ญี่ปุ่นเผยสถิติการขาดแคลนแรงงานขั้นรุนแรง พบบริษัทราว 40% ต้องจ้างงานผู้ที่มีอายุมากกว่า 70 ปีเป็นพนักงานแล้ว โดยเฉพาะในธุรกิจค้าปลีก ที่มีพนักงานอายุมากกว่า 65 ปีถึง 10% แถมตัวเลขดังกล่าวยังสูงกว่าเมื่อสิบปีที่แล้วถึงหนึ่งเท่าตัว
ข้อมูลดังกล่าวได้รับการเปิดเผยจากกระทรวงสาธารณสุข แรงงาน และสวัสดิการ ของญี่ปุ่น พร้อมกับข้อมูลที่ว่า ในปี 2022 คนวัยทำงานของญี่ปุ่นเหลืออยู่เพียง 59% ของจำนวนประชากรทั้งประเทศ ทำให้นายจ้างจำนวนไม่น้อยต้องจ้างงานผู้สูงอายุแทนการจ้างงานคนที่มีอายุ 15 – 64 ปีที่มีไม่เพียงพอเข้ามาแทน
ทั้งนี้ ญี่ปุ่นมีการแก้กฎหมายเมื่อปี 2013 กำหนดให้บริษัทต่าง ๆ สามารถจ้างพนักงานได้จนถึงอายุ 65 ปี (ในกรณีที่พนักงานต้องการทำงานต่อ) ซึ่งในเวลานั้น มีการต่อต้านจากภาคธุรกิจพอสมควร เนื่องจากเกรงว่าต้นทุนในการดำเนินงานจะสูงขึ้น อย่างไรก็ดี ในเวลานี้ ภาคธุรกิจในญี่ปุ่นเองก็ไม่มีตัวเลือกมากนักในการรับมือกับปัญหาขาดแคลนแรงงาน และทำให้การจ้างงานผู้สูงอายุกลายเป็นเรื่องที่พบเห็นในวงกว้าง โดยสาเหตุของการจ้างงานผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นในช่วงนี้มาจากหลายปัจจัย หนึ่งในนั้นคือค่าเงินเยนที่อ่อนจนไม่สามารถดึงดูดแรงงานต่างชาติให้เข้ามาทำงานในญี่ปุ่นได้มากเหมือนในอดีต ซึ่งแน่นอนว่า สถานการณ์ดังกล่าวยังทำให้นายจ้างต้องรับภาระหนักขึ้น เพราะต้องดูแลความปลอดภัยในร้าน – สถานที่ทำงาน เพื่อลดความเสี่ยงที่อาจจะเกิดกับผู้สูงอายุนั่นเอง
สิ่งที่ตามมาจากการจ้างงานพนักงานสูงอายุคือตัวเลขอุบัติเหตุ ในปี 2022 พบว่า ญี่ปุ่นมีสถิติการเกิดอุบัติเหตุที่มาจากพนักงานอายุเกิน 60 ปีขึ้นไปราว 38,000 เคส เพิ่มขึ้น 26% เมื่อเทียบกับ 5 ปีก่อนหน้า และเพื่อลดความเสี่ยงในส่วนนี้ ทำให้มีหลายบริษัทหันไปหาระบบอัตโนมัติเข้ามาทำงานแทนมากขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว
สำหรับประเทศไทยซึ่งเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุแล้วเช่นกัน ตัวเลขการจ้างงานของประเทศญี่ปุ่น อาจนำไปสู่การสร้างความตระหนักในหลาย ๆ ด้าน ทั้งการที่ผู้สูงอายุ – คนวัยทำงานในปัจจุบันที่อาจต้องเตรียมใจที่จะทำงานไปเรื่อย ๆ จนถึงอายุ 70 ปี หรือการที่ภาคธุรกิจจะเริ่มลงทุนเพิ่มเพื่อสร้างพื้นที่ทำงานปลอดภัยสำหรับรองรับยุคที่ต้องจ้างงานผู้สูงอายุนั่นเอง