HomeDigitalAccenture Song เปิดผลวิจัย Life Trends 2025 ชี้ผู้บริโภคเปลี่ยนพฤติกรรมครั้งใหญ่รับ Gen AI

Accenture Song เปิดผลวิจัย Life Trends 2025 ชี้ผู้บริโภคเปลี่ยนพฤติกรรมครั้งใหญ่รับ Gen AI

แชร์ :

Accenture Song เปิดผลสำรวจ Life Trends 2025 พบการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เพื่อให้เข้ากับ “เทคโนโลยีใหม่” โดยเฉพาะ Gen AI ที่งานวิจัยพบว่า บริษัทที่นำ Generative AI มาใช้ในโครงการหรือกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับลูกค้า จะมีโอกาสในการสร้างรายได้สูงขึ้น 25% ภายใน 5 ปี และมีแนวโน้มที่ Generative AI จะสามารถสร้างนวัตกรรมที่ปฏิวัติวงการการตลาดได้มากกว่าเดิมถึง 5.6 เท่าได้เลยทีเดียว

ADFEST 2024

Santos Or Jaune

ทั้งนี้ จุดเริ่มต้นที่งานวิจัย Life Trends 2025 เปิดเผยคือจุดเปลี่ยนด้านพฤติกรรมที่มี 5 ด้าน ประกอบด้วย

ออนไลน์ไม่ใช่พื้นที่ที่ “จริงใจ”

สิ่งที่งานวิจัย Life Trends 2025 พบก็คือ ผู้คนบนโลกออนไลน์มองว่า มันอาจไม่ใช่พื้นที่ที่จริงใจอีกต่อไป โดย 52% ของผู้ตอบแบบสอบถามเคยเห็นข่าว – บทความประเภท Fake News และ 33% เคยมีประสบการณ์ถูกหลอกลวงโดยใช้เทคโนโลยี Deep-Fake หรือการนำข้อมูลส่วนบุคคลไปทำธุรกรรมที่ผิดกฎหมาย

นอกจากนั้น 39% เคยพบการรีวิวสินค้าออนไลน์ที่ทำให้เข้าใจผิดไปจากความเป็นจริงด้วย

งานวิจัยนี้ยังได้อ้างอิงผลการสำรวจของ Getty Images ที่พบว่า ผู้คนรู้สึกไม่ค่อยพอใจหากพบว่า แบรนด์ใช้ภาพที่สร้างโดย AI (เป็นการสำรวจความคิดเห็นผู้ใช้งานกว่า 7,500 คนจาก 25 ประเทศ) โดยสิ่งที่การศึกษานี้ระบุก็คือ

  • ผู้บริโภค 90% ต้องการทราบว่าภาพนั้นสร้างโดย AI หรือไม่
  • 87% ให้ความสำคัญกับความถูกต้องของภาพ
  • 76% ยอมรับว่า พวกเขาแยกแยะความแตกต่างระหว่างภาพจริงและภาพที่สร้างโดย AI ได้ยากขึ้นเรื่อย ๆ

ความไม่เชื่อมั่นเหล่านี้จึงนำไปสู่ความเปลี่ยนแปลงที่ว่า จากที่ก่อนหน้านี้ แบรนด์มักจะให้ผู้บริโภคยืนยันตัวตนก่อนเข้าใช้บริการเสมอ แต่แบรนด์ในยุคต่อไปอาจจะต้องเป็นฝ่ายยืนยันตัวตน เพื่อให้ผู้บริโภคคลายความระแวงสงสัยด้วยแล้วเช่นกัน

คนยุคใหม่เสี่ยงทั้งออนไลน์-ออฟไลน์

สิ่งที่งานวิจัย Life Trends 2025 พบว่าเป็นความเปลี่ยนแปลงที่น่าสนใจข้อต่อไปก็คือ ความท้าทายของคนยุคใหม่ โดยเฉพาะพ่อแม่ ที่ต้องช่วยลูก ๆ วางกรอบด้านความสัมพันธ์ เนื่องจากเด็กในยุคนี้จะเจอทั้งความสัมพันธ์ในโลกจริง และความสัมพันธ์ที่เกิดบนโลกออนไลน์ ซึ่งอาจทำให้เด็ก ๆ มีความเสี่ยงมากขึ้นนั่นเอง

และที่สำคัญ ไม่เฉพาะเด็กที่เสี่ยง แต่ปู่ย่าตายาย ซึ่งเป็นรุ่นที่ไม่คุ้นเคยกับอินเทอร์เน็ตเองก็เสี่ยงเช่นกัน

ภาระหนักจึงมาตกที่คนรุ่นตรงกลาง ที่เป็นทั้งพ่อแม่และลูก ๆ ของผู้สูงอายุ โดยผลวิจัยของ Accenture พบว่า 56% ของคนที่มีอายุระหว่าง 18 – 24 ปีบอกว่า โซเชียลมีเดียมีผลอย่างมากต่อตัวตนของพวกเขา ขณะที่ 23% ของคนที่อายุมากกว่า 55 ปีก็คิดเช่นเดียวกัน และ 65% ของผู้ตอบแบบสอบถามทั้งหมด (ทั่วโลก) มองว่า พ่อแม่ควรจำกัดเวลาการใช้งานโซเชียลมีเดียของเด็ก ๆ

ยุคที่ “ความอดทน” หดหาย

สิ่งที่ Life Trends 2025 พบข้อต่อไปก็คือ 55% ของผู้ตอบแบบสอบถามเผยว่า มองหาวิธีแก้ปัญหาที่รวดเร็วมากกว่าวิธีการแบบดั้งเดิม และหลายคนยอมเลือกเส้นทางที่มีความเสี่ยงมากกว่าเพื่อบรรลุเป้าหมายด้านสุขภาพและการเงินของตน

ผลวิจัยยังพบด้วยว่า มีการเลือกใช้วิธีที่ไม่เหมาะสมนักในการหาความร่ำรวยทางการเงิน เช่น การพนันออนไลน์ โดยเป็นกลุ่มผู้ชายอเมริกันอายุระหว่าง 18 – 34 ปี มากกว่า 30% มีบัญชีพนันกีฬาออนไลน์  และในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา มีผู้ตอบแบบสอบถาม 16.2% เล่นพนันออนไลน์ และใช้เงินมากกว่าค่าจ้างรายวันในการพนันแต่ละครั้ง

อย่างไรก็ดี ในแง่มุมดี ๆ ก็มีเช่นกัน โดย 63% บอกว่า โซเชียลมีเดียช่วยจุดประกายในการทำสิ่งต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และ 68% ของผู้คนเลือกที่จะมีปฏิสัมพันธ์กับแบรนด์ที่ให้ความรู้ดี ๆ ผ่านบล็อก หรือวิดีโอด้วย

ศักดิ์ศรีของคนทำงานกำลังถูกท้าทาย

Life Trends 2025 ชี้ว่า ศักดิ์ศรีของคนทำงานในยุคนี้กำลังถูกท้าทายอย่างหนักจากสภาพเศรษฐกิจ เทคโนโลยี ฯลฯ นอกจากนั้น การวิจัยยังพบว่า 52% ของผู้ตอบแบบสอบถามให้ความสำคัญกับ Work-Life Balance อย่างมาก และ 29% เชื่อมั่นในผู้นำองค์กร

อย่างไรก็ดี 49% ของผู้ตอบแบบสอบถามยอมรับว่า ได้ยินคำว่า ต้องปรับปรุงประสิทธิภาพในการทำงานมากกว่าการได้ยินเรื่องการให้คุณค่า หรือการพัฒนาคุณภาพชีวิตแรงงาน

กลับสู่ธรรมชาติ

ความเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมผู้บริโภคที่ Life Trends 2025 พบข้อสุดท้ายคือการกลับไปใช้ชีวิตแบบใกล้ชิดธรรมชาติ หรือสิ่งที่จับต้องได้แทนที่จะเป็นการใช้ชีวิตโดยมีโลกออนไลน์เป็นที่พึ่ง เช่น

  • 48% ใช้เวลานอกบ้าน หรือออกไปใกล้ชิดกับธรรมชาติมากขึ้น
  • 47% เลือกไปแฮงค์เอาท์กับเพื่อน ๆ
  • 47% กลับไปซื้อของในร้านขายของชำ
  • 36% ไปซื้อของจากร้านค้าปลีก
  • 30% อ่านหนังสือหรือแมกกาซีน
  • 62.1% ปฏิเสธการใช้แอปหาคู่ แต่หันมาพบกันในโลกแห่งความเป็นจริงด้วย

นอกจากนั้น ความเปลี่ยนแปลงดังกล่าวยังทำให้สินค้าที่มาพร้อมความเรียบง่ายได้รับความสนใจมากขึ้น เช่น แผ่นเสียงไวนิล หรือการใช้เวลาในการเดินชมร้านขายแผ่นเสียง การเดินชมผลงานศิลปะ

แม้แต่กล้องแบบใช้แล้วทิ้ง การฟังเพลงจากเทปคาสเซ็ทที่ไม่ต้องมาพร้อมฟังก์ชันไฮเทคมากมาย ก็กำลังกลับมาได้รับความนิยมอีกครั้งเช่นกัน

ปรับตัวอย่างไรในยุคที่ Gen AI มาแรงกว่าปรมาณู

ด้านคุณสุนาถ ธนสารอักษร กรรมการผู้จัดการ Accenture Song (ประเทศไทย) ให้ทัศนะถึงการปรับตัวกับการเปลี่ยนแปลงที่กำลังเกิดขึ้นนี้ว่า

“ธุรกิจทุกประเภท ตั้งแต่กิจการระดับล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ ไปจนถึงสตาร์ตอัพ ต่างต้องเผชิญกับความท้าทายและพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป Generative AI คือพลังที่ไม่เคยมีมาก่อน และเป็นหัวใจสำคัญที่ขับเคลื่อนเทคโนโลยีและความคิดสร้างสรรค์”

“เราพบว่าในทุกอุตสาหกรรม ช่องว่างระหว่างธุรกิจกับความต้องการของลูกค้ากำลังขยายกว้างขึ้น ธุรกิจต่างดิ้นรนที่จะตามให้ทันการเปลี่ยนแปลงของลูกค้า และลูกค้าก็รับรู้ได้ จากการศึกษา Life Trends 2024 พบว่ากว่าครึ่งหนึ่งของผู้บริโภคทั่วโลกต้องการให้บริษัทต่าง ๆ ตอบสนองต่อความต้องการและความคาดหวังที่เปลี่ยนแปลงได้เร็วขึ้น”

“ปีที่ผ่านมาจึงเป็นช่วงเวลาอันน่าทึ่งของการทดลองใช้ Generative AI และเราทราบดีว่าบริษัทต่าง ๆ ตระหนักแล้วว่า ต้องเร่งนำเทคโนโลยีนี้มาใช้ ซึ่งก็เห็นผลแล้วว่า ในตอนนี้องค์กรสามารถสร้างการเติบโตที่แตกต่างได้ โดยเปิดรับโอกาสในการยกระดับประสิทธิภาพด้านต่าง ๆ และนำสิ่งเหล่านั้นมาขับเคลื่อนการปฏิรูปประสบการณ์ลูกค้า”

ทั้งนี้ งานวิจัยของ Accenture พบว่า บริษัทที่นำ Generative AI มาใช้ในโครงการหรือกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับลูกค้า จะมีโอกาสในการสร้างรายได้สูงขึ้น 25% ภายใน 5 ปี เมื่อเทียบกับบริษัทที่มุ่งเน้นเพียงแค่ประสิทธิภาพการทำงานเพียงอย่างเดียว

บริษัทเหล่านี้กำลังปรับโครงสร้างห่วงโซ่คุณค่าลูกค้าใหม่ ตั้งแต่กลยุทธ์และผลิตภัณฑ์ ไปจนถึงความคิดสร้างสรรค์และการเล่าเรื่อง การวิเคราะห์ของ Accenture ชี้ให้เห็นว่า บริษัทเหล่านี้มีโอกาสใช้ Generative AI ในการค้นหาความต้องการใหม่ ๆ ของลูกค้าที่ยังไม่ได้รับการตอบสนองมากกว่าเดิมถึง 3.7 เท่า และมีแนวโน้มที่จะเชื่อว่า Generative AI สามารถสร้างนวัตกรรมที่ปฏิวัติวงการการตลาดได้ มากกว่าเดิมถึง 5.6 เท่า ซึ่งรวมถึงการพัฒนาแคมเปญระดับโลกที่ปรับข้อความให้เข้ากับลูกค้าแต่ละราย โดยทำได้อย่างสร้างสรรค์ คุ้มค่า และขยายผลได้จริงด้วย” คุณสุนาถกล่าวปิดท้าย


แชร์ :

You may also like