HomeSponsoredกักตัวก็เที่ยวได้! ชวนเที่ยวแบบทิพย์ๆ กับ 17 สถานที่เที่ยว ภาคเหนือเมืองไทย ที่ต้องห้ามพลาด

กักตัวก็เที่ยวได้! ชวนเที่ยวแบบทิพย์ๆ กับ 17 สถานที่เที่ยว ภาคเหนือเมืองไทย ที่ต้องห้ามพลาด

แชร์ :

หากเป็นช่วงสถานการณ์ปกติที่ไร้ไวรัสโควิด-19 เข้ามาป่วน ตอนนี้หลายคนคงเดินทางท่องเที่ยวอย่างสนุกสนาน บางคนอาจจะวางแผนทริปเที่ยวไปถึงปลายปี แต่เมื่อสถานการณ์โควิด-19 ยังระบาดหนัก ทำให้ทุกคนจำเป็นต้องใช้ชีวิตอยู่บ้านมากขึ้น เพื่อหยุดเชื้อไม่ให้ระบาด ขณะที่บางคนต้อง Work from Home กันยาวๆ จนหลายคนอาจจะเบื่อวิวในห้องสี่เหลี่ยมแคบๆ และอยากออกไปเปิดประสบการณ์ พร้อมกับแชะรูปสวยๆ อวดโลกโซเชียลกันแล้ว

ADFEST 2024

Santos Or Jaune

ถึงนาทีนี้ เราจะไม่ได้ก้าวออกจากบ้าน แต่ด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ ทำให้เราสามารถออกไป “เที่ยวทิพย์” ในสถานที่ต่างๆ ให้หายคิดถึงได้เหมือนกัน แถมยังได้เปิดประสบการณ์ใหม่ๆ ในสถานที่ที่ยังไม่รู้จักได้ด้วย เราจึงอยากชวนทุกคนมาเที่ยวกันแบบทิพย์ กับ 17 สถานที่ ภาคเหนือเมืองไทยที่ที่หลายคนอาจจะยังไม่รู้จัก ให้ได้ลองมาเดินเล่นกันเพลินๆ ก่อนวางแผนเที่ยวจริงหลังหมดโควิด #แอ่วเหนือม่วนใจ๋ไปโตยกั๋น

1.เชียงใหม่ – เปิดตำนานโลหะปราสาทพระธาตุศรีเมืองปง

เชียงใหม่ เป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวมักจะนึกถึงและเดินทางมาเป็นอันดับแรกๆ เพราะนอกจากจะเต็มไปด้วยแหล่งท่องเที่ยวบรรยากาศดีๆ คาเฟ่ฮิปๆ ทั่วเมือง ที่นี่ยังมีศิลปวัฒนธรรมล้านนาและวัดวาอารามที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์และมีความงดงาม หนึ่งในนั้นคือ “วัดบ้านปง” (อรัญญวาส) เป็นวัดเก่าแก่ที่อยู่คู่บ้านคู่เมืองบ้านปงมายาวนาน ทั้งยังมีงานจิตรกรรมฝาผนังในวิหารที่สวยงามเป็นศิลปะแบบล้านนา รวมถึงพระธาตุเจดีย์ศรีเมืองปง โลหะปราสาททิพยวิมานคำแห่งเมืองล้านนา ที่ตั้งอยู่บนยอดเขาหลังวัด ให้ทุกคนได้นมัสการเพื่อเป็นสิริมงคลในชีวิต

สถานที่ตั้ง : ตำบลบ้านปง อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่

พิกัด : https://goo.gl/maps/pZaBArCnN9yFCPca6

2.เชียงราย – พระลักแล วัดหิรัญญาวาส

เชียงราย นอกจากจะเป็นที่ตั้งของวัดร่องขุนที่สวยงามแล้ว ยังเป็นที่ตั้งของวัดหิรัญญาวาส จุดเด่นของวัดนี้ อยู่ที่พระประธานในวิหารชื่อว่า “พระสิงห์สาน” ซึ่งเป็นพระพุทธรูปหนึ่งเดียวที่สานด้วยไม้ไผ่องค์ใหญ่ที่สุดในโลก พร้อมด้วย “พระลักแล”  พระพุทธรูปศิลปะพม่า ที่สามารถเหลียวหน้ามองตามเราไปทุกๆ ด้าน ไม่ว่าเราจะมองพระพุทธรูปด้านใด โดยเปิดให้เข้าชมทุกวัน ไม่มีค่าใช้จ่าย ตั้งแต่เวลา 07.00 น. – 19.00 น

สถานที่ตั้ง : อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย

พิกัด : https://goo.gl/maps/6EqbEhfdoh277JkL7

3.พะเยา – วัดห้วยผาเกี๋ยง

วัดห้วยผาเกี๋ยง เป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงมากๆ และต้องตามไปเช็คอินกัน เพราะที่นี่โดดเด่นในเรื่องพระพุทธรูปแกะสลักบนหน้าผาหินทรายรอบ ๆ บริเวณวัด โดยศิลปินชั้นครูของจังหวัดพะเยา จำนวน 23 ชิ้น มีทั้งพระนอนแกะสลักบนหินทรายฝีมืออดีตเจ้าอาวาสที่มรณภาพและพระพุทธรูปปางต่างๆ มากมายอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ ทำให้ที่นี่เป็นอุทยานพุทธศิลป์สำคัญ โดยเปิดให้เข้าชมฟรีทุกวัน ตั้งแต่เวลา 07.00 น. – 19.00 น.

สถานที่ตั้ง : ท่าวังทอง อำเภอเมืองพะเยา จังหวัดพะเยา

พิกัด : https://goo.gl/maps/5x2i74zctyiKE9rX7

4.น่าน – พระอุโบสถวัดบ่อแก้ว

เป็นวัดที่สร้างด้วยศิลปะแบบล้านนา พระอุโบสถมีสีขาวทั้งหลังงดงามวิจิตรด้วยลวดลายแกะสลักปูนปั้นประดับกระจกสีต่างๆ ภายในวัด มีพระธาตุบ่อแก้ว เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองของอำเภอนาหมื่นและพระแก้วโบราณยืนอุ้มบาตร เปิดให้เข้าชมฟรีทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00 น. – 17.00 น.

สถานที่ตั้ง : ตำบลบ่อแก้ว อำเภอนาหมื่น จังหวัดน่าน

พิกัด  : https://goo.gl/maps/y5tpGSuRrruMds5i6

5.พิจิตร – โบสถ์จระเข้ วัดศรีศรัทธาราม     

เมื่อมาถึงจังหวัดพิจิตร ต้องแวะมาที่วัดศรีศรัทธาราม เพราะภายในวัดมีโบสถ์หลังใหญ่สีขาวสวยงามตระหง่านแปลกตา รอบโบสถ์ยังล้อมด้วยรูปปั้นจระเข้ขนาดใหญ่นอนขนาบข้างบันได 2 ตัว ส่วนบริเวณราวบันไดทั้ง 2 ข้างจะมีรูปปั้นจระเข้กำลังกลืนกินรีนอนอยู่อีก 4 ตัว ขณะที่ราวบันไดทางขึ้นเข้าไปในโบสถ์ ยังมีจระเข้กำลังกลืนกินรีอยู่อีก 6 ตัว ระหว่างบันไดทางเข้าโบสถ์ยังมีรูปปั้นจระเข้นอนอ้าปากอยู่ 2 ตัว โดยหางจะชี้ฟ้าขึ้นไปบนเสาหลังคาโบสถ์ ส่วนบริเวณด้านหลังโบสถ์มีรูปปั้นจระเข้นอนอ้าปากหางชี้ฟ้าอีกจำนวนหนึ่ง เมื่อนับรวมจระเข้ทั้งหมดพบว่ามีจำนวนถึง 22 ตัว จึงถูกเรียกว่าโบสถ์จระเข้ นอกจากนี้ ภายในโบสถ์มีหลวงพ่อดำเป็นพระประธาน และภาพวาดผนังภายในโบสถ์มีลวดลายลงสีสวยงาม เป็นภาพที่เล่าเรื่องในวรรณคดีเรื่องไกรทอง ชาละวัน ที่ตำนานของเมืองพิจิตร เปิดให้เข้าชมฟรีทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00 น. – 17.00 น.

สถานที่ตั้ง : ซอยเทศบาลตำบลกำแพงดิน ตำบลกำแพงดิน อำเภอสามง่าม จังหวัดพิจิตร

พิกัด  : https://goo.gl/maps/UMz9SC2NYKYLHYs26

6.ลำพูน – วัดมหาธาตุเจดีย์ศรีเวียงชัย

พระมหาเจดีย์ศรีเวียงชัย สร้างขึ้นโดยหลวงปู่ครูบาชัยยะวงศาพัฒนา เพื่อเป็นพุทธเจดีย์ของพระพุทธเจ้า 5 พระองค์  ภายในโดดเด่นสง่างามด้วยพระมหาธาตุเจดีย์ศรีเวียงชัยสีทองตั้งเด่นตระหง่าน มีรูปทรงคล้ายชเวดากองจำลอง ถือเป็นสถาปัตยกรรมทางพระพุทธศาสนาศิลปะล้านนาที่สร้างด้วยศิลาแลงมีขนาดฐานกว้าง 40×40 เมตร ความสูงจากฐานถึงยอดฉัตร 64.39 เมตร

สถานที่ตั้ง : ตำบลนาทราย อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน

พิกัด : https://goo.gl/maps/QKMZUkfrVVmcbJ126

7.ตาก – Workshop ธูปอัมพัน แห่งนครแม่สอด

สำหรับใครที่ชื่นชอบการทำธูปหอม ต้องแวะไปที่นี่เลย “ร้านธูปอัมพัน” (Amphan) ของ 3 ผู้ก่อตั้ง “คุณสันติ-คุณเจ๊ก-คุณมล” เพราะที่นี่ไม่ได้เป็นแค่สถานที่จำหน่ายผลิตภัณฑ์ธูปหอมไล่ยุง ถ่านดูดกลิ่น ที่ผลิตจากวัตถุดิบในท้องถิ่น แต่ดีไซน์ยังแปลกใหม่ไม่เหมือนใครจนได้รับการยอมรับในระดับสากล ยังเปิดสอนเวิร์คช็อปทำธูปกำยานในชื่อ “ชนบท Workshop by Amphan” ให้กับนักท่องเที่ยวกันอีกด้วย

ที่มาของการเปิดสอนเวิร์คช็อป เกิดมาจากพิษโควิด-19 ที่เล่นงานจนทำให้ไม่สามารถออกงานแสดงสินค้าต่างๆ ได้ ทางร้านจึงต้องปรับตัวเปลี่ยนพื้นที่หลังบ้านให้เป็นแหล่งพบปะและเรียนรู้ โดยมีกิจกรรมเวิร์คช็อปมากมาย ทั้งการทำกำยานไม้จันทน์หอม ถ่านอัดดูดกลิ่นจากเมล็ดปาล์มและแมคคาเดเมียไม่ใช้แล้วให้กลับมามีคุณค่าอีกครั้ง รวมถึงการทำ Pizza ขนมอบ และเบเกอรี่ต่างๆ จากเตาถ่าน ที่ผลิตถ่านใช้เอง สำหรับคนที่อยากลองทำธูปและถ่านดูดกลิ่นสักครั้ง ต้องมาลองที่นี่แล้วหล่ะ

สถานที่ตั้ง : 82 หมู่ 3 ตำบลแม่ตาว อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก

8.นครสวรรค์ – พาสาน แลนด์มาร์คสุดล้ำ    

พาสาน เป็นอาคารสุดล้ำแห่งเมืองปากน้ำโพ ซึ่งนอกจากจะสร้างขึ้นเพื่อเป็นแหล่งท่องเที่ยวแล้ว ภายในยังมีห้องจัดแสดงนิทรรศการด้วยระบบมัลติมีเดีย เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรมประเพณีของจังหวัดนครสวรรค์ นอกจากนี้การออกแบบตัวอาคารยังมีเอกลักษณ์โดดเด่น ด้วยการออกแบบให้มีความโค้งเหมือนการรวมตัวของแม่น้ำหลัก 4 สาย ปิง วัง ยม น่าน มาประสานกันเป็นสองสายและรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน โดยสามารถเดินทางมาโดยรถยนต์และบริการเรือข้ามฟาก (ค่าบริการ 30 บาท/คน)

สถานที่ตั้ง : แหลมเกาะยม อำเภอเมือง จังหวัดนครสวรรค์

พิกัด : https://goo.gl/maps/iZu5XVeB3dXUypLB7

9.แพร่ – Walking Street Art

Walking Street Art เอาใจสายอาร์ตกับจุดถ่ายรูป ภาพวาดบนฝาผนังกำแพง 20 จุด ในชุมชนเหมืองหิตต้นธง ชุมชนเก่าแก่ที่มีเอกลักษณ์ที่น่าสนใจ มีประวัติมาอย่างยาวนานตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 พร้อมสัมผัสเสน่ห์ของวิถีชีวิตของชาวบ้านที่ส่วนใหญ่ เป็นชาวพื้นเมือง ชาวไทยใหญ่ ชาวเงี้ยว การเดินทางมีถนนสายสำคัญ 2 สายคือ ถนนสายยันตรกิจโกศลและถนนเจริญเมือง ถนนสายสำคัญของจังหวัดแพร่ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อคุณหนึ่ง ชุมชนเหมืองหิตต้นธง 087 361 5567

สถานที่ตั้ง : ชุมชนเหมืองหิตต้นธง ถ. สายยันตรกิจโกศลและ ถ.เจริญเมือง จ.แพร่

10.เพชรบูรณ์ – ท้องทะเลดึกดำบรรพ์ ภูน้ำหยด

พื้นที่ ที่มีหลักฐานชัดเจนว่าเคยเป็นไหล่ทวีปใต้ท้องทะเลดึกดำบรรพ์ เกิดในช่วงตอนปลายยุคเพอร์เมียน ประมาณ 240 ล้านปีก่อน ซึ่งเกิดจากการยกตัวของเปลือกโลกที่มีการสะสมของหินปูนใต้ทะเล ทำให้หินปูนตรงจุดที่ยกตัวขึ้นมานั้นได้รับผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิและแสงแดด จึงเกิดการแตกกระจายเป็นก้อนเล็กก้อนน้อย ปัจจุบันได้รับฉายาเป็น “มหัศจรรย์แผ่นดินเพชรบูรณ์” แหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ที่น่าสนใจและยังเป็นแหล่งศึกษาธรณีวิทยาให้กับผู้ที่สนใจเข้ามาศึกษาหาความรู้อีกด้วย

สถานที่ตั้ง : บ้านยางจ่า ตำบลภูน้ำหยด อำเภอวิเชียรบุรี จังหวัดเพชรบูรณ์

11.แม่ฮ่องสอน – ปาย จุดชมวิวทะเลหมอกหยุนไหล

เป็นอีกหนึ่งสถานที่สุดโรแมนติก ที่ยังคงรอคอยให้นักท่องเที่ยวจากทั่วทุกสารทิศเดินทางมาสัมผัสอากาศหนาวเย็นและทะเลหมอกยามเช้าอันเป็นเสน่ห์ของอำเภอปาย จุดชมวิวทะเลหมอกหยุนไหลสามารถเดินทางเข้าชมได้ทั้งฤดูฝนและฤดูหนาว และยังสามารถมองเห็นบรรยายกาศวิวทิวเขาแบบพาโนราม่าโดยรอบและเมืองปายทั้งเมืองได้ในภาพเดียวกัน แถมยังมีระเบียงชมวิวและจุดถ่ายภาพน่ารักๆ หลายจุด จุดคล้องกุญแจคู่รัก ป้ายร้อยที่บอกรัก เพื่อให้คู่รักได้มาเติมความหวานซึ่งกันและกัน และศาลาสำหรับนั่งชมวิว รับแสงแดดอุ่นๆ ยามเช้า  ที่นี่ยังมีบริการเครื่องดื่มชาร้อนให้จิบไปชมวิวไปในตัว ในราคาชุดละ 20 บาท

สถานที่ตั้ง : หมู่บ้านสันติชล ตำบลเวียงใต้ อำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน

12.อุตรดิตถ์ – สกายวอล์คห้วยน้ำรี

สายธรรมชาติไม่ควรพลาด จุดชมวิวทิวทัศน์อ่างเก็บน้ำห้วยน้ำรีในมุมสูง มีลักษณะเป็นสะพานคอนกรีตเสริมเหล็กความยาว 720 เมตร สำหรับชมพระอาทิตย์ขึ้นและตก เปิดให้เข้าชมฟรี ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00 -16.00 น.

พิกัด : https://goo.gl/maps/5dSiE3naFnMgTUxz5

13.อุทัยธานี – ส้มซ่ากาแฟ TONE Cafe   

ส่วนสายคาเฟ่ ต้องห้ามพลาดเมื่อมาเมืองอุทัยธานี ต้องมาเช็คอินที่ร้านคาเฟ่เล็ก ๆ ที่แสนอบอุ่น TONE CAFÉ เพราะที่นี่มีเมนูกาแฟส้มซ่าที่เป็น Signature ของร้าน โดยส้มซ่าเป็นผลไม้ขึ้นชื่อของ จ.อุทัยธานี เปลือกหอมเป็นเอกลักษณ์ เปรี้ยว หวาน เมื่อนำมาผสมกับกาแฟจะได้รสชาติที่กลมกล่อมอย่างลงตัว

สถานที่ตั้ง : ซอยสุขเกษม ตำบลอุทัยใหม่ อำเภอเมือง จังหวัดอุทัยธานี

พิกัด : https://goo.gl/maps/CisbqQq9oEscQFD18

14.กำแพงเพชร – KEY café & gallery

อีกหนึ่งคาเฟ่สุดฮิป ที่สาย Café Hopping ต้องตามมาเช็คอินเช่นกัน เพราะที่นี่ไม่ได้เป็นแค่คาเฟ่อย่างเดียว ตัวร้านยังตกแต่งด้วยสไตล์ลอฟท์เก๋ๆ มีมุมให้ถ่ายรูปชิคๆ ไปอวดเพื่อนๆ บนโซเชียลมากมาย พร้อมเมนูที่มีให้เลือกหลากหลาย ทั้งเครื่องดื่ม และเบเกอรี่ ที่มีทั้ง Homemade และนำเข้าจากต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็น Americano Orange ที่ใช้ส้มคั้นสดทุกวัน Croissant นำเข้าจากประเทศฝรั่งเศส อร่อยฟิน นามะช็อกโกแลตสดสูตร signature ที่ทางร้านคิดค้นขึ้นมาไม่แพ้ต้นตำรับญี่ปุ่นแท้ ๆ และ Earl grey Scone สูตรเด็ดของทางร้าน บอกเลยว่าหากไปแล้วเจอต้องรีบคว้าเพราะหมดเร็วมาก

สถานที่ : สายเลี่ยงเมือง อำเภอเมือง จังหวัดกำแพงเพชร

พิกัด : https://goo.gl/maps/JoXpFNzYxdNKcYje6

15.สุโขทัย – วัดเชิงคีรี

วัดเชิงคีรี หรือ วัดตีนเขาเป็นวัดที่มีความเก่าแก่ 700 ปีมีหลักฐานทางโบราณสถานที่หลงเหลือมาถึงปัจจุบัน คือ โบสถ์และพระพุทธรูปสัมฤทธิ์ หลวงพ่อโต เป็นพระพุทธรูปหน้าตักกว้าง 100 นิ้ว สูง 138 นิ้ว นับว่าเป็นพระพุทธรูปสัมฤทธิ์ที่มีหน้าตักกว้างที่สุดใน จ. สุโขทัย และนอกจากนี้ภายในยังมี พระพุทธรูปสัมฤทธิ์ อีก 2 รูป ที่ชาวบ้านเรียกชื่อว่า ปลัดซ้าย และปลัดขวา

ส่วนตัวโบสถ์ยังคงความเก่าแก่ สร้างขึ้นด้วยอิฐและศิลาแลง ปัจจุบันทรงเดิมยังคงอยู่แต่ด้านหน้าได้บูรณะขึ้นใหม่ ในอดีตโบสถ์นี้ใช้เป็นที่ถือน้ำพิพัฒน์สัตยาของเจ้าเมืองสวรรคโลก ด้านข้างโบสถ์ของหลวงพ่อโต เป็นอาคารจตุรมุขที่สร้างขึ้นใหม่ เป็นที่ประดิษฐานรอยพระพุทธบาทสมัยสุโขทัย มีเนินเขาทางด้านหลังวัด เดิมมีมณฑปไม้ประดิษฐานรอยพระพุทธบาททำด้วยหินชนวน สร้างขึ้นโดยพระมหาธรรมราชาลิไทย กษัตริย์แห่งราชวงศ์พระร่วง พระพุทธบาทแลบ หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า พระตีนแลบ (เท้าแลบยื่นออกมาผิดปกติกว่าพระพุทธรูปโดยทั่ว ๆ ไป) เป็นพระพุทธรูปปางสมาธิ ตั้งอยู่ที่มณฑปด้านทิศตะวันตกเฉียงเหนือของโบสถ์หลวงพ่อโตและในมณฑปยังมีพระพุทธรูปสัมฤทธิ์สมัยสุโขทัยอีกหลายองค์

ทางวัดเปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 07.00-18.00 น. ไม่มีค่าใช้จ่าย

ติดต่อสอบถามได้ที่ เจ้าอาวาสวัดเชิงคีรี โทร. 092 486 4841

สถานที่ : อ.ศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย

พิกัด : https://goo.gl/maps/M58BWLRBoKiqS15HA

16.ลำปาง – วัดพุทธบาทสุทธาวาส หรือวัดพระบาทปู่ผาแดง

วัดพระพุทธบาทสุทธาวาส เดิมชื่อวัดเฉลิมพระเกียรติ พระจอมเกล้าราชานุสรณ์ (วัดพระบาทปู่ผาแดง) หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า ดอยม่อนปู่ยักษ์ (ดอยพระบาทปู่ผาแดง) ความแปลกของวัดนี้คือ มีองค์เจดีย์น้อยใหญ่กระจายไปตามยอดภูเขาหินปูน แถมยังมีรอยพระพุทธบาทของพระพุทธเจ้าจารึกไว้บนแผ่นหินขนาดใหญ่ รวมถึงปล่องลมมหัศจรรย์ที่มีลายหินงาม และเตาหินปูนแบบโบราณ จึงทำให้ที่นี่ได้รับการยกย่องเป็นแหล่งท่องเที่ยว โดยวัดนี้แบ่งออกเป็น 2 ชั้น คือวัดในบริเวณชั้นล่าง ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถขับรถไปจอดบริเวณหน้าวัดได้ และวัดบริเวณชั้นบนตั้งอยู่บนยอดเขา ซึ่งมีวิวทิวทัศน์สวยงามสามารถมองเห็นอำเภอแจ้ห่มได้ทั้ง 360 องศา สามารถเข้าชมได้ทุกเวลา

สถานที่ตั้ง :ตำบลวิเชตนคร อำเภอแจ้ห่ม ลำปาง

พิกัด : https://goo.gl/maps/kcy3uuK9fQ5SCR7y5

17.พิษณุโลก – ซับบอร์ด ล่องแม่น้ำน่าน

เอาใจสายแอดแวนเจอร์กับกิจกรรมผจญภัยทางน้ำด้วยกีฬาสุดชิคอย่างพายซับบอร์ด ล่องแม่น้ำน่าน ที่จะให้คุณดื่มดำกับธรรมชาติสองฝั่งแม่น้ำน่านที่ไหลผ่านกลางเมือง สัมผัสวิถีชีวิตชุมชนชาวแพและสุดแสนจะโรแมนติกกับบรรยากาศแสงอาทิตย์ยามเย็น รวมระยะทางประมาณ 5.5 กิโลเมตร

สถานที่ตั้ง: สนใจสามารถติดต่อคุณแฮม โทร.088 281 4691 หรือ 095 6299 352

และนี่คือ 17 สถานที่ท่องเที่ยวภาคเหนือ ที่มีความสวยงาม ซึ่งหลายคนอาจจะยังไม่เคยรู้จัก หรือบางคนอาจจะรู้จักแต่ยังไม่เคยไปสัมผัส ดังนั้น อย่ารอช้า ออกมาเปิดประสบการณ์ใหม่กับการเที่ยวแบบทิพย์ๆ กันให้สนุก พร้อมปักหมุดรอไว้เลย หลังหมดโควิด ต้องไปโดนแน่นอน

 


แชร์ :

You may also like