
โปรเจกต์ล่าสุดของ MI LEARN LAB ภายใต้ MI GROUP จึงเจาะลึกอินไซต์ “ภูธรเอนเตอร์เทน” กับกรณีศึกษา “การตลาดผ่านคอนเสิร์ตหมอลำ” เพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายในท้องถิ่นทั่วไทยกว่า 20 ล้านคน ทั้งผู้ที่อาศัยอยู่ในท้องถิ่นและที่ผู้เดินทางไปทำงานต่างภูมิลำเนา ที่ให้ความสนใจและเกี่ยวข้องกับ Local Culture & Entertainment Activations ในวิถีที่แตกต่างกัน ผ่านประสบการณ์โดยตรงและผ่านช่องทางดิจิทัล โดยเฉพาะภาคอีสานมีตัวเลขสูงถึงกว่า 10 ล้านคน พร้อมการวางแผนกลยุทธ์การตลาดสำหรับแบรนด์ที่ต้องการเชื่อมต่อกับผู้บริโภคในท้องถิ่น
MI LEARN LAB ลงพื้นที่สำรวจกลุ่มตัวอย่างภาคอีสาน 5 จังหวัด คือ อุดรธานี ขอนแก่น ร้อยเอ็ด อุบลราชธานี มหาสารคาม ประชากรอายุ 10-60 ปีขึ้นไป จำนวน 614 คน ช่วงเดือนมีนาคม – พฤษภาคม 2567 เพื่อศึกษาพฤติกรรมการดูคอนเสิร์ตพื้นเมือง (หมอลำ) ของคนท้องถิ่นอีสาน
คุณภวัต เรืองเดชวรชัย ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวว่าหลังวิกฤตโควิด-19 จบลง ปัจจุบันเห็นได้ชัดว่าอุตสาหกรรมความบันเทิงท้องถิ่นกลับมาได้รับความนิยมมากขึ้น โดยเฉพาะเจ้าของคณะหมอลำ ลงทุนอย่างสูงเพื่อปรับปรุง การผลิตโชว์ เครื่องแต่งกาย ไฟ เครื่องเสียง ทำให้ความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ส่งผลถึงปริมาณจำนวนงานจ้างเพิ่มขึ้นประมาณ 40-45% จำนวนผู้ชมเพิ่ม 30% ปริมาณเงินที่ผู้ชมนำไปจับจ่ายในงานเพิ่ม 40-50% (ซื้อสินค้าที่สปอนเซอร์ตั้งบูธจำหน่ายในงาน และอื่นๆ ) และ ค่าบัตรผ่านหรือทำบุญ เพิ่มขึ้น 20-30%
“หมอลำ” ถือเป็นความบันเทิงที่อยู่คู่กับชาวอีสานมายาวนานกว่า 70 ปี คนทุกช่วงอายุรู้จักหมอลำ จากผลการสำรวจของ MI LEARN LAB พบว่า
– 78.8% ของกลุ่มตัวอย่างในภาคอีสานเคยเข้าชมคอนเสิร์ตหมอลำ (ทั้งหน้างานหรือออนไลน์ หรือทั้ง 2 อย่าง)
– การแสดงคอนเสิร์ตหมอลำในภาคอีสาน 1 ปี จัดงาน 332 วัน รวม 2,596 รอบการแสดง โดยจัดทั่วทุกพื้นที่ในภาคอีสาน
– จำนวนผู้เข้าชมเฉลี่ยต่องานอยู่ที่ 2,000 ถึง 6,000 คน
– จำนวน eyeballs ตลอดทั้งปีสูงถึง 8,532,000 คน
เห็นได้ว่าคอนเสิร์ต “หมอลำ” ในภาคอีสานเป็น Cultural Marketing ด้วยประวัติศาสตร์ที่อยู่คู่ชาวอีสานมายาวนาน พัฒนาจากศิลปะการแสดงพื้นบ้านสู่มหาอำนาจด้านความบันเทิงสมัยใหม่ ทั้งในรูปแบบ On ground และ Online ดึงดูดผู้ชมนับล้านคนต่อปี กลายเป็นเครื่องมือสื่อสารการตลาดและการทำกิจกรรมเพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายในท้องถิ่น โดยมีแบรนด์กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค (FMCG) รวมทั้งสินค้าและบริการที่ใช้ในชีวิตประจำวัน เป็นสปอนเซอร์ทำการตลาดผ่านโชว์หมอลำมูลค่า 4,000 ล้านบาทต่อปี

คุณวรินทร์ ทินประภา
อุตสาหกรรมหมอลำมูลค่า 6,000 ล้านบาท
คุณวรินทร์ ทินประภา ประธานเจ้าหน้าที่เพื่อการเติบโตองค์กร MI GROUP สรุปผลสำรวจอินไซต์ “ภูธรเอนเตอร์เทน” ในอุตสาหกรรมหมอลำดังนี้
– ก่อนโควิด (ก.ย.2561- ส.ค.2562) อุตสาหกรรมหมอลำมีมูลค่า 4,705 ล้านบาท (ค่าใช้จ่ายจากการเข้าชมหน้างานและออนไลน์)
– ช่วงโควิด ม.ค.-ธ.ค.2564 อุตสาหกรรมหมอลำมีมูลค่า 793 ล้านบาท
– ประมาณค่าใช้จ่ายในการเข้าชมหมอลำหลังโควิด ก.ย.2566 – ส.ค.2567 มีมูลค่า 5,998 ล้านบาท มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องทั้งการรับชมหน้างานและออนไลน์ที่เข้าถึงได้ทั่วประเทศรวมทั้งต่างประเทศ
– บัตรการเข้าชมหน้างานอยู่ที่ 100-120 บาท และบัตรเข้าชมออนไลน์ ผ่านเฟซบุ๊ก (กลุ่มปิด) ราคา 129 บาท
– กลุ่มแฟนตัวยงมีพฤติกรรมดูคอนเสิร์ตฟหมอลำ 7 ครั้งต่อฤดูการแสดง เดือนก.ย. – มิ.ย. ของทุกปี หรือเฉลี่ยเดือนละ 1 ครั้ง
– ทั้งกลุ่มดูคอนเสิร์ตหมอลำหน้างานและออนไลน์ เป็นแฟนด้อมและแม่ยกสายเปย์ จ่ายพวงมาลัยให้กับศิลปินที่ชื่นชอบ โดยสนับสนุนผ่าน “บ้านแฟนด้อม” ของแต่ละคณะหมอลำ ศิลปินที่ได้รับพวงมาลัยสูงสุดต่อคืน 1 ล้านบาท
10 อันดับวงหมอลำครองใจคนอีสาน
สำหรับวงหมอลำยอดนิยมของภาคอีสานนั้นส่วนใหญ่มีประวัติยาวนานหลายทศวรรษ จัดแสดงตั้งแต่รุ่นยายสู่รุ่นหลาน และมีสมาชิกร่วมวงขนาดใหญ่ โดย 10 อันดับแรก ได้แก่
1. ระเบียบวาทะศิลป์ 91.5%
2. วงประถมบันเทิงศิลป์ 88.7%
3. วงสาวน้อยเพชรบ้านแพง 64.1%
4. วงหมอลำใจเกินร้อย 62%
5. วงเสียงออีสาน 58.1%
6. วงศิลปินภูไท 44%
7. วงเสียงวิหก 44%
8. วงอีสานนครศิลป์ 35%
9. วงคำผุนรวมมิตร 35%
10. วงรัตนศิลป์อินตาไทยราษฎร์ 32%
4 กลุ่มสายเปย์ผู้ชมหมอลำ แฟนคลับตัวยงจ่าย 50,000 บาทต่อครั้ง
ผลวิจัยแบ่งผู้ชมออกเป็น 4 กลุ่มตามลักษณะพฤติกรรมการเสพคอนเสิร์ตหมอลำดังนี้
1. สำหรับกลุ่ม “เซามักบ่ได้” (แฟนคลับตัวยง) สัดส่วน 23%
– ชอบหมอลำ ตัวศิลปินและแดนเซอร์ของวง มีพฤติกรรมมาถึงคอนเสิร์ตก่อนเวลาเริ่ม 2-3 ชั่วโมง เพื่อจองหน้าเวทีให้ใกล้ชิดศิลปิน รวมตัวมาเป็นกลุ่ม
– เป็นกลุ่มสายเปย์ตัวยง ใช้จ่ายสูงกว่ากลุ่มอื่นๆ เดินทางข้ามจังหวัดเพื่อติดตามศิลปิน รวมทั้งให้พวงมาลัย (เงิน) หรือสิ่งของ ค่าใช้จ่ายต่องานสูงถึง 50,000 บาท (ค่าเดินทาง ค่าที่พัก ค่าพวงมาลัยและของฝาก)
– ดูคอนเสิร์ตหมอลำแบบ LIVE ทางออนไลน์ 69.4%
2. กลุ่ม”เป็นตาซังคักๆ” (ผู้ชื่นชอบหมอลำ) สัดส่วน 21%
– ชื่นชอบการแสดงของวงหมอลำ ดูการแสดงเป็นประจำทั้งหน้างานและออนไลน์ ชอบเดินทางไปคอนเสิร์ตก่อนงานเริ่มเสมอ เพื่อจองที่นั่ง
– ค่าใช้จ่ายต่องาน 5,000 บาท (ค่าเดินทางและค่าที่พัก)
– ดูคอนเสิร์ตหมอลำแบบ LIVE ทางออนไลน์ 51.3%
3. กลุ่ม “ซุมมักม่วน” (กลุ่มเน้นสังสรรค์) สัดส่วน 25%
– เป็นกลุ่มที่ชื่นชอบการสังสรรค์กับกลุ่มเพื่อน ชอบบรรยากาศเพลงครึกครื้นในงานหมอลำ ทยอยเข้างานตั้งแต่ชวงคอนเสิร์ตเริ่มจนถึงเที่ยงคืน มักจับกลุ่มอยู่รอบนอก เพื่อหาซื้อของกินและเครื่องดื่มต่างๆ ตลอดงาน
– ค่าใช้จ่ายต่องาน 100-1,000 บาท (ค่าของกินและเครื่องดื่มในงาน)
– ดูคอนเสิร์ตหมอลำแบบ LIVE ทางออนไลน์ 34.2%
4. กลุ่ม “ขอเบิ่งนำแหน่” (ผู้ชมความบันเทิงทั่วไป) สัดส่วน 31%
– อาศัยอยู่ใกล้บบริเวณที่มีคอนเสิร์ตหมอลำ นิยมรับความบันเทิงใกล้บ้าน มาเป็นครอบครัว ใช้เวลาอยู่ในงานไม่นาน
– ค่าใช้จ่ายต่องาน 100 – 500 บาท (ค่าของกินของใช้ในงานหรือตามบูธกิจกรรม)
– ดูคอนเสิร์ตหมอลำแบบ LIVE ทางออนไลน์ 40.6%
จากพฤติกรรมผู้ชมหมอลำทั้ง 4 กลุ่มดังกล่าว พบว่า แฟนคลับตัวยง และกลุ่มผู้ชื่นชอบหมอลำ เป็นโอกาสให้แบรนด์ร่วมมือกับวงหมอลำหรือศิลปินในการออกผลิตภัณฑ์พิเศษสำหรับแฟนๆ เนื่องจากคน 2 กลุ่มนี้มีกำลังจับจ่ายสูง พร้อมจะซื้อสินค้าเกี่ยวกับศิลปินที่ตนชื่นชอบ
ส่วนกลุ่มเน้นสังสรรค์ และกลุ่มผู้ชมความบันเทิงทั่วไป เป็นโอกาสให้แบรนด์สื่อสารชื่อหรือโลโก้ให้เป็นที่จดจำระหว่างกิจกรรม รวมถึงการตกแต่งบูธ หรือ มองหากิจกรรมที่เน้นย้ำการรับรู้เกี่ยวกับแบรนด์และผลิตภัณฑ์ เนื่องจาก 2 กลุ่มนี้ชอบร่วมกิจกรรมกับแบรนด์ภายในงาน
เห็นได้ว่าการแบ่งกลุ่มผู้ชมหมอลำช่วยให้แบรนด์สามารถวางแนวทางแบบเฉพาะเจาะจงเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำตลาด ตั้งแต่การร่วมมือกับศิลปินในการสร้างผลิตภัณฑ์ (Collaboration) ไปจนถึงการจัดกิจกรรมที่สร้างประสบการณ์ในงาน (Customer Experience)
งานวิจัยยังเผยให้เห็นถึงความสำคัญที่เพิ่มขึ้นของแพลตฟอร์มออนไลน์ในอุตสาหกรรมหมอลำในยุคดิจิทัล
– 71% ของแฟนๆ มีส่วนร่วมกับเนื้อหาหมอลำออนไลน์ รวมถึงการถ่ายทอดสดและวิดีโอสั้น
– 68% ติดตามศิลปินหรือวงที่ชื่นชอบบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย
– แพลตฟอร์มยอดนิยมในการรับชมหมอลำได้แก่ อันดับ 1 Facebook 75% ตามด้วย YouTube 47% และ TikTok 35%
นอกจากนี้ยังพบว่ามีการชมคอนเสิร์ตแบบ LIVE ผ่านช่องทางออนไลน์ มากที่สุดคือกลุ่มที่รับชม 1-2 ชั่วโมง คิดเป็น 34% รองลงมาคือรอดูเฉพาะช่วงศิลปินที่ชอบขึ้นโชว์ 22% และอันดับ 3 คือ ดูแซ่บตั้งแต่เริ่มจนจบงาน 21%
การชมคอนเสิร์ตหมอลำในยุคดิจิทัลจึงเปิดโอกาสใหม่ๆ ให้แบรนด์ขยายการเข้าถึงและการมีส่วนร่วมนอกเหนือจากเฉพาะช่วงจัดงานอิเวนต์

คุณเครือมาส สุริยา
กลยุทธ์ “ภูธรเอนเตอร์เทน” มัดใจผู้บริโภค
คุณเครือมาส สุริยา ผู้อำนวยการกลุ่มธุรกิจเพื่อส่งเสริมการมีส่วนร่วมทางการตลาด (ทีมฟิวซ์) กล่าวว่ากลยุทธ์ “ภูธรเอนเตอร์เทน” การตลาดแบบ Cultural Marketing ที่ครบลูป โดยใช้ประโยชน์จากลักษณะเฉพาะของคอนเสิร์ตหมอลำ สรุปได้ดังนี้
1. การจดจำแบรนด์ (Awareness) : 68.7% ของผู้เข้าชมสามารถจดจำผู้สนับสนุนงานได้ ดังนั้นการติดตั้งป้าย Static การเอ่ยชื่อแบรนด์ในวิทยุชุมชน รถแห่ ปากต่อปาก ป้ายกล่องไฟ หรือ Digital Screen จึงเป็นสิ่งสำคัญ
2. การมีส่วนร่วม (Engagement) : 31.3% เข้าร่วมกิจกรรมของแบรนด์ระหว่างงาน เช่นกิจกรรมแจกทอง เปิดเพลง Tie-in สินค้า
3. สร้างโอกาสในการขาย (Sale) : 12.6% ซื้อสินค้าของแบรนด์จากบูธในงาน เพราะฉะนั้นแบรนด์ควรจัดบูธกิจกรรม ร่วมกับการขายสินค้าที่เหมาะกับบรรยากาศงาน
4. การขยายการเข้าถึง (Opportunity Expansion) : 54.7% เคยรับชมคอนเสิร์ตหมอลำผ่านการถ่ายทอดสดออนไลน์ ชี้ให้เห็นว่า โอกาสการเข้าถึงไม่เพียงเกิดขึ้น ณ ลานจัดงานเท่านั้น แต่แบรนด์สามารถสร้างการจดจำผ่านการรับชมออนไลน์ได้อีกด้วย
หนึ่งในโอกาสสำคัญที่พบจากการศึกษาครั้งนี้ คือการเติบโตอย่างรวดเร็วของอินฟลูเอนเซอร์ท้องถิ่น (Local Influencer) ไม่ว่าจะเป็นศิลปินหมอลำ นักเต้น หรือทีมงาน พวกเขากำลังกลายเป็นผู้สร้างคอนเทนต์ที่มีพลัง โดยมีฐานแฟนคลับที่เหนียวแน่นทั้งจากการเข้าร่วมคอนเสิร์ตและการติดตามผ่านช่องทางออนไลน์ ความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งระหว่างวงหมอลำและผู้ชม ทำให้แบรนด์ควรให้ความสำคัญกับการสร้างสายสัมพันธ์ที่จริงใจ การสนับสนุนในรูปแบบ Partnership จะช่วยต่อยอดสู่การสร้างความสัมพันธ์ที่แท้จริงกับผู้บริโภคชาวอีสาน
“หมอลำ” ไม่ใช่แค่ความบันเทิง แต่คือชีวิตของคนอีสาน เป็นสิ่งเชื่อมโยงความรู้สึก ความเชื่อ วัฒนธรรม ของคนอีสานทุกเจน การที่แบรนด์จะ “เข้า-ถึง-ใจ” คนอีสานในยุคดิจิทัลผ่านคอนเสิร์ตหมอลำ รูปแบบการสื่อสารต้อง “เข้าใจง่าย จริงใจ ตรงไปตรงมา” เข้าไปเป็นพวกเดียวกัน ทั้งบนออนไลน์ ออฟไลน์ ต่อยอดพลังแฟนด้อมรวมถึงการใช้ Local Influencers เป็นสื่อกลางพูดแทนแบรนด์ จะได้เนื้อหาที่ Customized ตอบโจทย์แบรนด์และถูกจริตคนท้องถิ่น “เข้าถึง” คนอีสาน และใช้ความสนุกสนาน เป็นตัวเชื่อมในการสร้างประสบการณ์ร่วมกับแบรนด์ เพื่อให้แฟนด้อมหมอลำกลายเป็น “กลุ่มฮักของแบรนด์”
ติดตามพวกเราได้ที่ LINE








