HomeBrand Move !!ถึงไทยแล้ว “Boss Cafe” คาเฟ่สไตล์มินิมอลน้องใหม่จากญี่ปุ่น ปักหมุดแห่งแรกที่ “สยามเซ็นเตอร์”

ถึงไทยแล้ว “Boss Cafe” คาเฟ่สไตล์มินิมอลน้องใหม่จากญี่ปุ่น ปักหมุดแห่งแรกที่ “สยามเซ็นเตอร์”

แชร์ :

Boss cafe

ตั้งแต่ต้นเดือนมิถุนายน 2566 ที่ผ่านมา หากใครเดินในศูนย์การค้า “สยามเซ็นเตอร์” คงได้เห็น ร้านกาแฟน้องใหม่ แต่ชื่อคุ้นหูอย่าง “Boss Cafe” ที่มาเปิดให้บริการอยู่บริเวณชั้น G  ในสไตล์มินิมอล ตกแต่งด้วยโทนสีน้ำตาล ขาวดำ ให้สะดุดตาอย่างแน่นอน

ADFEST 2024

Santos Or Jaune

ท่ามกลางความท้าทายของการแข่งขันในตลาดกาแฟยุคใหม่ “บอส คาเฟ่” (Boss Cafe) คือเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างแบรนด์ Boss Coffee แบรนด์กาแฟพร้อมดื่มเบอร์ 1 จากประเทศญี่ปุ่น ที่หลังจากที่เข้ามาทำตลาดกาแฟพรีเมี่ยมพร้อมดื่มในไทยตั้งแต่ปี 2564 ที่ผ่านมา แม้จะมีการเติบโตที่ดี แต่ด้วยการแข่งขันในตลาดกาแฟเมืองไทยสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ทางค่ายปรับกลยุทธ์ทางการตลาดเพื่อสร้างการเติบโตด้าน Branding ในระยะยาว หลังปีที่ผ่านมามีผู้เล่นทั้งรายเล็กใหญ่ส่งสินค้าเข้ามาทำตลาดกาแฟพร้อมดื่มพรีเมี่ยมมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น คาเฟ่ อเมซอน และอาราบัส ฯลฯ

การทำตลาดเชิงรุกในประเทศไทยครั้งนี้กาแฟ Boss เลือกหยิบยกโมเดล  “บอส คอฟฟี่” (BOSS Coffee) ซึ่งถือกําเนิดขึ้นเป็นครั้งแรกในประเทศญี่ปุ่นเมื่อปี 2535  ซึ่งเป็นโมเดลแรกของทางค่ายก่อนที่จะพัฒนามาเป็นผลิตภัณฑ์แบบกระป๋อง ภายใต้ชื่อ BOSS Super Blend เข้ามาส่วนหนึ่งของการสร้างแบรนด์ในประเทศไทย เพื่อรองรับตลาดกาแฟพร้อมดื่มพรีเมี่ยมที่มีการแข่งขันสูงขึ้น

 

Boss Cafe

ต่อยอด Success Model  สู่ Boss Cafe ครั้งแรกในไทย

สำหรับ Boss Cafe คือร้านคาเฟ่สไตล์มินิมอลแห่งแรกของแบรนด์ในประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียน เป็นการต่อยอด Success Model รูปแบบคาเฟ่ของแบรนด์ Boss จากประเทศญี่ปุ่น ไม่ว่าจะเป็น รูปแบบหมุนเวียน Pop-Up Store ไปยังทำเลต่างๆ มาปรับใช้ในประเทศไทย แต่จะมีการปรับขนาดสาขาให้ใหญ่ขึ้น และเมนูที่สอดคล้องกับความต้องการของกลุ่มลูกค้าที่เป็น  กลุ่มคนทำงาน และคนรุ่นใหม่สายคาเฟ่ฮอปเปอร์  

โดยเลือกปักหมุดเป็นแห่งแรกที่  “สยามเซ็นเตอร์” ตั้งแต่วันนี้- 31 สิงหาคม 2566 (ระยะเวลา 3 เดือน) เพราะต้องการสำรวจตลาดก่อนหากมียอดขายที่ดีก็จะขยายสาขาต่อไปในอนาคต  ส่วนการเลือกสยามเซ็นเตอร์เป็นทำเลแรกนั้น เนื่องจากมองว่าเป็นทำเลที่มีทราฟฟิกหนาแน่น และเป็นแหล่งรวมของกลุ่มคนรุ่นใหม่ ซึ่งตรงกับกลุ่มเป้าหมาย เหมาะแก่การ  Engage กับลูกค้า สร้าง Brand Awareness ในการขยายฐานลูกค้าให้รู้จักแบรนด์เป็นวงกว้างมากขึ้น

ทำให้ความพิเศษของ Boss Cafe คือการหยิบเอาเมนูยอดนิยมทั้งเมนูเครื่องดื่ม (กาแฟ) และโทสต์สุดพิเศษ โดย “เมนูกาแฟ” จะเป็นการใช้เทคนิคการสกัดผ่านกรรมวิธี แฟลช บริว (Flash Brew) เคล็ดลับเฉพาะของทางแบรนด์ มาทำกาแฟพิเศษทั้ง 6 เมนู ได้แก่ BOSS Coffee Coconut Foam, BOSS Coffee Peach Candy, BOSS Coffee Yuzu, BOSS Coffee Tiramisu, BOSS Coffee Dirty Mocha และ BOSS Coffee Caramel Latte ในราคาแก้วละ 90 บาท 

ขณะที่ภาพรวมตลาดกาแฟเมืองไทยปัจจุบันมีมูลค่ากว่า 10,000 ล้านบาท  มีการเติบโตสูงกว่า 10%  ส่วนตลาดกาแฟพรีเมียมที่มีสัดส่วนอยู่ที่ 34% มีการเติบโตราว 3-4% จากการเติบโตทั้งหมดของตลาดกาแฟพร้อมดื่ม  โดยปัจจัยหลักมาจากพฤติกรรมผู้บริโภคที่ชื่นชอบดื่มกาแฟนอกบ้านมากขึ้น ขณะที่พฤติกรรมลูกค้าก็ชื่นชอบความพิเศษหรือสิ่งที่แบรนด์นำเสนอมากกว่าการวางจำหน่ายแบบทั่วไป

Boss Cafe menu

เมนูกาแฟทั้ง 6 รายการ ภายในร้าน Boss Cafe

 

พร้อมสเปเชียลเมนู BOSS Coffee Topped With Rainbow Whipped Cream, Marshmallow & White Chocolate ในราคาพิเศษเพียงแก้วละ 65 บาท (จากเดิม 75 บาท)  ตลอดเดือนมิถุนายนนี้

 

จับมือ 7- Eleven ลุยขาย “กาแฟคู่แซนด์วิช” ในราคา 64 บาท 

นอกจากจะเปิดร้านคาเฟ่แบบชั่วคราวเพื่อเป็นการสร้าง Brand Awareness หน้าร้านแล้ว Boss ยังจับมือกับ 7-11 ในการวางจำหน่ายเมนูโทสต์ และเมนูมื้อเช้าแบบ Grab and Go กับการจับคู่กันระหว่างกาแฟพร้อมดื่ม บอส คอฟฟี่ และแซนด์วิชแฮมชีส Ezy Taste ยอดนิยมจาก 7- Eleven หรือ “BOSS x Ezy Taste”ในราคา 64 บาท ซึ่งเมนูโทสต์และมื้อเช้าจะวางจำหน่ายทั้งใน 7- Eleven และ Boss Cafe ควบคู่กันไป

คุณอนวัช สังขะทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการตลาด บริษัท ซันโตรี่ เป๊ปซี่โค เบเวอเรจ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า โมเดลคาเฟ่แบบชั่วคราวประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากในประเทศญี่ปุ่น โดยเราจะมีการเปิดคาเฟ่แบบชั่วคราวในทำเลต่างๆ เพื่อเป็นการสื่อสารแบรนด์แบบหมุนเวียนไปเรื่อยๆ ซึ่งทั้งในญี่ปุ่นและออสเตรเลียที่มีการไปเปิดล้วนแต่ประสบผลสำเร็จเป็นอย่างดี ทำให้เรามองว่าไทยน่าจะเป็นอีกหนึ่งประเทศที่ได้รับกระแสตอบรับที่ดีเช่นกัน

อีกหนึ่งความพิเศษของการรุกตลาดกาแฟพรีเมี่ยมเมืองไทยครั้งนี้คือ การเปิดตัวฉลากดีไซน์ใหม่ รสชาติใหม่ของ Boss Coffee ทั้ง 3 รสชาติ ได้แก่ BOSS Black, BOSS Latte และ BOSS Americano ที่จะวางจำหน่ายในช่องทางโมเดิร์นเทรด ในรูปแบบขวด PET ขนาด 250 มิลลิลิตร ราคา 35 บาท เพื่อให้ลูกค้าได้สามารถลิ้มลองรสชาติอย่างทั่วถึง โดยเน้นจับลูกค้าที่ดื่มกาแฟพร้อมดื่มรูปแบบกระป๋องในเมืองไทย

 

Boss Coffee

Boss Coffee ทั้ง 3 รสชาติที่ปรับฉลากดีไซน์ใหม่ ได้แก่ BOSS Black ,BOSS Latte และ BOSS Americano

 

โดยทั้ง 3 เมนู ได้รับแรงบันดาลใจจากเมนูกาแฟ Craft  Boss ที่ขายดีในญี่ปุ่นมาวางจำหน่ายในไทย ซึ่งทางแบรนด์วางเป้าหมายอีก 3 ปี ข้างหน้า จะต้องสร้างการเติบโตแบบ Double Size หรือก้าวสู่ ‘เบอร์หนึ่ง’ ในตลาดกาแฟพร้อมดื่มพรีเมียมของไทยเช่นเดียวกับที่ญี่ปุ่นภายใน 3 ปีข้างหน้า (2566-2569)


แชร์ :

You may also like