HomeBrand Move !!กางแผน เอเชียติคฯ ผ่านกลยุทธ์ Collaboration ชู “อัมพวา” แบรนด์เรือธงสร้างการรับรู้มากกว่าน้ำกะทิ

กางแผน เอเชียติคฯ ผ่านกลยุทธ์ Collaboration ชู “อัมพวา” แบรนด์เรือธงสร้างการรับรู้มากกว่าน้ำกะทิ

แชร์ :

หากพูดถึงผลิตภัณฑ์จาก “มะพร้าว” คนไทย อาจจะคุ้นเคยกับของสด ที่มีทั้ง “น้ำมะพร้าว” และ “น้ำกะทิ” เป็นสินค้าสำคัญของประเทศ และยังสร้างชื่อในการส่งออกเป็นอันดับต้นๆของโลก

ADFEST 2024

Santos Or Jaune

“อัมพวา” ภายใต้การดำเนินงานของ บริษัท เอเชียติค อุตสาหกรรม จำกัด คือหนึ่งในผู้บุกเบิกตลาดมะพร้าวของไทยในต่างแดนให้เป็นที่รู้จักตั้งแต่ “กะทิอัมพวา” ไปจนถึงน้ำมะพร้าวพร้อมดื่มแบรนด์ “โคโคแม็ก” ที่หลายคนรู้จักดีในฐานะแบรนด์อันดับ 1 อย่างต่อเนื่องมา 8 ปี  ด้วยส่วนแบ่งการตลาดเชิงมูลค่ากว่า 52%  ทำให้ปัจจุบัน “เอเชียติค อุตสาหกรรม” กลายมาเป็นผู้ผลิตแปรรูป และส่งออกผลิตภัณฑ์จากมะพร้าวรายใหญ่ 1 ใน 3 ของประเทศไทย

คุณณัฐพล วิสุทธิไกรสีห์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอเชียติค อุตสาหกรรม จำกัด กล่าวว่า ปัจจุบันตลาดส่งออกมะพร้าวของไทยถือว่ามีความท้าทายเป็นอย่างมากจากราคาที่ค่อนข้างผันผวน โดยเฉพาะช่วงที่ผ่านมาที่ราคามะพร้าวของไทยค่อนข้างมีราคาแพง ทำให้กลายเป็นอีกหนึ่งอุปสรรคของการส่งออก ทำให้นับจากนี้จำเป็นต้องมีการบริหารจัดการและปรับยุทธศาสตร์ให้ดีเพื่อรองรับปัจจัยลบดังกล่าว 

แม้ตลาดส่งออกผลิตภัณฑ์จากมะพร้าวโลกจะมีความท้าทาย ทว่าจากการปรับแผนงานและบริหารจัดการด้านผลิตภัณฑ์ บริหารความเสี่ยงทำให้ปีที่ผ่านมา เอเชียติคฯ ยังคงปิดรายได้ตามแผนงานที่วางไว้ที่ 4,000 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้ที่มาจากต่างประเทศ 60% และในประเทศ 40% โดย 80% เป็นรายได้ที่มาจากแบรนด์ “กะทิอัมพวา” เป็นหลัก

 

คุณณัฐพล วิสุทธิไกรสีห์

 

กางแผน เอเชียติคฯ สู่ผู้เล่นเบอร์ 2 สุดแกร่งในตลาดกะทิเมืองไทย 

ขณะที่ในปี 2567 นี้  “เอเซียติค อุตสาหกรรมการเกษตร”  ยังคงเดินหน้าตามแผนงานที่วางไว้อย่างต่อเนื่อง เพื่อบรรลุเป้าหมาย 5 ปี (2565-2569) สู่รายได้ 10,000 ล้านบาท  ภายใต้วิสัยทัศน์ Sharing Coconut Culture With The World ถ่ายทอดและแบ่งปันวัฒนธรรมจากมะพร้าวไปสู่ทั่วโลก โดยในสิ้นปีนี้จะต้องมีรายได้ 4,500 ล้านบาท จากปีที่ผ่านมามีรายได้ 4,000 ล้านบาท

หนึ่งในส่วนสำคัญของการเติบโตคือแบรนด์ “กะทิอัมพวา” หลังปีที่ผ่านมาสามารถทำรายได้ไปแล้วกว่า 500 ล้านบาท  พร้อมๆกับก้าวขึ้นมาครองส่วนแบ่งเป็นเบอร์ 2 ในตลาดน้ำกะทิเมืองไทยด้วยมาร์เก็ตแชร์ 17-18% ได้เป็นผลสำเร็จ  จากเดิมที่แบรนด์อัมพวาเป็นผู้เล่นเบอร์ 3 ในตลาดน้ำกะทิเมืองไทยมาโดยตลอด โดยปัจจุบันตลาดกะทิเมืองไทยมีมูลค่ารวมอยู่ที่ 3,300 ล้านบาท (เฉพาะช่องทาง MT ) ประกอบด้วยผู้เล่นหลัก 4-5 แบรนด์ โดยคาดการณ์ว่าในปีนี้ตลาดรวมจะเติบโตแบบดับเบิ้ลดิจิตหรือเป็นตัวเลขสองหลัก 

 

 

จากนี้ไปจึงจะเน้นการเป็นเบอร์ 2 ที่แข็งแกร่งผ่านกลยุทธ์ทางการตลาดอย่างรอบด้าน ตั้งแต่การเดินหน้ากิจกรรมการตลาด การออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ และที่สำคัญคือการนำกลยุทธ์ Collaboration มาใช้ในการสร้างการรับรู้แบรนด์ว่า “อัมพวา” ให้เป็นมากกว่าน้ำกะทิ หากแต่คือการต่อยอดไปยังกลุ่มผลิตฑ์ใหม่ๆ ทั้งอาหารและเครื่องดื่ม

ขณะที่ตลาดกะทิในไทย เน้นแข่งของสดในระดับหนึ่งทำให้ “กะทิ” ถือเป็นกลุ่มสินค้า-วัตถุดิบในการทำขนม อาหาร ที่เน้นจำหน่ายในช่องทางตลาดสดเป็นหลัก เช่นเดียวกับ “อัมพวา” ที่มีช่องทางจำหน่ายในตลาดสดเป็นหลักกว่า 60-70% ทำให้ในปีนี้บริษัทโฟกัสช่องทางดังกล่าวมากขึ้น

 

“เราก้าวขึ้นมาเป็นเบอร์ 2 จากแพ็คเกจจิ้งที่ออกแบบได้ง่าย แบบขวด PET เน้นความสะดวกในการใช้งาน สามารถเปิดใช้และปิดฝาเก็บไว้ใช้ได้ในโอกาสถัดไป ซึ่งมีความสะดวกมากกว่าแบบกล่อง” คุณณัฐพลกล่าว

 

“ช่องทางจำหน่าย” คืออีกหนึ่งหัวใจสำคัญในการผลักดันการเติบโตของแบรนด์ “อัมพวา” ให้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้  ผ่านกิจกรรมการตลาดอย่างครบวงจร นอกจากนี้ยังได้ใช้งบประมาณกว่า 800 ล้านบาท ลงทุนขยายไลน์การผลิตใหม่ ที่โรงงานในจังหวัดสมุทรสงคราม และเริ่มดำเนินการเมื่อปลายปีที่ผ่านมา เพื่อรองรับตลาด และดีมานด์จากทั่วโลกที่จะเติบโตขึ้น ซึ่งสามารถเพิ่มกำลังการผลิต 2 เท่า หรือเพิ่มเป็น 4,500 ตู้คอนเทนเนอร์ต่อปี

 

ต่อยอด Plant-Based รับดีมานด์ตลาดโลก

ด้านกิจกรรมหลักในการส่งมอบประสบการณ์ใหม่ คือการจุดประกายไอเดียและเปิดมุมมองใหม่ๆ แก่ผู้บริโภคทั้งกลุ่ม B2C และ B2B ภายในงาน THAIFEX – ANUGA ASIA 2024 เป็นโอกาสพิเศษที่จะได้พบกับคู่ค้าทางธุรกิจที่เดินทางมาจากทั่วโลก โดยเตรียมเปิดตัวสินค้า Plant-Based ตอบโจทย์กลุ่มคนรักสุขภาพที่ขยายตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังได้มีการนำร่องทำตลาดตั้งแต่ปีที่ผ่านมา เพื่อศึกษาและทำตลาดในการ Educate ลูกค้า

สำหรับกลุ่มสินค้า Plant-Based ที่จะมีการเปิดตัวในปีนี้ ประกอบไปด้วย

-แบรนด์ “โคโค่มิกซ์” (Cocomix) ผลิตภัณฑ์เพื่อกลุ่มบาริสต้าและร้านอาหาร ที่มีทั้ง Coconut Creamer (ครีมเมอร์มะพร้าว), Coconut Whipping Cream (วิปปิ้งครีมมะพร้าว), Sweetened Condensed Coconut Milk (มะพร้าวข้นหวาน) และ Coconut Butter (เนยมะพร้าว) ชูจุดขายปราศจากสารก่อภูมิแพ้ ปราศจากคอเรสเตอรอล ไม่มีแลคโตส รวมทั้งน้ำมะพร้าวแท้ 100% 

-แบรนด์ “โคโค่แม็ก” (Cocomax) ได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มีความหลากหลายและสนุกมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น Cocomax Water Sparkling (น้ำมะพร้าวผสมสปาร์คกิ้ง), Coconut Shake (โคโค่นัท เชค – น้ำมะพร้าวผสมน้ำมะพร้าวปั่น) และ Coconut Water with Pandan (น้ำมะพร้าวผสมใบเตย)

“คนจำนวนมากเลี่ยงการบริโภคนมวัว และต้องการสินค้าทดแทน จึงเป็นโอกาสหนึ่งของตลาดนำ้มะพร้าวที่สามารถนำมาทดแทนได้หลายส่วน จึงทำมะพร้าวมีโอกาสโตระดับโลก” คุณณัฐพลกล่าว

 

 

เปิดกลยุทธ์ Collaboration เปิดตัว “อาหาร-เครื่องดื่ม” การสร้างแบรนด์ที่มากกว่าความเป็นกะทิ 

อีกหนึ่งไฮไลท์ของกลยุทธ์หลักในปี 2567 คือการร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ 2 ร้านดังในกลุ่มธุรกิจโฮเรก้า ‘กะทิอัมพวา x ร้านอัมพวา ไทย คิทเช่น (Amphawa Thai Kitchen)’ ร้านอาหารไทยวิถีพื้นบ้านของชาวสวนอัมพวา ภายใต้คอนเซปต์ Modern Samrub หรือสำรับไทย สำหรับคนรุ่นใหม่ และ ‘น้ำมะพร้าวโคโค่แม็ก x เยนลี่ยัวส์ (Yenly Yours)’ คาเฟ่มะม่วงอันดับ 1 ที่ชูวิสัยทัศน์ช่วยเกษตรกรไทย ด้วยวัตถุดิบไทย ร่วมกันแปลงโฉมวัตถุดิบพื้นบ้านที่มาจากแหล่งปลูกมะพร้าวที่มีรสชาติดีที่สุดในโลก สู่อาหารไทย และขนมหวานสไตล์โมเดิร์น ต่อยอดไอเดียผลิตภัณฑ์ ขยายฐานแฟนแบรนด์ พร้อมสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์

โดยเมนูที่รังสรรค์ขึ้นระหว่าง ‘กะทิอัมพวา x ร้านอัมพวา ไทย คิทเช่น (Amphawa Thai Kitchen)’ ประกอบไปด้วย ‘ปลาทูต้มกะทิ และข้าวเหนียวมูนลำไย’ โดยจะวางจำหน่ายที่ร้านอัมพวา ทั้ง 3 สาขา The Mall Lifestore บางกะปิ ชั้น 3 The Mall Lifestore บางแค ชั้น 2 และ The Mall Lifestore งามวงศ์วาน ชั้น 5 สามารถลิ้มรสความอร่อยจากสำรับอาหารไทยโมเดิร์นสไตล์อัมพวาได้แล้ววันนี้”

ในส่วนของการจับมือกับแบรนด์ เยนลี่ยัวส์ ในการรังสรรค์เมนูสุดพิเศษระหว่าง ‘น้ำมะพร้าวโคโค่แม็ก x เยนลี่ยัวส์ (Yenly Yours)’ จนออกมาเป็น ‘มะม่วงทองปั่นครีมกะทิสดมะพร้าวอ่อน’ ด้วยส่วนผสมที่ลงตัวของมะม่วงทองและครีมกะทิ ที่พร้อมจะสร้างความสดชื่น หอมหวานสุดขีด เต็มแมกซ์ด้วยส่วนผสมจากนํ้ามะพร้าวโคโค่แม็ก สามารถลิ้มลองความอร่อยได้ที่ร้านเยนลี่ยัวส์ (Yenly Yours) ณ ห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั้ง 19 สาขา

ติดตามพวกเราได้ที่ LINE


แชร์ :

You may also like