
ท่ามกลางความท้าทายเหล่านั้น โลกเทคโนโลยียังได้พบกับสมาชิกใหม่ นั่นคือ Generative AI ที่เปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ในชื่อ ChatGPT และกลายเป็นแอปพลิเคชันที่สามารถสร้างยอดผู้ใช้งานแตะ 1 ล้านคนได้ภายในเวลาอันสั้นจนทำให้หลายธุรกิจต้องสั่นคลอนร่วมด้วย
น่าสนใจตรงที่ว่า ในความผันผวนดังกล่าว SYNNEX แบรนด์ยักษ์ใหญ่ด้าน IT Ecosystem ของไทยกลับยังเติบโต เห็นได้จากผลประกอบการในปี 2020 ที่บริษัททำรายได้ไปถึง 32,244 ล้านบาท ก่อนจะเพิ่มขึ้นเป็น 37,160 ล้านบาทในปี 2021 และ 39,141 ล้านบาทในปีที่ผ่านมา (2022) และนำไปสู่คำถามว่า พวกเขาก้าวข้ามสถานการณ์ต่าง ๆ มาได้อย่างไร และใช้จุดแข็งใดบ้างเพื่อให้ประสบความสำเร็จ
คุณสุธิดา มงคลสุธี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซินเน็ค (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ได้จัดงานอย่างยิ่งใหญ่อีกครั้ง สำหรับ “SYNNEX PARTNER CONNEXT 2023” พร้อมเผยถึงกลยุทธ์ที่บริษัทใช้ในช่วงเวลาดังกล่าวว่า มาจากการ Diversify พอร์ตของบริษัท ที่ประกอบด้วยสามส่วน นั่นคือ สินค้ากลุ่ม Communication สินค้ากลุ่ม Consumer และสินค้ากลุ่ม Commercial ให้มีความสมดุลมากขึ้น รวมถึงเปิดตัวบริษัทใหม่ Service Point สำหรับให้บริการหลังการขายเพื่อเพิ่มความครบเครื่องให้กับธุรกิจของบริษัทนั่นเอง

การปรับเปลี่ยนมุมมองของ SYNNEX ต่อตลาดไอทีไทยที่คุณสุธิดาเปิดเผย เริ่มจากการให้ความสำคัญกับธุรกิจ Commercial เพิ่มขึ้น โดยได้ปรับทีมงาน และโปรดักท์จากสินค้าไอทีสู่การพัฒนาเป็นโซลูชันต่าง ๆ เพื่อทำงานร่วมกับฮาร์ดแวร์ที่บริษัทจัดจำหน่าย จนกลายเป็นธุรกิจใหม่ที่ตอบโจทย์ตลาดมากขึ้น
“สิ่งที่เราพบก็คือ ธุรกิจ Commercial มีความแตกต่างจากธุรกิจ Consumer อย่างสิ้นเชิง เราได้ปรับทีมใหม่ พัฒนาเป็นโซลูชัน เช่น โซลูชันกล้อง Surveillance ฯลฯ ซึ่งได้รับการตอบรับดีจากตลาด ทำให้เราเริ่มทำแบบนี้กับสินค้าอื่น ๆ มากขึ้น ผลก็คือ ในปีที่ผ่านมา ธุรกิจ Commercial เป็นธุรกิจที่เติบโตสูงที่สุด โดยเติบโตถึง 2 digits (ประมาณ 12%) ทำให้ปัจจุบัน ธุรกิจดังกล่าวมีส่วนแบ่งในพอร์ตของบริษัทประมาณ 24% รองจากธุรกิจ Consumer และธุรกิจ Communication”

ส่วนในธุรกิจ Communication นั้น พบว่า นอกจากปีนี้จะเป็นปีที่มีการเปิดตัว iPhone 15 จาก Apple ซึ่งพบว่ากระแสตอบรับค่อนข้างดี ไม่ต่างจากปีที่แล้ว ในกลุ่มสินค้า Communication ก็ยังมีอีกหลายโปรดักท์ที่เติบโตสูงไม่แพ้กัน เช่น สมาร์ทโฟนกลุ่ม Flagship จาก Honor, Samsung โดยคุณสุธิดามองว่า ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี อย่าง Gen AI ฯลฯ จะเป็นตัวผลักดันให้ผู้บริโภคต้องการอัปเกรดอุปกรณ์ของตนเองไปสู่รุ่นที่ดีขึ้น เพื่อให้ตนเองสามารถเข้าถึงฟีเจอร์ – ความก้าวหน้าเหล่านั้นได้ และนำไปเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของตนเองเพื่อให้สามารถแข่งขันได้มากขึ้น

หรือในธุรกิจ Consumer ปีนี้ก็เป็นปีที่ Synnex ประกาศเป็นตัวแทนจำหน่าย Nintendo Switch ของประเทศไทยแบบครบวงจรอย่างเป็นทางการ ซึ่งคุณสุธิดาเผยว่า ตลาดเกมเป็นตลาดที่ใหญ่มากคิดเป็นมูลค่าราว 75,000 ล้านบาท โดยในส่วนของฮาร์ดแวร์ที่มีมูลค่าราว 15,000 ล้านบาทนั้น ปฏิเสธไม่ได้ว่า Nintendo เป็นผู้เล่นที่มีฐานแฟนคลับขนาดใหญ่ และไม่ได้โดดเด่นแค่เรื่องเกม แต่ยังมีสินค้าอื่น ๆ เช่น ของเล่น ของสะสม หรือการขับรถ Mario Kart ที่สามารถนำมาต่อยอดในตลาดไทยได้อีกมาก และเป็นสินค้าที่มีมาร์จินค่อนข้างดี
“สิ่งที่ทำให้เราสามารถเติบโตได้ คือเราต้องไม่ใหญ่แค่พอร์ต แต่ฐานลูกค้าต้องเติบโตไปด้วย” คุณสุธิดากล่าว


ดึง Gen AI สู่ Roadmap องค์กร
แต่การเติบโตของสินค้าด้านไอทีอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ เพราะการใช้งาน Generative AI ได้กลายเป็น Game Changer สำคัญของธุรกิจไปแล้ว นั่นจึงทำให้คุณสุธิดาประกาศในงาน Synnex Partner Connext 2023 ว่าจะดึง Gen AI เข้ามาอยู่ใน Roadmap ขององค์กรในปี 2024 ด้วย
“โรดแมปของ Synnex ในปีหน้าคือการใช้ AI ในองค์กร ตอนนี้เราก็มองว่า ทุกคนมีฮาร์ดแวร์ดี ๆ แล้ว ก็อยากให้มันทำงานได้มากขึ้นไปอีก ซึ่งการมาถึงของ ChatGPT ทำให้คนเปิดกว้างกับ Gen AI ว่ามันใช้ง่าย และทำให้คนอยากเปลี่ยนอุปกรณ์ สินค้าเหล่านี้จะถูกลงเรื่อย ๆ และทำให้คนมีโอกาสได้ใช้งานมากขึ้นเรื่อย ๆ”
“สิ่งที่เราเห็นคือคำว่าโอกาส ตอนนี้เราอยู่ใน Industry ที่น่าตื่นเต้นมาก และทุกคนใน Industry ของเราพร้อมจะเติบโตไปพร้อมกับเทคโนโลยี” คุณสุธิดากล่าวปิดท้าย
สำหรับงาน “Synnex Partner Connext 2023” เป็นมหกรรมด้านเทคโนโลยีแห่งปี ที่รวบรวมบริษัทพาร์ทเนอร์-ดีลเลอร์แบรนด์ชั้นนำระดับโลก กว่า 70 แบรนด์ มาเดินหน้าเพื่อมุ่งสู่เป้าหมายการเติบโตร่วมกันอย่างยั่งยืน นับเป็นทิศทางที่ดีของอุตสาหกรรมไอทีในประเทศ ที่จะผนึกกำลังเดินหน้ารับเทรนด์โลกยุคดิจิทัล



