ปี 2022 อาจเป็นปีที่ยากลำบากทีเดียวสำหรับมหาเศรษฐีคนดังอย่าง Mark Zuckerberg ซีอีโอของ Meta กับการพยายามผลักดันแนวคิด Metaverse ให้เป็นที่ยอมรับ โดยสิ่งที่ต้องแลกมามีตั้งแต่การประกาศว่าจะทุ่มงบประมาณไปกับการพัฒนาเทคโนโลยีดังกล่าวนับหมื่นล้านเหรียญสหรัฐแต่กลับได้มาแค่อวาตาร์ที่ไม่มีขา รวมถึงการประกาศเลย์ออฟพนักงานจำนวนมากเพื่อรัดเข็มขัด และการไม่สามารถทำให้มูลค่าหุ้นของ Meta ฟื้นคืนชีพขึ้นมาได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่นักลงทุนไม่ปลื้มแต่อย่างใด
มีการตั้งคำถามจากสื่อตะวันตกจำนวนไม่น้อยว่าอะไรที่ทำให้ Mark Zuckerberg ยังคงแสดงความมั่นใจในวิสัยทัศน์ด้าน Metaverse ต่อหน้าสาธารณชน โดยเฉพาะการเชื่อมั่นว่า Metaverse ในความคิดของเขาจะเป็นสิ่งที่คนส่วนใหญ่ต้องการ ซึ่งคำตอบของคำถามนี้ มีอดีตผู้บริหารของ Facebook ที่ไม่ประสงค์จะเอ่ยนามให้ความเห็นว่า ความมั่นใจดังกล่าวมาจากคนที่อยู่รอบตัว Mark Zuckerberg นั่นเอง
Vanity Fair ซึ่งเป็นผู้สัมภาษณ์อดีตผู้บริหาร Facebook คนดังกล่าวเผยว่า คนรอบตัวของ Mark Zuckerberg ตอนนี้มีแต่คนที่ชอบประจบประแจง ทำให้เขามั่นใจว่าแนวคิดเรื่อง Metaverse เป็นสิ่งที่ถูกต้อง ทั้ง ๆ ที่ในความเป็นจริงแล้ว อาจไม่มีใครสนใจเลยก็ได้
สิ่งหนึ่งที่เป็นหลักฐานได้ดีก็คือ รายงานของ The New York Times ที่ระบุว่า Meta ต้องใช้ความพยายามอย่างหนักในการผลักดันให้พนักงานเข้ามาอยู่ใน Horizon World (โลก Metaverse ที่พวกเขาสร้างขึ้นมา) แถมพนักงานบางส่วนยังไม่มีอุปกรณ์ Oculus ซึ่งถือเป็นอุปกรณ์หลักในการเข้าสู่ Metaverse ของบริษัทด้วย ซึ่งความอิหลักอิเหลื่อนี้ทำให้พนักงานบางส่วนของ Meta ตั้งชื่อย่อให้กับโปรเจ็ค Metaverse ว่า MMA หรือย่อมาจาก “Make Mark Happy” กันเลยทีเดียว
อะไรจะเกิดขึ้น หาก CEO รายล้อมด้วยคนที่ไม่กล้าขัดใจ
มีบทวิเคราะห์จาก Harvard Business Review ที่น่าสนใจชิ้นหนึ่งระบุว่า การที่ CEO หรือหัวหน้างานเปลี่ยนไปไม่ใช่เรื่องแปลก และเป็นสิ่งที่สามารถเกิดขึ้นได้กับผู้นำทุกคน ซึ่งสาเหตุส่วนหนึ่งมาจากการที่ CEO ถูกบางสิ่งบางอย่างเข้ามาดึงให้ไขว้เขวไปจากความตั้งใจเดิมเมื่อตอนเริ่มต้นของการเป็นผู้นำ โดยวันนี้พวกเขาอาจเริ่มมองหาสิ่งอื่น ๆ เช่น อำนาจ, ชื่อเสียง, เงินตรา, โบนัส, การตีพิมพ์บทสัมภาษณ์ในหนังสือพิมพ์ ฯลฯ มากกว่าการได้ทำในสิ่งที่เคยตั้งใจไว้
Harvard Business Review ยังได้อ้างอิงคำกล่าวของ Daniel Vasella ผู้บริหารของ Novartis ที่เคยให้สัมภาษณ์กับนิตยสาร Fortune ว่า หากผู้นำให้ความสำคัญกับสิ่งเย้ายวนใจภายนอกมากขึ้น พวกเขาจะเริ่มปฏิเสธเพื่อนบางคนที่เคยกล่าวเตือนด้วยความหวังดี และเลือกคนที่พูดแต่สิ่งที่ตนเองอยากจะฟังมาไว้ข้างกายแทน
เมื่อ CEO เหล่านั้นเผชิญหน้ากับความล้มเหลวในตอนที่อยู่บนจุดสูงสุด สิ่งที่เขาเลือกทำจึงเป็นการโน้มน้าวคนรอบตัวว่า ปัญหาเหล่านี้ไม่ใช่ความผิดของเขา รวมถึงจะมองหาใครสักคน หรือสถานการณ์บางอย่างมารับผิดแทน ซึ่งในท้ายที่สุดแล้ว พฤติกรรมดังกล่าวจะทำให้องค์กรเดินหลงทางไปมากขึ้นเรื่อย ๆ และถือเป็นช่วงเวลาที่ผู้นำสามารถสร้างความผิดพลาดครั้งใหญ่ เช่น การทำผิดกฎหมาย หรือการทำผิดศีลธรรมได้เลยทีเดียว
ด้วยเหตุนี้ สิ่งที่น่าสนใจคือ บรรดาผู้นำจะทำอย่างไรให้คนที่ไว้ใจได้ยังอยู่รอบข้างในวันที่พวกเขาเปลี่ยนไป รวมถึงจะทำอย่างไรให้คนเหล่านั้นสามารถพูดความในใจกับ CEO ได้อย่างซื่อสัตย์เหมือนที่เคยเป็นมา ซึ่งเราคงได้ศึกษาจากกรณีของ Mark Zuckerberg ในอีกไม่ช้านี้