HomeBrand Move !!โฉมใหม่ “โออิชิ แกรนด์” สยามพารากอน ปักธงไฮไลท์ “Sushi Destination” มาพร้อมบุฟเฟ่ต์ระดับโอมากาเสะ กลางกรุง

โฉมใหม่ “โออิชิ แกรนด์” สยามพารากอน ปักธงไฮไลท์ “Sushi Destination” มาพร้อมบุฟเฟ่ต์ระดับโอมากาเสะ กลางกรุง

แชร์ :

oishi grand

 

ADFEST 2024

Santos Or Jaune

จากแนวโน้มการเติบโตของอาหารญี่ปุ่นในไทยตลอดช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมาที่ยังคงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง ทำให้เจ้าแห่งอาหารญี่ปุ่นในไทยอย่าง “โออิชิ” (Oishi) ยังคงเดินหน้าปูพรมสาขาทั่วไทย ผ่านโมเดลและแบรนด์ที่หลากหลายตามความต้องการของลูกค้าในแต่ละกลุ่มเป้าหมาย ตั้งแต่ โออิชิ แกรนด์, โออิชิ อีทเทอเรียม, โออิชิ บุฟเฟต์, Nikuya , ชาบูชิ , โออิชิ ราเมน และ Kakashi 24 

ที่น่าสนใจคือโมเดล “โออิชิ แกรนด์” แฟล็กชิฟที่มีเพียงสาขาเดียวของโออิชิ ที่แม้จะมีแค่สาขาเดียวแต่ในแง่ของภาพลักษณ์และยอดขาย ถือว่าโมเดลนี้คือแบรนด์เรือธงหลักที่ชูความเป็นอาหารญี่ปุ่นพรีเมี่ยมของทางค่ายได้อย่างชัดเจน ซึ่งหลังจากปิดปรับปรุงครั้งใหญ่ล่าสุดไปเมื่อช่วงที่ผ่านมา และได้กลับมาเปิดให้บริการเต็มรูปแบบอีกครั้ง (1 ธันวาคม 2565 ทึ่ผ่านมา) 

คุณนงนุช บูรณะเศรษฐกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท โออิชิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ โออิชิ กล่าวกว่า ตลอดช่วงที่ผ่านมาทั้งสถานการณ์โควิด-19 และการเปลี่ยนแปลงของไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคในสังคม ส่งผลให้พฤติกรรมและวิถีชีวิตของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไปในหลายๆด้าน มีความแตกต่างจากหลาย ๆ ปีที่ผ่านมา ทำให้ธุรกิจร้านอาหารต้องมีการ Rethink เพื่อสร้างโอกาสการเติบโตใหม่ที่หลากหลาย โดยในส่วนของโออิชิเองก็ได้มีการปรับแผนงาน และปรับวิถีคิดในการทำธุรกิจหลายภาคส่วนเพื่อให้สอดรับกับเทรนด์ของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปทั้งในแง่ธุรกิจและด้านความยั่งยืน

 

คุณนงนุช บูรณะเศรษฐกุล

คุณนงนุช บูรณะเศรษฐกุล

 

สำหรับโมเดล “โออิชิ แกรนด์” ถือเป็นอีกหนึ่งโมเดลเรือธงของโออิชิในระดับพรีเมี่ยมที่ประสบความสำเร็จมาต่อเนื่องยาวนาน โดยเปิดให้บริการมาแล้วกว่า 20 ปี โดยมีสาขาแรกที่ศูนย์การค้าสยาม ดิสคัฟเวอรี่ ก่อนจะย้ายมาที่ศูนย์การค้าสยามพารากอน เมื่อ 8-9 ปีที่ผ่านมา ก่อนจะย้ายมายังทำเลชั้น 4 ปัจจุบัน (โซนฟู้ด พาสสาจ) ภายใต้งบประมาณการรีโนเวตกว่า 20 ล้านบาท เพื่อรองรับตลาดร้านอาหารญี่ปุ่นมูลค่ากว่า 20,000 ล้านบาท ที่ยังเติบโตต่อเนื่อง โดยอาหารยอดนิยมในไทยยังเป็น 3 อันดับแรก ยังคงเป็นอาหารญี่ปุ่น เกาหลี และไทย

สำหรับ “โออิชิ แกรนด์” โฉมใหม่ ตั้งอยู่ในโซน ฟู้ด พาสสาจ ชั้น 4 ศูนย์การค้าสยามพารากอน (พื้นที่ใหม่) และแม้พื้นที่จะเล็กลงกว่าเดิม ที่ 400 ตร.ม. 130 ที่นั่ง จากพื้นที่เดิมเกือบ 600 ตร.ม. 200 ที่นั่ง โดยบรรยากาศภายในถูกออกแบบตกแต่งแบบญี่ปุ่นร่วมสมัย จัดพื้นที่ให้ยืดหยุ่นรองรับไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ บนแนวคิด The Ultimate Experience of All-Time Favorite and Real Japanese Taste หรือ หรือ “ให้ทุกคำ…ผสานรสชาติต้นตำรับญี่ปุ่นแท้ ๆ พร้อมสัมผัสประสบการณ์ความอร่อยครั้งใหม่…ไม่มีที่สิ้นสุด”  

 

new OishiGrand

“โออิชิ แกรนด์” โฉมใหม่ บนชั้น 4 ศูนย์การค้าสยามพารากอน

 

ขณะที่เมนูภายในร้านเน้นความเป็นวาไรตี้ของความเป็นอาหารญี่ปุ่นแบบ 100% วัตถุดิบนำเข้าจากตลาดญี่ปุ่น มากกว่า 140-200 เมนู (ขณะที่โออิชิแกรนด์เดิมมี 120 เมนู) เน้นเจาะกลุ่มครอบครัว นักธุรกิจ นักท่องเที่ยว

โดยจะเน้นอาหารประเภทซูชิจากประเทศญี่ปุ่น หรือความเป็น “Sushi Destination” ที่มีไฮไลท์คือความสด ใหม่ เพื่อตอบ Customer Insight ของลูกค้า ในยุคหลังโควิดที่หันมาใส่ใจสุขภาพมากขึ้น และซูชิคือเมนูยอดนิยมอันดับแรกๆที่ผู้บริโภคนึกถึง ควบคู่กับเมนูวาไรตี้มากมายตั้งแต่ ซูชิระดับโอมากาเสะ และซาชิมิ ชิ้นโต  ด้วยวัตถุดิบนำเข้าจากตลาดปลาชั้นนำของญี่ปุ่น พร้อมอาหารญี่ปุ่นต้นตำรับหลากหลาย

 

Sushi

ซูชิ เมนูเด็ดที่ร้านให้ความสำคัญในการเสิร์ฟลูกค้าตามความต้องการ

 

นอกจากนี้ ยังมีเมนูพิเศษ ที่จัดเตรียมไว้เป็นของขวัญ และให้บริการแก่แฟนๆ โออิชิ แกรนด์ คือ เมนู “ซานุกิ อุด้ง หอยเชลล์ย่าง ซอสเมนไทโกะ” ที่ผสานความอร่อยของเส้นซานุกิอุด้ง (นำเข้าจากเมืองคางาวะ) เสิร์ฟพร้อมหอยเชลล์ย่างตัวโต และ เมนู “ชูชิกุ้งแม่น้ำ เนื้อปูซูไว ซอสล็อบสเตอร์” โรยหน้าด้วยเนื้อปูซูไว (นำเข้าจากฮอกไกโด โดยพร้อมเสิร์ฟเฉพาะช่วงเวลาโอกาสพิเศษเฉลิมฉลองส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ 1 ธันวาคม 2565 – 28 กุมภาพันธ์ 2566

นอกจากเรื่องความเป็นญี่ปุ่นแบบขั้นสุดแล้ว “โออิชิ แกรนด์” ยังมาพร้อม 4 กลยุทธ์ในการรุกตลาด ได้แก่ 1.ส่งมอบประสบการณ์อาหารญี่ปุ่นแบบต้นตำรับ 2.นำเทคโนโลยีระบบอัตโนมัติต่างๆมาใช้บริการ สั่งสั่งอาหาร คิวอาร์โคท ฯลฯ  3.ปรุงอาหารแบบจานต่อจาน Made-to-Order รักษาคุณภาพของอาหาร  และ 4.ทั้งหมดเพื่อผลักดันให้สู่เป้าหมายในการลดปริมาณการสูญเสียอาหาร หรือ Food Lossในการทำธุรกิจ โดยวางเป้าหมาย Zero Food Waste ในปี 2030 ซึ่งเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์สำคัญในการดำเนินธุรกิจร้านอาหารของโออิชิทั้งระบบ

 

QRcode

บริการสั่งอาหารผ่านช่องทางอัตโนมัติ ตอบโจทย์ลูกค้ายุคใหม่

 

ด้านราคาบริการบุฟเฟ่ต์ จะมีการปรับขึ้นเล็กน้อย ตามภาพลักษณ์ที่ดูพรีเมี่ยมมากขึ้น ควบคู่กับการปรับขึ้นราคาเพื่อบาลานซ์ต้นทุนหลังภาพรวมวัตถุดิบหลายอย่างมีการปรับขึ้นราคาอย่างต่อเนื่องตลอดปีที่ผ่านมา โดยราคาใหม่ของ “โออิชิ แกรนด์” สาขาสยามพารากอน ประกอบไปด้วย 3 ระดับราคา ซึ่งแต่ละโซนสามารถรับประทานและใช้บริการรับประทานอาหารได้ไม่จำกัด ภายในระยะเวลา 2 ชั่วโมงเต็ม ได้แก่ 

 

A4

เนื้อวากิว A4 นำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น ที่คอเนื้อพรีเมี่ยมต้องห้ามพลาด

 

  • Premium Buffet : อิ่ม ฟิน ไม่อั้น กับซูชิและซาซิมิ ยอดนิยม กว่า 140 รายการ ราคา 1,059 บาท++
  • Platinum Buffet : อิ่ม ฟิน ไปอีกขั้น กว่า 190 เมนูระดับแพลทินัม อาทิ เนื้อวากิว ,ซูชิโฮตาเตะย่างซอสอูนิ ฯลฯราคา 1,659 บาท++
  • Prestige Buffet :อิ่ม ไม่อั้น ขั้นสุด ด้วยเมนูพิเศษระดับเพรสทีจ อาทิ เนื้อวากิวญี่ปุ่นA4 ,ซูชิโทโร่คาเวีย ฯลฯ กว่า 200 เมนู ราคา 2,659 บาท++

นอกจากสาขาดังกล่าวแล้วทางบริษัทมีแผนจะขยายสาขาโมเดลเดียวกับ “โออิชิ แกรนด์” เพิ่มอีก 1-2 สาขา ในทำเลศักยภาพ ซึ่งในปี 2566 จะได้เห็นแฟล็กชิฟ “โออิชิ แกรนด์” เพิ่มอีก 1 สาขา ที่โครงการ One Bangkok 

 

อ่านเพิ่มเติม

ธุรกิจอาหาร-เครื่องดื่มฟื้นหลังโควิด “โออิชิ” โชว์ฟอร์ม Q3 โกยรายได้ 3.3 พันล้านโตเพิ่ม 120.5%


แชร์ :

You may also like