ข้อมูลจากศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดการณ์ว่าธุรกิจร้านอาหาร ปี 2566 มีมูลค่า 4.8 แสนล้านบาท เติบโต 13.2% สูงกว่าปี 2562 ช่วงก่อนเกิดโควิด-19 ที่มีมูลค่า 4.31 แสนล้านบาท ปัจจัยที่มูลค่าเพิ่มขึ้นส่วนหนึ่งมาจากการขึ้นราคาอาหาร ตามต้นทุนวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้น
“ร้านอาหารญี่ปุ่น” ได้รับความนิยมไปทั่วโลก ในปี 2566 มีร้านอาหารญี่ปุ่นในต่างประเทศ 187,000 ร้าน เพิ่มขึ้น 20% เทียบปี 2564
ท็อป 10 ประเทศที่มีร้านอาหารญี่ปุ่นมากที่สุด 1. จีน 78,760 ร้าน 2. สหรัฐฯ 26,040 ร้าน 3. เกาหลีใต้ 18,210 ร้าน 4. ไต้หวัน 7,440 ร้าน 5. เม็กซิโก 7,120 ร้าน 6. ไทย 5,751 ร้าน 7. ฝรั่งเศส 4,680 ร้าน 8. แคนาดา 2,610 ร้าน 9. อิตาลี 2,460 ร้าน 10. ออสเตรเลีย 2,000 ร้าน
“ไทย” เป็นหนึ่งในประเทศที่มีจำนวนร้านอาหารญี่ปุ่นมากที่สุดติดอันดับ 6 ของโลกและยังมีแนวโน้มเติบโตได้อีก จากความนิยมอาหารญี่ปุ่นที่มีหลากหลายประเภทของคนไทย ยังมีเชนร้านอาหารญี่ปุ่นสนใจเข้ามาเปิดสาขาในไทยต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นอาหารประเภท ราเมง เทมปุระ หรือภัตตาคารที่เสิร์ฟอาหารหลากหลาย โดยมีทั้งนักลงทุนไทยและชาวญี่ปุ่นที่เห็นโอกาสการเติบโตธุรกิจร้านอาหารในไทย
“เจโทร” สรุปธุรกิจร้านอาหารญี่ปุ่นในไทย ปี 2566 เพิ่มขึ้น 8%
องค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น (เจโทร) กรุงเทพฯ สรุปผลสำรวจร้านอาหารญี่ปุ่นในประเทศไทย ปี 2566 ซึ่งสำรวจร้านอาหารญี่ปุ่น ระหว่างวันที่ 15 สิงหาคม – 31 ตุลาคม 2566 และสัมภาษณ์ 18 บริษัท ระหว่างวันที่ 1 พฤศจิกายน – 28 ธันวาคม 2567 สรุปดังนี้
1. ร้านอาหารญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น 8% ในกรุงเทพฯ มากสุด
– ปี 2566 ร้านอาหารญี่ปุ่นในประเทศไทยมีจำนวน 5,751 ร้าน เพิ่มขึ้น 426 ร้าน หรือ 8% เมื่อเทียบปี 2565
– จำนวนสาขาร้านอาหารญี่ปุ่นที่มีสาขาเดียว มีจำนวน 2,191 ร้าน เพิ่มขึ้น 12.5% ขณะที่จำนวนแบรนด์ร้านอาหารญี่ปุ่นที่มีหลายสาขาก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน
– ท็อป 5 จังหวัดในประเทศไทยที่มีร้านอาหารญี่ปุ่นมากสุดในปี 2566 คือ 1. กรุงเทพฯ 2,602 ร้าน 2. ชลบุรี 358 ร้าน 3. นนทบุรี 355 ร้าน 4. เชียงใหม่ 257 ร้าน และ 5. สมุทรปราการ 184 ร้าน
– ร้านอาหารญี่ปุ่นในไทยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทั่วประเทศ โดยเฉพาะปริมณฑลและเมืองใหญ่ในต่างจังหวัด ปี 2566 พบว่า “นครราชสีมา” มีจำนวนร้านโดยรวมเพิ่มขึ้นเกิน 100 ร้าน ส่วน อุบลราชธานีและอุดรธานีมีจำนวนร้านโดยรวมเพิ่มขึ้นเกิน 50 ร้าน
– ตั้งแต่ปี 2563 มีร้านอาหารญี่ปุ่นเปิดให้บริการอยู่ในทุกจังหวัดของประเทศไทย
2. ร้านซูชิสาขามากสุด
– ร้านซูชิ เป็นประเภทร้านอาหารญี่ปุ่นที่มีจำนวนร้านมากที่สุด รวม 1,431 ร้าน แต่ในปี 2566 ลดลง 4.1% เหลือ 1,372 ร้าน หากดูรายพื้นที่พบว่ากรุงเทพฯ ยังมีร้านซูชิเปิดเพิ่ม 4.3% ส่วน 5 จังหวัดปริมณฑล ลดลง 13.3% และต่างจังหวัดอื่นๆ ลดลง 6.2%
– ส่วนร้านประเภท ราเมง เพิ่มขึ้น 21.3% , สุกี้/ชาบู เพิ่มขึ้น 17.4%, Izakaya เพิ่มขึ้น 18.4% , Yakiniku/BBQ เพิ่มขึ้น 22.3%
ผู้ประกอบการร้านอาหารญี่ปุ่นวิเคราะห์สถานการณ์ ปี 2566 พบว่ามีการแข่งขันระหว่างร้านอาหารญี่ปุ่นด้วยกันเองและร้านอาหารประเภทอื่นๆ มีความรุนแรงมากขึ้น อีกทั้งต้นทุนวัตถุดิบอาหารและค่าแรงปรับตัวสูงขึ้น
ก่อนหน้านี้ร้านซูชิ ขยายสาขาอย่างรวดเร็วในช่วงหลายปีที่ผ่านมา จนเป็นประเภทร้านอาหารญี่ปุ่นที่มีสาขามากสุด ในปี 2566 ร้านซูชิมีจำนวน “ลดลง” สาเหตุก็มาจากการแข่งขันรุนแรง อีกทั้งเป็นร้านอาหารที่ต้องใช้วัตถุดิบสดใหม่ ทำให้เกิดการสูญเสียหากไม่สามารถขายได้ จึงเป็นร้านอาหารที่มีต้นทุนสูง
ขณะที่ร้านราเมง, สุกี้ยากี้ ชาบู, ร้าน Izakaya และร้านเนื้อย่าง เป็นประเภทร้านอาหารที่ตลาดต้องการ ทำให้มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในปี 2566
3. ราคาอาหารเฉลี่ยต่อหัว
อันดับ 1 ราคาเฉลี่ยต่อหัว 101-250 บาท มีจำนวน 2,040 ร้าน
อันดับ 2 ราคาเฉลี่ยต่อหัว 251-500 บาท มีจำนวน 1,333 ร้าน
อันดับ 3 ราคาเฉลี่ยต่อหัว ต่ำกว่า 100 บาท มีจำนวน 691 ร้าน
อันดับ 4 ราคาเฉลี่ยต่อหัว 501-1,000 บาท มีจำนวน 690 ร้าน
บทสรุปธุรกิจร้านอาหารญี่ปุ่น ปี 2566 พบว่าทั้งจำนวนลูกค้าและยอดขายฟื้นตัวกลับมาแล้ว 80-90% เมื่อเทียบกับช่วงก่อนโควิด-19 ร้านอาหารญี่ปุ่นในประเทศไทยยังคงได้รับความนิยมต่อทั้งชาวไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติ ปัจจุบันมีร้านอาหารญี่ปุ่นอยู่ในทุกจังหวัดของประเทศไทย ในอนาคตจะมีร้านอาหารญี่ปุ่นหลากหลายรูปแบบมากขึ้น
ติดตามพวกเราได้ที่ LINE
อ่านเพิ่มเติม