HomeSponsoredDITP ปั้นนักออกแบบไทย 60 แบรนด์ เดินเกมดึงผู้เชี่ยวชาญให้ความรู้เสริมศักยภาพทะยานไกลสู่ตลาดโลก

DITP ปั้นนักออกแบบไทย 60 แบรนด์ เดินเกมดึงผู้เชี่ยวชาญให้ความรู้เสริมศักยภาพทะยานไกลสู่ตลาดโลก

แชร์ :


สำนักส่งเสริมนวัตกรรมและสร้างมูลค่าเพิ่มเพื่อการค้า กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) เปิดตัวนักออกแบบไทยรุ่นใหม่ทั้ง 60 แบรนด์ ที่ผ่านการคัดเลือกเข้าสู่โครงการส่งเสริมนักออกแบบไทยสู่ตลาดโลก ปี 2566 หรือ Designers’ Room / Talent Thai & Creative Studio Promotion 2023 เพื่อส่งเสริมและพัฒนาความรู้ความสามารถของนักออกแบบอย่างครอบคลุมทุกด้าน ผ่านกิจกรรมอบรมให้ความรู้ตลอดโครงการจากวิทยากรผู้เชี่ยวชาญของหน่วยงานต่างๆ รวมทั้งเหล่าพาร์ทเนอร์ชื่อดังและรุ่นพี่ศิษย์เก่าที่มาร่วมถ่ายทอดความรู้และแลกเปลี่ยนประสบการณ์อย่างเข้มข้น

นายพรวิช ศิลาอ่อน รองอธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า “ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา DITP มุ่งมั่นส่งเสริมนักออกแบบไทยรุ่นใหม่ที่มีศักยภาพให้ได้รับการพัฒนาองค์ความรู้ด้านต่างๆ เพื่อเตรียมพร้อมก้าวสู่การเป็นแบรนด์นักออกแบบมืออาชีพ หรือผู้ประกอบการส่งออกรายใหม่ที่ช่วยขับเคลื่อนการสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่สินค้าและบริการของประเทศ รวมทั้งมีบทบาทต่อระบบเศรษฐกิจเพิ่มมากขึ้น ตามยุทธศาสตร์ชาติและแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม ฉบับที่ 13 ดังนั้น เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายและแนวโน้มเมกะเทรนด์โลกที่มีผลต่อมูลค่าความต้องการของตลาด DITP จึงได้กำหนดกลยุทธ์เพื่อสร้างจุดแข็งให้กับสินค้าและธุรกิจบริการไทย โดยให้ความสำคัญในประเด็นสิ่งแวดล้อมและวัฒนธรรม ผนวกกับการนำ Soft Power มาใช้สร้างสรรค์สินค้าและบริการใหม่ๆ ที่ตอบสนองความต้องการในยุค Next Normal และเมกะเทรนด์ได้ ทำให้โครงการฯ นี้เป็นกำลังสำคัญที่ช่วยเสริมสร้างนักออกแบบไทยรุ่นใหม่ให้สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มด้วยอัตลักษณ์ท้องถิ่น พร้อมตอบสนองความท้าทายใหม่ๆ และเทรนด์โลก เช่น Circular Design และการดำเนินงานเพื่อมุ่งสู่ความยั่งยืน SDGs เป็นต้น”

ADFEST 2024

Santos Or Jaune

นางสาวประอรนุช ประนุช ผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมนวัตกรรมและสร้างมูลค่าเพิ่มเพื่อการค้า  กล่าวเพิ่มเติมว่า “โครงการ Designers’ Room / Talent Thai & Creative Studio Promotion 2023  ในปี 2566 จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “Keep an eye on : The Creative Power Of The New Era” โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมนักออกแบบไทยรุ่นใหม่ที่มีศักยภาพในการส่งออกให้สามารถพัฒนาธุรกิจและปรับตัวเพื่อตอบสนองกับความต้องการของตลาดต่างประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ  และก้าวสู่การเป็น “ผู้ประกอบการส่งออกรายใหม่”  ที่สร้างมูลค่าทางการค้าและมีบทบาทในระบบเศรษฐกิจ  ซึ่งปัจจุบันตั้งแต่ปี 2545 ถึง ปี 2566  มีนักออกแบบที่ได้รับการพัฒนาจากโครงการฯ รวม 744 แบรนด์ สามารถสร้างประโยชน์และชื่อเสียงให้กับประเทศได้เป็นจำนวนมาก”

โดยในปีนี้ มีนักออกแบบผ่านการคัดเลือกจากทั่วประเทศ จำนวน 60 แบรนด์ เป็นนักออกแบบจากกรุงเทพฯ/ปริมณฑล 48 แบรนด์ และนักออกแบบจากภูมิภาค 12 แบรนด์ จากเชียงใหม่ น่าน พะเยา แพร่ กำแพงเพชร กาญจนบุรี ชลบุรี ภูเก็ต สงขลา นครศรีธรรมราช และกระบี่ โดยแบ่งเป็น 3 กลุ่ม ตามประเภทสินค้า/บริการ ดังนี้

1. นักออกแบบกลุ่มสินค้าแฟชั่น Designers’ Room 34 ราย แบ่งเป็น

– เครื่องประดับ 14 ราย ได้แก่ A.CEMI JEWELRY, ADOR N ADORN, BE SHINE, BILLYBEAMO, CHERINADDED, GROUND.JEW, JIIRA, JPADA, LE GRAMOUS,  MORMORMOR, NONNA NYONYA STUDIO, SARR.RAI, WE-IN-C, W0dd

– กระเป๋า 12 ราย ได้แก่ AIBELLE, AKANEG FORM, BAGWARD, E-NANG, HONNAN, LANTARAY, MAMAD, MINCE, PAVI STUDIO, PHANA, TAYALIVING, THOC

– เสื้อผ้า 8 ราย ได้แก่ CLOTHEAR VESTIAIRE, {JUN}, KH EDITIONS, MARIONSIAM, PURASA, SUCETTE, TEEMA RUCKSAJIT, TISI

2. นักออกแบบกลุ่มสินค้าไลฟ์สไตล์ Talent Thai 22 ราย แบ่งเป็น

– เซรามิก 4 ราย ได้แก่ 12C STUDIO, ANOTHER CUP, GA.LI.GO, ORACLAY

– เฟอร์นิเจอร์ 1 ราย ได้แก่ PIECE BY PEAZE

– ของตกแต่งบ้าน 9 ราย ได้แก่ 103PAPER SHOP, ANEW.CRAFT, CALIIICO, CHAND, HIZOGA, LOQA, MAKKHA DESIGN, MYS PROJECTS, WASTEMATTERS

– สินค้าไลฟ์สไตล์ 3 ราย ได้แก่ EKKO, EXCITING STORE, GLISTEN

– สินค้า SPA 5 ราย ได้แก่ KUSU, PAWANG, SEDAR.W, SKIN & TONIC, VAANG

3. นักออกแบบกลุ่มธุรกิจบริการออกแบบ Creative Studio 4 ราย แบ่งเป็น

– Branding & CI 2 ราย ได้แก่ IHAPSTUDIO, TOTOP

– Character Design 1 ราย ได้แก่ PLUSHIE

– Craftwork & Decorative Item 1 ราย ได้แก่ THE RUBBER PARADOXII

ซึ่งนักออกแบบทั้งหมดจะได้เข้ารับการอบรมพัฒนาความรู้ในการดำเนินธุรกิจระหว่างประเทศใน 2 หลักสูตร ได้แก่ หลักสูตรที่ 1 “ความรู้พื้นฐานของการเป็นนักออกแบบระดับสากล” และหลักสูตรที่ 2 “ค่ายบ่มเพาะนักออกแบบไทยสู่สากล ” โดยในหลักสูตรแรกได้รับเกียรติจาก คุณภาณุ อิงคะวัติ อดีตผู้ก่อตั้งแบรนด์ชื่อดัง Greyhound มาให้ความรู้และคำแนะนำในการสร้างแบรนด์ให้สำเร็จไกลถึงระดับสากล ซึ่งหัวใจสำคัญของการทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จที่ว่าคือ

1. ทำให้แบรนด์เป็นที่รู้จักและได้รับความนิยม จะทำให้เกิดความเชื่อถือในหมู่ลูกค้า และขยายวงกว้างออกไปเป็นความต้องการสินค้าที่เพิ่มมากขึ้น

2. สิ่งที่เราอยากทำต้องมาบรรจบกับสิ่งที่ลูกค้าต้องการ การทำงานต้องมาจาก Passion ที่ตัวเองมีโดยต้องนำมาปรับใช้ให้สอดคล้องความต้องการลูกค้า เพื่อสร้างความต้องการในการซื้อขายสินค้า

3. ความร่วมมือจากหลายส่วน ความสำเร็จไม่สามารถเกิดได้จากคนเดียว แต่ต้องเกิดจากคนหลายส่วน เช่น ดีไซน์เนอร์ พนักงานขาย นักประชาสัมพันธ์ และกราฟิกดีไซน์เนอร์ หรือแม้แต่การทำงานร่วมกันระหว่างแบรนด์ (Collaboration) เพื่อทำให้เกิด The Best of Totality ของแบรนด์

และในการอบรมครั้งล่าสุดยังได้รับเกียรติจาก คุณจิระเมศร์ สุริวงศ์วรากุล Retail Director Ferragamo (Thailand) ผู้เชี่ยวชาญด้านการสร้างแบรนด์และการตลาดในอุตสาหกรรม Luxury Brand มาร่วมให้ความรู้ในการปรับตัวของธุรกิจท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของโลกสมัยใหม่ เพื่อเพิ่มศักยภาพแบรนด์สู่ระดับโลก โดยหัวใจสำคัญของการสร้างแบรนด์สู่ตลาดโลก จำเป็นต้องมีพื้นฐานและแนวทางที่ชัดเจนแข็งแรง ซึ่งเกิดจากองค์ประกอบ ดังนี้

1. รู้จักแบรนด์และตัวเองอย่างลึกซึ้งทุกมิติ การสร้างแบรนด์ต้องมีเป้าหมายและจุดยืนที่ชัดเจน รู้ว่าตัวเองเป็นใครและต้องการทำอะไร เพื่อนำไปสร้างเป็น Brand Personality ที่มีคาแรคเตอร์แตกต่างเป็นของตัวเอง รวมทั้งสามารถนำไปประเมินแนวทางหรือวิธีการดำเนินงานที่เหมาะสมกับตัวเอง นอกจากนี้ การมีองค์ประกอบพื้นฐานของแบรนด์ที่แข็งแรงทั้ง Brand Essences, Brand Personality, Brand Identity, Brand Perception และ Brand Storytelling ยังสามารถนำไปต่อยอดเป็นความร่วมมือระหว่างแบรนด์ หรือ Co-Branding เพื่อขยายฐานลูกค้าและสร้างประสบการณ์ที่แปลกใหม่

2. รู้ว่าลูกค้าคือใครและชอบอะไร การทำความรู้จักกลุ่มลูกค้าอาจทำได้โดยการสำรวจหรือแบบประเมินความพึงพอใจ สำหรับเก็บเป็นข้อมูลทางด้านประชากรศาสตร์ (Demography) และทางด้านจิตวิทยา (Psychology) เพื่อนำไปออกแบบการบริการและผลงานให้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า

3. เรียนรู้จากคู่แข่ง ทั้งจากความสำเร็จและสิ่งที่ผิดพลาด เพื่อเป็นตัวอย่างให้แบรนด์สามารถนำไปปรับใช้โดยสามารถวิเคราะห์คู่แข่งผ่าน SWOT Analysis

นอกจากนักออกแบบจะได้รับองค์ความรู้แล้ว ยังได้รับการส่งเสริมภาพลักษณ์และประชาสัมพันธ์แบรนด์ผ่านสื่อชั้นนำและได้รับโอกาสในการเข้าร่วมเจรจาการค้าในงานแสดงสินค้าและเวทีการออกแบบชั้นนำระดับโลก เช่น งาน Bangkok Gems and Jewelry Fair 2023, งาน MAISON & OBJET ในปารีส, งาน STYLE Bangkok 2024, งาน Milan Design Week 2024 และเข้าร่วม Fashion Showroom ณ นครเซี่ยงไฮ้  เป็นต้น

ทั้งนี้ ผู้สนใจสามารถติดตามและสอบถามข้อมูลของโครงการเพิ่มเติมได้ที่ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กระทรวงพาณิชย์ www.ditp.go.th สายด่วนการค้าระหว่างประเทศ โทร 1169 หรือผ่านทาง Facebook page : Talent Thai & Designers’ Room


แชร์ :

You may also like