(ซ้ายไปขวา) คุณฐานพล มานะวุฒิเวช , คุณประเทศ ตันกุรานันท์ และคุณเอกราช ปัญจวีณิน
ทรูเปิดตัวแบรนด์ใหม่ด้านซีเคียวริตี้ ภายใต้ชื่อ “True I dtac SECURITY” โดยหลังจากนี้ หากเห็นสัญลักษณ์ดังกล่าวจะหมายถึงการมีบริการแบบ End-to-end Protection ที่ทรูเผยว่า สามารถปกป้องภัยคุกคามทางโลกออนไลน์ได้แบบครบวงจรทั้งบนเครือข่าย และแอปพลิเคชันตามมาตรฐานโลก รวมถึงมีบริการ 24/7 Smart Monitoring ระบบป้องกันทันท่วงที ตรวจติดตามเฝ้าระวังให้กับผู้ใช้งานด้วย
สำหรับที่มาของการเปิดตัวบริการด้านซีเคียวริตี้ในครั้งนี้มาจากผู้บริโภคในปัจจุบันที่เปิดรับเทคโนโลยีเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต และทำให้เกิดการล่อลวงต่าง ๆ เกิดมากขึ้นเป็นเงาตามตัว โดยเฉพาะการที่มิจฉาชีพนำเทคโนโลยีอย่าง AI เข้ามาช่วยให้การหลอกลวงนั้นแพร่กระจายได้ง่ายขึ้น โดยข้อมูลจากภายในงานแถลงข่าวได้ระบุว่า การเติบโตของตลาด Cyber Security นั้นเพิ่มสูงอย่างต่อเนื่องล้อไปกับการเติบโตของ Digital Services และคาดว่าจะมีมูลค่าแตะ 266,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปี 2026 ได้เลยทีเดียว
ซึ่งในแง่ของผู้ให้บริการเครือข่าย คุณประเทศ ตันกุรานันท์ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านเทคโนโลยี บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ยอมรับว่า จุดอ่อนที่แท้จริงก็คือ “คน” แต่ในมุมของผู้ให้บริการเครือข่าย มีหน้าที่ต้องปกป้องความปลอดภัยในการใช้งานด้วยการติดเครื่องมือสำหรับช่วยปกป้องลูกค้าร่วมด้วย โดยคุณประเทศได้ยกตัวอย่างการปกป้องระบบโครงข่ายที่ผ่านมาว่า มีตั้งแต่การป้องกันระบบโครงสร้างพื้นฐาน และอุปกรณ์การใช้งานให้ปลอดภัยจากภัยคุกคาม อาทิ ตรวจจับความผิดปกติหากมีการทำงานที่เข้าข่ายความเสี่ยงจะถูกห้ามใช้งานทันที การตรวจสอบช่องโหว่ของระบบ และแก้ไขก่อนถูกโจมตี การยืนยันเข้าใช้งานระบบปฏิบัติการด้วยผู้ดูแลระบบ ฯลฯ หรือการจำกัดสิทธิการเข้าถึงระบบ โดยกำหนดให้เฉพาะผู้ใช้งาน หรือผู้ที่ได้รับอนุญาตเท่านั้น รวมถึง การใช้นโยบายอย่าง Zero trust network ที่กำหนดให้ทุกระบบต้องมีการขออนุญาต – ยืนยันตัวตนก่อนจะมีการเชื่อมต่อเข้าระบบได้
คุณฐานพล มานะวุฒิเวช หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านการตลาด บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด
เปิดตัว “True I dtac SECURITY”
ส่วนในแง่ของการสื่อสารให้ผู้บริโภค – ภาคธุรกิจเกิดความมั่นใจในการใช้งานนั้น ได้นำไปสู่การเปิดตัวสัญลักษณ์ใหม่อย่าง “True I dtac SECURITY” ที่คุณฐานพล มานะวุฒิเวช หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านการตลาด บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ต้องการสะท้อนถึงการปกป้องและดูแลความปลอดภัยทุกระบบแบบครบวงจร เพื่อให้ลูกค้ามั่นใจได้เมื่อเห็นสัญลักษณ์ True I dtac SECURITY บนสินค้าและบริการจากทรู
ทั้งนี้ ทรูได้เผยว่า ภายใต้สัญลักษณ์ True I dtac SECURITY นั้นประกอบด้วย 3 จุดเด่นคือ
1. End-to-end Protection ป้องกันการโจมตีทางโลกไซเบอร์ทั้งบนระบบเน็ตเวิร์ก คลาวด์ และสมาร์ทดีไวซ์ รวมถึงบริการดิจิทัล
2. 24/7 Smart Monitoring ระบบป้องกันการโจมตีแบบทันท่วงที ดูแลความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมงแบบเรียลไทม์ และมีใบรับรองมาตรฐานสากล ISO/IEC
3. Best-in-class Partnership บริการซีเคียวริตี้ดังกล่าวมีพันธมิตรด้านเทคโนโลยีความปลอดภัย อาทิ บริษัท คลาวด์ สไตร์ท อินคอร์พอเรชั่น จำกัด บริษัท พาโล อัลโต้ เน็ตเวิร์กส์ และบริษัท เวคตร้า เอไอ รวมถึงบริษัทประกันอย่าง FWD และ ทิพยประกันภัย
ทั้งนี้ สัญลักษณ์ดังกล่าวยังมาพร้อมคะแนน NIST Score ที่ทรูได้รับการประเมินความมั่นคงปลอดภัยทางโลกออนไลน์ที่สูงกว่าค่ามาตรฐานโลกด้วย
คุณเอกราช ปัญจวีณิน หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านดิจิทัล บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)
ด้านคุณเอกราช ปัญจวีณิน หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านดิจิทัล บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวเสริมว่า การเปิดตัว True I dtac SECURITY นั้น ทางทรูได้นำระบบตรวจจับการบุกรุกโดยใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาใช้ตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งสามารถวิเคราะห์พฤติกรรมของผู้ไม่ประสงค์ดีได้ (จะต่างจากพฤติกรรมการใช้งานของลูกค้าทั่วไป) รวมถึงมีการใช้งานระบบข่าวกรองไซเบอร์ (Threat Intelligence Platform) และการพิสูจน์ตัวตนของลูกค้าด้วยระบบ e-KYC ที่มีการตรวจสอบตัวตน 2 ชั้นในการ log in เข้าสู่ระบบในครั้งแรก รวมถึงมีการดูแลข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และใช้มาตรการรักษาความปลอดภัยขั้นสูงสุดในการปกป้องประวัติการรักษาพยาบาลของลูกค้าร่วมด้วย
ทั้งนี้ การเข้าถึงสิทธิพิเศษดังกล่าวพบว่า เปิดให้กับลูกค้าแบบรายเดือนที่สมัครแพคเกจ 5G Together+ และ 5G Better+ โดยจะได้รับประกันชีวิต และอุบัติเหตุ ความคุ้มครองกว่า 320,000 บาท ส่วนลูกค้าแบบเติมเงิน เมื่อเปิดเบอร์ใหม่ พร้อมสมัครแพคเกจ 300 บาทจะได้รับประกันความคุ้มครองชีวิต สะสมรวมสูงสุด 270,000 บาทเช่นกัน ส่วนบริการอย่าง dtac Mobile Care และ True Protech ก็ยังคงอยู่ และสามารถสมัครใช้บริการร่วมด้วยได้ โดยคิดค่าบริการเริ่มต้นที่ 39 บาทต่อเดือน