลายรูปแบบ

กระทั่งเมื่อวัน 24 ธันวาคม 2563  บริษัท เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)  หรือ KEX ได้เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เป็นวันแรก จากราคาจอง IPO ที่ 28 บาทต่อหุ้น ซื้อขายวันแรก เปิดตลาดราคา 65 บาท เพิ่มขึ้น 37 บาท หรือเพิ่มขึ้น 132%  และทำราคาสูงสุด 73 บาทต่อหุ้น

อย่างไรก็ตาม การแข่งขันที่รุนแรงในธุรกิจขนส่งด่วนจากการเข้ามาของผู้ประกอบการรายใหม่ ทำให้ KEX  เจอกับปัญหาขาดทุนต่อเนื่อง เมื่อวันที่ 2 มกราคม 2567  KEX ได้รายงานการเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้นใหญ่ โดยให้ S.F. Holding บริษัทขนส่งด่วนจากประเทศจีน ได้เข้ามาถือหุ้นใหญ่แทนกลุ่ม Kerry ฮ่องกง

ปี 2567 ได้เปลี่ยนชื่อเป็นบริษัท เคอีเอ็กซ์ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ KEX (เคอีเอ็กซ์) และประกาศรีแบรนด์  พร้อมเปลี่ยนชื่อและโลโก้ใหม่เป็น “KEX”

ต่อมา เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2567 บริษัท เคอีเอ็กซ์ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ KEX ได้รายงานต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ว่า บริษัทฯได้รับหนังสือแจ้งการลาออกจากตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร(CEO) และ กรรมการของนายอเล็กซ์ อึ้ง โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 12 ธันวาคม 2567 และจะทำงานวันสุดท้ายวันที่ 31 มกราคม 2568 ดังนั้นคณะกรรมการบริหารได้แต่งตั้งนายเจียเหว่ย จาง เป็นผู้บริหารร่วม(Co – CEO)ซึ่งมีผลโดยทันที และจะรับตำแหน่งเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหาร(CEO) ตั้งแต่วันที่ 1กุมภาพันธ์ 2568 เป็นต้นไป

อย่างไรก็ตาม KEX ยังยืนยันว่า “การเพิกถอนหลักทรัพย์ในครั้งนี้ไม่มีผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ และไม่มีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ ที่กระทบต่อลูกค้าและคู่ค้า KEX จะยังคงให้บริการในทุกด้านตามปกติ โดยการตัดสินใจครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของแผนกลยุทธ์ระยะยาว เพื่อเพิ่มความคล่องตัวในการดำเนินธุรกิจและสนับสนุนการเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต และมุ่งมั่นที่จะสร้างสมดุลระหว่างการพัฒนาธุรกิจและความเป็นอยู่ที่ดีของพนักงาน สำหรับนักลงทุนและผู้ถือหุ้น บริษัทฯจะดำเนินการตามขั้นตอนที่เกี่ยวข้องอย่างโปร่งใสและยุติธรรม ซึ่งจะมีการชี้แจงรายละเอียดเพิ่มเติมต่อไป”

KEX ย้ำชัด! ไม่ปิดกิจการ ยืนยันเดินหน้าธุรกิจตามปกติ หลังได้รับข้อเสนอเพิกถอนหลักทรัพย์จากตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อปรับกลยุทธ์ระยะยาว
สำหรับผลประกอบการของKEX ตั้งแต่ปี 2562-2567 ดังนี้ 

– ปี 2562 รายได้ 19,894 ล้านบาท กำไรสุทธิ 1,328 ล้านบาท

– ปี 2563 รายได้ 19,010 ล้านบาท กำไรสุทธิ 1,405 ล้านบาท

– ปี 2564 รายได้ 18,972 ล้านบาท กำไรสุทธิ 46 ล้านบาท

– ปี 2565 รายได้ 17,145 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิ 2,829 ล้านบาท

– ปี 2566 รายได้ 11,470 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิ 3,880 ล้านบาท

– ปี 2567 รายได้  9,616  ล้านบาท ขาดทุนสุทธิ 5,911 ล้านบาท


แชร์ :

You may also like