Homeonline dating funny5 ปี “ไอคอนสยาม” ปลุก Soft Power ไทยสู่เวิลด์คลาสอีเวนต์ระดับโลก พร้อมลุยรีโนเวตศูนย์ฯ เพิ่มแบรนด์ดัง สร้างเมืองเศรษฐกิจใหม่ย่านผั่งธนฯ

5 ปี “ไอคอนสยาม” ปลุก Soft Power ไทยสู่เวิลด์คลาสอีเวนต์ระดับโลก พร้อมลุยรีโนเวตศูนย์ฯ เพิ่มแบรนด์ดัง สร้างเมืองเศรษฐกิจใหม่ย่านผั่งธนฯ


ICONSIAM3

 

ADFEST 2024

Santos Or Jaune

“ไอคอนสยาม” บิ๊กโปรเจกต์จาก “สยามพิวรรธน์” ที่เดินหน้าสร้างปรากฏการณ์มากมายตลอด 5 ปีที่ผ่านมา อีกทั้งยังสร้างการเติบโตให้ชุมชนโดยรอบ ที่ไม่ใช่แค่การ “สร้างช้อปปิ้งเซ็นเตอร์ แต่คือการสร้างเมืองและความเจริญในฝั่งธนฯ”  ที่เชื่อมเอาเศรษฐกิจริมแม่นำ้เจ้าพระยา ชุมชน สังคม และผู้ประกอบการให้เติบโตเคียงคู่กันไป

โดยตลอดช่วงที่ผ่านไอคอนสยามสามารถดึงดูดเงินลงทุนจากต่างชาติได้มากกว่า 5,000 ล้านบาทจ้างงานมากกว่า 300,000 อัตรา มีการส่งเสริม SME มากกว่า 1.27 หมื่นรายในสุขสยาม รวมถึงแบรนด์ไทยอีก 840 ราย บนพื้นที่ “ไอคอนคราฟต์”และยังเพิ่มมูลค่าของที่ดินบริเวณถนนเจริญนครและใกล้เคียงพุ่งทะลุ 6.4 แสนบาทต่อตารางวา จากเดิมมีมูลค่าอยู่ที่ 1.5 แสนบาทต่อตารางวา การันตีความสำเร็จด้วยรางวัลกว่า 25 รางวัลในระดับโลก

จากแลนด์มาร์กสำหรับ “นักท่องเที่ยว” สู่เมืองเศรษฐกิจย่านฝั่งธนฯที่รองรับทั้งไทย-ต่างชาติ

ย้อนไปจุดเร่ิมของ “สยามพิวรรธน์” มีการเติบโตมาจากฝั่งกรุงเทพชั้นใน (สยาม) เมื่อกว่า 66 ปี  มีอสังหาริมทรัพย์และอาณาจักรศูนย์การค้าใจกลางสยามที่เป็นที่รู้จักกันดีอย่าง “สยามเซ็นเตอร์-สยามดิสคัฟเวอรี่-สยามพารากอน” ที่เป็นแลนด์มาร์กในกลางเมืองมานาน

วันนี้ “สยามพิวรรรธน์” มีอีกหนึ่งแลนด์มาร์ค “ไอคอนสยาม” เป็นเดสติเนชั่น แห่งใหม่ย่านฝั่งธนที่สามารถสร้างการเติบโตตลอดช่วง 5 ปีที่ผ่านมา โดยครึ่งปีแรกที่ผ่านมาไอคอนสยามมียอดขายเติบโต 25% หรือราว 3,000 ล้านบาท ขณะที่ทราฟฟิกเติบโตเพิ่มกว่า 70% หรือมีปัจจุบันทราฟฟิกวันละ 1 แสนคนในช่วงวันธรรมดา และเสาร์-อาทิต์ 1.2-1.4 แสนคนต่อวัน นั่นคือความสำเร็จตลอด 5 ปีที่ผ่านมา ของไอคอนสยามในฐานะผู้บุกเบิกแลนด์มาร์กแห่ง (เมือง)ใหม่ ย่านฝั่งธนฯ

คุณสุพจน์  ชัยวัฒน์ศิริกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไอคอนสยาม จำกัด กล่าวถึงวิชั่นในการทำงานของไอคอนสยามว่า “เราไม่ใช้ช้อปปิ้งเซ็นเตอร์ แต่เราสร้างเมืองและความเจริญในฝั่งธนฯ ซึ่งการทำงานของเราทั้งหมดในไอคอนสยามจะต้องสามารถสร้างการเติบโตของเศรษฐกิจ ชุนชน ริมน้ำเจ้าพระยาและบริเวณโดยรอบให้เติบโตและอยู่ร่วมกัน ส่งเสริมซึ่งกันและกันได้  จนกลายเป็นจุดหมายปลายทางเบอร์ต้นที่นักท่องเที่ยวจะมาเยือนหากมาประเทศไทย”

แม้ในช่วงแรกเริ่ม “ไอคอนสยาม” จะโฟกัสไปที่การสร้างเมืองใหม่ในย่านฝั่งธนฯ เพื่อรองรับกลุ่มนักท่องเที่ยวและลูกค้าในระดับบีบวกเป็นหลัก และด้วยทำเลริมแม่น้ำเจ้าพระยาบวกกับการดีไซน์พื้นที่ภายในทำให้ในอดีตตอบโจทย์นักท่องเที่ยวสูง  แต่หลังจากประสบปัญหาการระบาดของโควิด ที่นักท่องเที่ยวหายไป บวกกับความไม่แน่นอนต่างๆทำให้เริ่มปรับโพซิชั่นนิ่งในการรองรับคนไทยมากขึ้น

 

คุณสุพจน์  ชัยวัฒน์ศิริกุล

คุณสุพจน์  ชัยวัฒน์ศิริกุล

 

ทำให้ในปี 2565 ที่ผ่านมาหลังโควิดเริ่มซาลง ไอคอนสยามเริ่มมีการปรับแผนงานเพื่อรองรับลูกค้าในประเทศมากขึ้น ด้วยการทำโปรโมชั่นแคมเปญ อีเวนต์มากขึ้น  ทำให้สามารถเจาะกลุ่มครอบครัวชาวไทยเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ปัจจุบันสัดส่วนลูกค้าชาวไทย 60% ต่างชาติ 40% แต่ช่วง 2 เดือนนับจากนี้ (พ.ย.-ธ.ค.66) หลังจากการจัดอีเวนต์อย่างต่อเนื่อง คาดการณ์ว่าจำนวนลูกค้าทั้งชาวไทยและต่างชาติจะอยู่ที่ 50 : 50

ก้าวต่อไปสู่ปีที่ 6 ของไอคอนสยาม  “คุณสุพจน์  ชัยวัฒน์ศิริกุล”  กล่าวว่า เพื่อต่อยอดการเป็นจุดหมายปลายทางระดับโลก ไอคอนสยามได้วางกลยุทธ์ที่จะร่วมมือกับพันธมิตรจากทั่วโลกในการจัดกิจกรรม World Class Event ภายในศูนย์การค้าตลอดทั้งปี  โดยหนึ่งในการผลักดันที่ต้องไปต่อเนื่องคือเรื่องของ Soft Power ที่จะกระตุ้นการท่องเที่ยวโดยภาพรวม ที่ยังคงดำเนินแผนงานภายใต้ความเป็น Global Destination ในการสร้างหมุดหมายที่แข็งแกร่งให้เติบโตในทุกแง่มุม สู่สายตาชาวโลก  โดยมีเป้าหมายที่ไม่ใช่แค่เพื่อสร้างการเติบโตทางธุรกิจ แต่คือการเติบโตทั้งหมดของฝั่งธุรกิจริมแม่น้ำเข้าพระยา ทำให้มีการพัฒนาเมืองในฝั่งธนฯ เพิ่มมากขึ้น

ไม่ว่าจะเป็นการร่วมมือระดับโลกในการเปิดตัวแคมเปญต่างๆ และยังเชิดชูความเป็นไทยสู่สายตาชาวโลก พร้อมยกระดับงานเทศกาลและประเพณีไทยที่สำคัญให้กลายเป็นกิจกรรมระดับโลก เช่น งานลอยกระทง ประเพณีงานสงกรานต์ การละเล่นว่าวไทย เป็นต้น ภายใต้กลยุทธ์ Collaborate to Win ทำให้ไอคอนสยามประสบความสำเร็จ ได้รับการยอมรับเป็นจุดหมายปลายทางระดับโลก ส่งผลให้ธุรกิจของคู่ค้าพันธมิตรภายในศูนย์การค้าเติบโตได้ดีไปพร้อมกัน

 

“ความสำเร็จของ World Class Event เป็นหนึ่งในคีย์สำคัญที่ผลักดันให้ไอคอนสยามกลายเป็นจุดสนใจคือ ไม่ว่าจะเป็นการดึง “ไอดอล” คนดังจากต่างประเทศเข้ามาร่วมงานอีเวนต์ต่างๆ ที่สามารถสร้างให้ไอคอนสยามเป็นที่รู้จัก ไปจนถึงการถ่ายทำซีรีส์ ภาพยนตร์ เรียลลิตี้ต่างๆ จากต่างประเทศที่มีมากกว่า 50-60 รายการต่อปี ทำให้เรากลายเป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์กที่ทั่วโลกต้องการมาเยือน”

 

ทุ่ม 500 ล้านบาท จัดใหญ่ฉลอง 5 ปี “ไอคอนสยาม” ปรากฏการณ์เวิลด์คลาสอีเวนต์ระดับโลก

นอกจากนี้ในโอกาสครบรอบ 5 ปี “ไอคอนสยาม” ยังได้จับมือกับ 4 พันธมิตรยักษ์ใหญ่อย่าง ธนาคารกสิกรไทย, บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด, บริษัท ดิ ไอคอนสยาม ซูเปอร์ลักซ์ เรสซิเดนซ์ คอร์ปอร์เรชั่น จำกัด และ บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด ภายใต้งบประมาณกว่า 500 ล้านบาท เฉลิมฉลองตลอดช่วง 5 เดือนนับจากนี้ จัดงานฉลอง “ICONSIAM – The 5th Anniversary of The ICON Unrivaled” เนรมิตพื้นที่งดงามที่สุดริมแม่น้ำเจ้าพระยา รังสรรค์การแสดงแสงสีเสียงอย่างยิ่งใหญ่

ภายใต้แนวคิดนำ “สิ่งที่ดีที่สุดของไทยบรรจบกับสิ่งที่ดีที่สุดของโลก” The Best of Thailand Meets The Best of The World สุดยิ่งใหญ่ตลอด 3 วันเต็ม ตั้งแต่วันที่ 9 -11 พฤศจิกายนนี้ ณ ริเวอร์ พาร์ค ไอคอนสยาม พร้อมแคมเปญโปรโมชั่นแรงเพื่อขอบคุณลูกค้าลากยาวไปจนถึงสิ้นปี ทั้งโปรโมชั่น กิจกรรมบันเทิง ที่ผสมผสานเอา Soft Power ไทยเข้าไปในงาน

 

ICONSIAM

 

นอกจากนี้ยังยกกองทัพนักแสดงและศิลปินต่างชาติที่มีชื่อเสียงระดับโลก บินตรงมาร่วมเฉลิมฉลองไอคอนสยามในฐานะ Global Destination โดยล่าสุด ได้รับการตอบรับจากศิลปินระดับอินเตอร์ที่จะเดินทางมาร่วมฉลองครบรอบ 5 ปี กับไอคอนสยามในวันที่ 9 พ.ย.นี้ ได้แก่ “อีจุนโฮ” พระเอกซีรีส์ดัง “King the Land” เมมเบอร์บอยแบนด์สุดฮอตวง “ทูพีเอ็ม” (2PM) และ “มาร์ค ต้วน” (Mark Tuan) หนึ่งในอดีตสมาชิกวง GOT7 และเป็นหนึ่งใน K-POP ขวัญใจชาวไทย  ที่มาพร้อมโปรโมชั่นแรงๆตลอด 2 เดือนสุดท้าย พ.ย.-ธ.ค. 66 นี้ ผ่านงบประมาณในการจัดโปรโมชั่นกว่า 30 ล้านบาท กับจำนวนมากรางวัล 2.45 หมื่นรางวัล อาทิ  รถยนตร์เทสล่า ,มอเตอร์ไซยามาฮ่า และจิวเวลลี่ เป็นต้น

ทุ่มอีก 1,000 ล้านบาท รีโนเวตใหม่เติมพอร์ต “แฟชั่น-F&B” ดึงหลายแบรนด์ดังปักหมุดครั้งแรกในไทย

นอกจากจุดแข็งเรื่องความเป็น World Class Event แล้ว “ไอคอนสยาม” ยังมีแผนรีโนเวตศูนย์การค้าใหม่ในช่วงกลางปีหน้า เป็นต้นไปกับการและปรับพื้นที่เช่าใหม่ ภายใต้งบประมาณ 1,000 ล้านบาท โดยจะใช้ระยะเวลาการดำเนินงาน 1 ปี เพื่อสร้างจุดสนใจ ซึ่งเป็นเซกเตอร์ที่ขาดอยู่ให้เข้ามาเติมเต็มเพื่อรองรับลูกค้าในระยะยาวทั้งชาวไทยและต่างชาติมากขึ้น

“การรีโนเวตดังกล่าวถือเป็น Minor Renovation ของไอคอนสยาม  เนื่องจากยังขาดสินค้าลักชัวรี่บางกลุ่มมี และกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม (F&B )ที่มีไม่พอต่อความต้องการ มองร้านอาหารเครื่องดื่มในต่างประเทศที่ยังไม่มีในไทยเข้ามา หลังจากรีโนเวตแล้วจะเติมได้อีก 50-60 แบรนด์ที่มีทั้งรายย่อยรายใหญ่ เจาะทั้งชาวไทยและต่างชาติ โดยปัจจุบันไอคอนสยามมีสัดส่วนร้านอาหาร 20-25% แฟชั่น เครื่องประดับ  50% สุขภาพและความงาม (H&B) 30-35%”

ขณะที่ในอีก 2-3 ปีข้างหน้ายังมีแผนในการปรับพื้นที่ชั้นบริเวณ 8 พื้นที่ 5,000 ตร.ม. กับคอนเซ็ปต์ River Museum ที่จะมีการดึง Attraction ใหม่ๆเข้ามาเติมเต็ม ภายใต้งบลงทุน 200 ล้านบาท ซึ่งจะเป็น Museum รูปแบบใหม่ที่รองรับพฤติกรรมผู้บริโภค เบื้องต้นขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการศึกษารูปแบบเพื่อให้ลงตัวและตอบสนองความต้องการมากที่สุด

 

ICONSIAM2

 

ไม่เพียงแต่ “ไอคอนสยาม” แต่ความยิ่งใหญ่ของอาณาจักร “สยามพิวรรธน์” ยังพร้อมผงาดอย่างยิ่งใหญ่อีกครั้ง หลังการรีโนเวต “สยามพารากอน” ศูนย์การค้าใจกลางเมืองของทางค่ายที่จะแล้วเสร็จในเร็วๆนี้ โดย “คุณสุพจน์” กล่าวทิ้งท้ายว่า “ช่วง1-2 ปีที่ผ่านมา ไอคอนสยามประสบผลสำเร็จมี ยอดขายเทียบเท่าพารากอนแล้ว แต่อย่างไรก็ตามปัจจุบันพารากอนกำลังรีโนเวตครั้งใหญ่ และกำลังจะกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้งหนึ่ง แน่นอนจำนวนทราฟฟิกและการเติบโตจะต้องเพิ่มตามไปด้วย”

ทั้งหมดเพื่อขับเคลื่อนประเทศไทยให้ก้าวสู่การเป็นผู้ทรงอิทธิพลทางวัฒนธรรมระดับโลก หรือ Global Cultural Influence ผ่านการปั้น Soft power ของไทยสู่เวทีโลก ไม่ว่าจะเป็นด้านวัฒนธรรม อาหาร ภาพยนตร์ แฟชั่น ดีไซเนอร์ และอื่นๆ ในทุกมิติ

 

 


You may also like