HomePR Newsท่องเที่ยว-อาหาร-ไลฟ์สไตล์ ฟื้นหลังโควิด “MINT” พลิกกำไรไตรมาส 3/65 กว่า 4.6 พันล้าน ชี้ยอดจองโรงแรมในยุโรป-ลาตินอเมริกาสูงเป็นประวัติการณ์

ท่องเที่ยว-อาหาร-ไลฟ์สไตล์ ฟื้นหลังโควิด “MINT” พลิกกำไรไตรมาส 3/65 กว่า 4.6 พันล้าน ชี้ยอดจองโรงแรมในยุโรป-ลาตินอเมริกาสูงเป็นประวัติการณ์

แชร์ :

MINT

ธุรกิจฟื้นหลังโควิด “MINT  พลิกกำไรไตรมาส 3/65 กว่า  4.6 พันล้าน โรงแรมในยุโรปและลาตินอเมริกา ยอดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เชื่อการเปิดประเทศ เที่ยวบินที่เริ่มกลับมา และการปรับตัวทางธุรกิจ หนุนโตแกร่งระยะยาว 

ADFEST 2024

Santos Or Jaune

ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนลฯ หรือ MINT คืออีกหนึ่งบิ๊กธุรกิจเป็นผู้นำในการดำเนินธุรกิจระดับสากล โดยประกอบ 3 ธุรกิจหลัก ได้แก่ ธุรกิจโรงแรม ธุรกิจร้านอาหาร และธุรกิจจัดจำหน่ายสินค้าไลฟ์สไตล์ โดยมีโรงแรมและเซอร์วิส สวีทมากกว่า 520 แห่ง ร้านอาหารกว่า 2,400 สาขา ใน 23 ประเทศ  อีกทั้งยังเป็นผู้นำด้านการจัดจำหน่ายสินค้าไลฟ์สไตล์และรับจ้างผลิต ซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศไทย

หลังได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 ในช่วงที่ผ่านมา แม้ไมเนอร์ฯ จะเป็นอีกหนึ่งบริษัทที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์รอบด้าน แต่จากการปรับยุทธศาสตร์ด้านการทำงานต่างๆ ใน 3 ขาธุรกิจหลักมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้พลิกกลับทำกำไรได้อีกครั้ง โดยล่าสุด ไมเนอร์ฯ หรือ MINT  ได้รายงานผลการดำเนินงานประจำไตรมาส 3 ปี 2565 มีกำไรสุทธิตาม 4.6 พันล้านบาท เมื่อเทียบกับผลขาดทุนสุทธิจำนวน 436 ล้านบาท ในไตรมาส 3 ปี 2564

ขณะที่ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2565 MINT มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 2.4 พันล้านบาท ซึ่งฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งจากผลขาดทุนสุทธิจำนวน 11.6 พันล้านบาท ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2564 ทั้งนี้ หากไม่นับรวมรายการที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว MINT รายงานกำไรสุทธิจากการดำเนินงานอยู่ที่จำนวน 2 พันล้านบาท ในไตรมาส 3 ปี 2565

ซึ่งทั้ง 3 หน่วยธุรกิจของบริษัท มีผลกำไรสูงกว่าในช่วงไตรมาส 3 ปี 2562 (ก่อนการระบาดของโรค COVID-19) แล้ว โดยผลการดำเนินงานดังกล่าวฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญจากทั้งช่วงเดียวกันของปีก่อนและไตรมาสก่อน ซึ่งมีผลขาดทุนจากการดำเนินงานจำนวน 2.4 พันล้านบาท ในไตรมาส 3 ปี 2564 และผลกำไรจากการดำเนินงานจำนวน 1.2 พันล้านบาท ในไตรมาส 2 ปี 2565 โดยเป็นผลมาจากการฟื้นตัวของความต้องการอย่างต่อเนื่อง ควบคู่กับการผลักดันทั้งรายได้และผลกำไรของบริษัทอย่างต่อเนื่อง 

นอกจากนี้ยังพบว่า ฐานะทางการเงินของ MINT ยังคงแข็งแกร่งด้วยผลกำไรที่เพิ่มขึ้นและมาตรการการบริหารจัดการหนี้สินเชิงรุกของบริษัท ส่งผลให้อัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อส่วนของผู้ถือหุ้นลดลงอย่างต่อเนื่องในไตรมาส 3 ปี 2565

โรงแรมยอดจองพุ่ง หนุนยอดจองสูงกว่าก่อนโควิด

โดย “ไมเนอร์ โฮเทลส์” มีผลการดำเนินงานทางการเงินที่แข็งแกร่งในไตรมาส 3 ปี 2565 โดยมีกำไรสุทธิ 1.5 พันล้านบาท พลิกฟื้นจากการขาดทุน 2.4 พันล้านบาทในช่วงเดียวกันของปีก่อน และเติบโตร้อยละ 32 จากช่วงไตรมาส 2 ปี 2565 โดยจำนวนนักท่องเที่ยวที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากการเดินทางเพื่อการพักผ่อนและการเดินทางเพื่อธุรกิจทั่วทุกภูมิภาคหลักของ MINT เป็นหนึ่งปัจจัยสำคัญในการช่วยผลักดันการเติบโตของผลกำไรจากการดำเนินงาน โดยกลุ่มโรงแรมในทวีปยุโรปและลาตินอเมริกามีผลการดำเนินงานในไตรมาส 3 สูงสุดเป็นประวัติการณ์ จากการฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งของกลุ่มนักเดินทางเพื่อธุรกิจและองค์กร ประกอบกับการเดินทางเพื่อการพักผ่อน 

ส่งผลให้รายได้เฉลี่ยต่อห้องต่อคืนในสกุลเงินยูโรของกลุ่มโรงแรมในทวีปยุโรปเติบโตร้อยละ 21 เมื่อเทียบกับปี 2562 ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลมาจากราคาค่าห้องพักที่สูงขึ้น นอกจากนี้ รายได้เฉลี่ยต่อห้องต่อคืนของกลุ่มโรงแรมในประเทศออสเตรเลียและมัลดีฟส์ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง อยู่ในระดับที่สูงกว่าระดับก่อนการระบาดของโรค COVID-19 ในขณะที่ประเทศไทยมีจำนวนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เพิ่มขึ้นและราคาค่าห้องพักที่สูงขึ้น ผลักดันให้รายได้เฉลี่ยต่อห้องต่อคืนของกลุ่มโรงแรมในประเทศไทยเติบโตถึงร้อยละ 75 ของระดับก่อนการระบาดของโรค COVID-19

 

Mint Hotel

 

ธุรกิจอาหารดีดตัวแรงในจีน หลังรัฐบาลผ่อนคลายมาตรการ

“ไมเนอร์ ฟู้ด” มีกำไร 399 ล้านบาท ในไตรมาส 3 ปี 2565 ซึ่งปรับตัวดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทั้งจากช่วงเดียวกันของปีก่อนและไตรมาสก่อน ทั้งนี้เป็นผลมาจากจำนวนลูกค้าที่นั่งรับประทานอาหารภายในร้านที่เพิ่มขึ้นและความสามารถในการดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งช่วยผลักดันการเติบโตของรายได้ โดยกลุ่มธุรกิจร้านอาหารในประเทศจีนของไมเนอร์ ฟู้ดพลิกฟื้นกลับมาสร้างผลกำไรในไตรมาสนี้ เนื่องมาจากการผ่อนคลายมาตรการในการป้องกันการแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ในเมืองหลักต่างๆ ตั้งแต่ในเดือนมิถุนายน 2565 และการปรับโครงสร้างการดำเนินงานของกลุ่มธุรกิจร้านอาหารให้สอดคล้องกับความต้องการในเมืองต่างๆ 

อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าจะยังคงมีมาตรการในการควบคุมโรค COVID-19 ในบางพื้นที่ในประเทศจีน แต่สาขาร้านอาหารส่วนใหญ่ได้กลับมาเปิดให้บริการการนั่งรับประทานภายในร้านและบริการจัดส่งอาหารอีกครั้งในช่วงไตรมาสดังกล่าว 

ส่วนกลุ่มธุรกิจร้านอาหารในประเทศไทยและออสเตรเลียยังคงมีผลกำไรที่แข็งแกร่งขึ้นอย่างต่อเนื่องในไตรมาส 3 ปี 2565 ซึ่งเป็นผลมาจากความสำเร็จในการเพิ่มจำนวนลูกค้าภายในร้านผ่านการออกเมนูและนวัตกรรมใหม่ๆ เช่น ไอศกรีมในประเทศไทยและกาแฟในประเทศออสเตรเลีย ส่งผลให้ยอดขายต่อร้านเดิมโดยรวมของทั้งบริษัทเติบโตร้อยละ 16.6 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ทั้งนี้ เมื่อประกอบกับการขยายสาขาและการกลับมาเปิดให้บริการร้านอาหารที่ปิดให้บริการชั่วคราวในปีที่ผ่านมา ไมเนอร์ ฟู้ดมียอดขายโดยรวมทุกสาขาเติบโตร้อยละ 41.3 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และสูงกว่าระดับก่อนการระบาดในปี 2562 ในอัตราร้อยละ 2 

และ “ไมเนอร์ ไลฟ์สไตล์” มีกำไรจากการดำเนินงานพลิกฟื้นกลับมาเป็นบวกจำนวน 72 ล้านบาท ในไตรมาส 3 ปี 2565 จากผลขาดทุนจากการดำเนินงานจำนวน 86 ล้านบาท ในช่วงเดียวกันของปีก่อน จากจำนวนลูกค้าภายในร้านและประสิทธิภาพในการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้น

 

เปิดตัวแบรนด์ร้านอาหาร-ปรับธุรกิจ รับท่องเที่ยว การบินฟื้น

อย่างไรก็ตาม เมื่อมองไปข้างหน้า แนวโน้มเชิงบวกของการจองห้องพักและร้านอาหารล่วงหน้าที่แข็งแกร่งจะช่วยผลักดันให้ MINT สามารถสร้างผลการดำเนินงานที่ดียิ่งๆ ขึ้นต่อไป โดยคาดว่ากลุ่มโรงแรมในทวีปยุโรปจะยังคงได้รับแรงผลักดันจากการกลับมาของนักท่องเที่ยวจากประเทศที่อยู่ห่างไกล โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักท่องเที่ยวจากทวีปอเมริกาเหนือและทวีปเอเชีย การจัดการประชุมและงานสัมมนาต่างๆ ที่มีขนาดใหญ่ ตลอดจนการกลับมาการเดินทางเพื่อธุรกิจของบริษัทขนาดใหญ่ 

ในขณะที่สายการบินต่างๆ อยู่ในระหว่างการดำเนินการเพื่อเพิ่มจำนวนที่นั่งในหลายจุดหมายปลายทาง ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวจะช่วยกระตุ้นจำนวนนักท่องเที่ยวขาเข้าสำหรับโรงแรมในประเทศไทยและประเทศอื่นๆ อีกทั้ง การกลับมาให้บริการของเที่ยวบินระยะไกลคากว่าจะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ช่วงเร่งการเติบโตของรายได้ต่อไป

นอกจากนี้ จำนวนนักท่องเที่ยวที่เติบโตอย่างแข็งแกร่งในประเทศมัลดีฟส์ ออสเตรเลีย และตะวันออกกลางจะช่วยผลักดันให้กลุ่มโรงแรมในประเทศดังกล่าวสามารถขึ้นราคาค่าห้องพักต่อไปได้ ในขณะที่ไมเนอร์ ฟู้ดยังคงมุ่งสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ ซึ่งรวมถึงรูปแบบร้านค้าใหม่ แพลตฟอร์มโปรแกรมความภักดีระหว่างลูกค้าต่อแบรนด์ใหม่ ตลอดจนการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ 

โดยล่าสุดไมเนอร์ ฟู้ดได้เปิดตัวแบรนด์ พูเลท์ (Poulet) ซึ่งเป็นร้านไก่อบในประเทศไทย อย่างไรก็ตาม MINT ยังคงมองหาโอกาสในการเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานเพื่อผลักดันความสำเร็จอย่างยั่งยืนของบริษัทต่อไป การทำสัญญาเพื่อกำหนดราคาพลังงานสำหรับปี 2565 และปี 2566 โดยเฉพาะอย่างยิ่งในทวีปยุโรปนั้น ได้ประสบความสำเร็จแล้วเป็นส่วนใหญ่ MINT จึงมีความมั่นใจมากขึ้นในการจัดการปัญหาเรื่องภาวะเงินเฟ้อ 

 

คุณดิลลิป ราชากาเรีย

คุณดิลลิป ราชากาเรีย

 

คุณดิลลิป ราชากาเรีย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มของ MINT กล่าวว่า “ผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งในไตรมาสที่สามของบริษัทแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของ MINT ในทุกหน่วยธุรกิจ ผมมีความภูมิใจเป็นอย่างมากในตัวบุคลากรของเราที่มุ่งมั่นทำงานอย่างหนักเพื่อแขกและลูกค้าทุกคนในช่วงเวลาที่ยากลำบากที่ผ่านมา ผมรู้สึกดีใจเป็นอย่างยิ่งที่เราได้ส่งมอบประสบการณ์อันยอดเยี่ยม เหนือความคาดหมายให้กับลูกค้า ด้วยผลการดำเนินงานของทั้งสามหน่วยธุรกิจ ซึ่งอยู่ในระดับที่สูงกว่าก่อนการระบาดของโรค COVID-19 บริษัทจึงมีความมั่นใจในความสำเร็จของกลยุทธ์การเติบโตอย่างยั่งยืผ่านกลุ่มแบรนด์โรงแรมและร้านอาหารชั้นนำของบริษัท ซึ่งการฟื้นตัวในเชิงบวกดังกล่าวจะสามารถเอาชนะแรงกดดันต่างๆ จากสภาพแวดล้อมเศรษฐกิจภายนอกได้ ทั้งนี้ เมื่อประกอบกับการบริหารจัดการทรัพยากรอย่างรอบคอบของบริษัทแล้ว บริษัทมีความมั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่าจะยังคงสามารถสร้างผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งต่อไปในปี 2565 ผ่านความสามารถในการทำกำไรที่เพิ่มขึ้น”


แชร์ :

You may also like