ปี 2568 ถือเป็นปีที่ธุรกิจอีเวนต์กลับมาเติบโตแซงหน้า ปี 2562 ก่อนเจอสถานการณ์โควิด-19 ที่ฉุดธุรกิจนี้ถดถอยมา 5 ปี โดยมีแรงหนุนจากอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ที่ใช้เฟสติวัลต่างๆ มาโปรโมต รวมทั้งการจัดคอนเสิร์ตทั้งไทยและต่างประเทศ โดยเฉพาะกระแสบูมจัดคอนเสิร์ต – แฟนมีตศิลปิน “เค-ป๊อป” ช่วยกระตุ้นเม็ดเงินธุรกิจอีเวนต์ปีนี้มูลค่ากว่า 14,000 ล้านบาท
คุณเกรียงไกร กาญจนะโภคิน ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าหนึ่งในนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวของภาครัฐปีนี้ คือการผลักดันประเทศไทยให้เป็นเมืองเฟสติวัล จัดกิจกรรมดึงนักท่องเที่ยวตลอดทั้งปี โดยเฉพาะงานเทศกาล (Festival) ทั้ง Music Festival และ Sport Festival ที่มีต่อเนื่องตลอดปี ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญกะตุ้นธุรกิจอีเวนต์กลับมาเติบโตสูงในปีนี้
อีกตลาดที่น่าจับตามอง คือ “คอนเสิร์ต” ซึ่งเพิ่มขึ้นทั้งจำนวนและขนาด ปีนี้อาจมีมูลค่ารวมกว่า 5,000 ล้านบาท โดยเฉพาะคอนเสิร์ตศิลปิน “เค-ป๊อป” ที่ได้รับความนิยมจากแฟนคลับชาวไทยและจัดอย่างต่อเนื่อง
ส่งผลให้ผู้จัดคอนเสิร์ตต่างมองหาพันธมิตรที่สามารถให้บริการโซลูชันครบวงจรและการใช้อุปกรณ์ที่มีมาตรฐานระดับสากล ถือเป็นอีกตลาดของ อินเด็กซ์ฯ ในการให้บริการโซลูชั่นจัดคอนเสิร์ต ปีนี้ได้ทุ่มงบกว่า 400 ล้านไปกับทุนประกันด้านความปลอดภัยของอีเวนต์ ตั้งแต่กระบวนการขนส่ง ติดตั้ง ตลอดจนการรื้อถอน ครอบคลุมทุกขั้นตอนการสร้างอีเวนต์
อินเด็กซ์ฯ รายได้อีเวนต์โตแรง
ธุรกิจอีเวนต์ของอินเด็กซ์ฯ เริ่มเห็นแนวโน้มการฟื้นตัวชัดเจนในปี 2567 ที่ผ่านมา โดยทำรายได้รวม 1,322 ล้านบาท เติบโต 38% จากปีก่อนหน้า เป็นการกลับมาทำรายได้ทะลุพันล้านบาทอีกครั้งนับตั้งแต่เกิดโควิดในปี 2563
การเติบโตดังกล่าวมาจากการพัฒนาอีเวนต์ใหม่ๆ เช่น “หมูเด้ง” ในโปรเจกต์ Bangkok Illumination 2024 นอกจากนี้ยังเห็นแนวโน้มการเติบโตจากการจัดอีเวนต์ในตลาดสินค้าไลฟ์สไตล์ Luxury Brand ที่หันมาเลือกประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางในการจัดงานอีเวนต์ระดับโลกมากมาย อย่างงาน Bvlgari Tubogas การเปิดตัวคอลเลกชั่นเครื่องประดับอัญมณีใหม่ ที่มี Lisa ในฐานะ Global Brand Ambassador มาร่วมเปิดตัว
รวมทั้งอีเวนต์ส่งท้ายปีกับ 3 อีเวนต์ Countdown 2025 ภายในคืนเดียว ได้แก่ centralwOrld Countdown, ONE Bangkok Countdown, และ Exclusive Countdown ณ lebua Hotels & Resorts
มาปีนี้ต่อยอดกลยุทธ์ซอฟต์พาวเวอร์ของภาครัฐในการส่งเสริมการท่องเที่ยวกับโปรเจกต์ “หมีเนย” ในนิทรรศการ Buttery World ส่งผลให้เกิดการขับเคลื่อนเศรษฐกิจจากการเข้ามาและใช้จ่ายของชาวต่างชาติ โดยเฉพาะฐานแฟนคลับของหมีเนยที่มีกำลังซื้อ อย่างนักท่องเที่ยวชาวจีนที่ได้เดินทางเข้ามาในประเทศไทยจำนวนมาก
อีกทั้งมองหาโอกาสใหม่ๆ ในตลาดที่หลากหลาย โดยเฉพาะการเชื่อมโยงทั้งการท่องเที่ยวและอุตสาหกรรมไมซ์ จากการเป็นผู้นำด้านการจัดอีเวนต์ทั้งในและต่างประเทศ ปีนี้จะขยายการทำงานให้กับหลายๆ จังหวัด เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวไทย อีกทั้งกลยุทธ์ Inbound กับ Outbound เชื่อมต่อประตูสู่การท่องเที่ยวทั้งส่งออกความเป็นไทยไปต่างประเทศในทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นสินค้าและบริการ อีกทั้งความเป็นไทยเชิงนามธรรมอย่างวัฒนธรรม ประเพณี
ลุยจัด “เทรดแฟร์” ต่างประเทศ
ปีนี้อินเด็กซ์ฯ ยังกลับมาลุยตลาด Trade Fair อีกครั้ง รวม 8 งาน ใน 5 ประเทศ ได้แก่ ซาอุดีอาระเบีย เกาหลี กัมพูชา เมียนมาร์ และเวียดนาม
1.Thailand International Mega Fair 2025
2. K-Beauty Expo 2025
3. Cambodia Foodplus Expo 2025
4. Cambodia Health & Beauty Expo
5. Myanmar Foodbev 2025
6. Myanmar Retail Sourcing Expo 2025
7. K-MED Expo Vietnam 2025
8. Saigon Beauty Show 2025
“งานเทรด์แฟร์ระดับนานาชาติเหล่านี้ ถือเป็นบทพิสูจน์ว่า อินเด็กซ์ฯ มีศักยภาพพาอุตสาหกรรมไทยไปไกลกว่าที่เคย เรานับว่าเป็นแพลตฟอร์มสื่อกลางที่พร้อมสนับสนุนผู้ประกอบการไทย ให้ไปเติบโตและขยายธุรกิจในต่างประเทศ เพื่อนำรายได้เข้าประเทศและสนับสนุนเศรษฐกิจไทย”
ปี 2568 อินเด็กซ์ฯ วางเป้าหมายรายได้ 1,500 ล้านบาท เติบโต 12% ถือเป็นตัวเลขรายได้สูงกว่าปี 2562 (ก่อนโควิด) ที่มีรายได้ 1,380 ล้านบาท และเป็นสัญญาณว่าภาพรวมธุรกิจอีเวนต์มาเติบโตอีกครั้ง