HomeBrand Move !!เผยโฉมแล้ว ภัตตาคารแรกในไทย ของ ‘อลัง ดูคาส’ เชฟเจ้าของมิชลินสตาร์จำนวนมากที่สุดในโลก

เผยโฉมแล้ว ภัตตาคารแรกในไทย ของ ‘อลัง ดูคาส’ เชฟเจ้าของมิชลินสตาร์จำนวนมากที่สุดในโลก

แชร์ :

เชฟ อลัง ดูคาส เชฟชื่อดังระดับตำนาน เจ้าของรางวัลการันตีผลงานมากที่สุดคนหนึ่งของโลก และเป็นเมนเทอร์ผู้ถ่ายทอดวิชาความรู้ให้แก่เชฟระดับมิชลินสตาร์ทั่วโลกมาแล้วมากมายหลายสิบคน วันนี้ เปิดภัตตาคารภายใต้ชื่อของตนเองแห่งแรกในกรุงเทพฯ  ณ ชั้น 1 อคอนลักซ์, ไอคอนสยาม ภายหลังจากจัดงานเลี้ยงสุดเอ็กซ์คลูซีฟให้กับแขกคนสำคัญ

ADFEST 2024

Santos Or Jaune

เชฟ อลัง ดูคาส กล่าวว่า “‘Blue by Alain Ducasse’ มีความพิเศษและอัตลักษณ์อันโดดเด่นที่จะสร้างความแตกต่างให้กับกรุงเทพฯ ด้วยการนำเสนอเมนูอาหารฝรั่งเศสร่วมสมัยที่ผมรังสรรค์ขึ้นด้วยตนเอง โดยใช้วัตถุดิบที่คัดสรรอย่างพิถีพิถัน ให้ทุกคนได้ลิ้มรสชาติอาหารที่สุดพิเศษ ท่ามกลางบรรยากาศการจัดตกแต่งร้านอันวิจิตร พร้อมชมทัศนียภาพอันงดงามของแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งทั้งหมดนี้จะมอบประสบการณ์อันแสนตราตรึงให้กับทุกคน”

“Blue by Alain Ducasse  ไม่ใช่ภัตตาคารที่เป็นทางการมากจนเกินไป แม้ว่าจะมีความพิเศษสุด แต่ก็พร้อมให้การต้อนรับทุกๆ คน และเป็นสถานที่ที่ผู้คนสามารถมาผ่อนคลายได้อย่างแท้จริง ดื่มด่ำไปกับประสบการณ์เหนือระดับ เพลิดเพลินไปกับบรรยากาศแสนพิเศษ ทัศนียภาพอันงดงาม และที่สุดของบริการ ไวน์ชั้นเยี่ยม และอาหารเลิศรส” เชฟ อลัง ดูคาส กล่าว

Blue by Alain Ducasse ได้รับการรังสรรค์ขึ้นด้วยเงินลงทุนมากถึง 240 ล้านบาทซึ่งเป็นจำนวนที่มากเป็นประวัติการณ์ และคาดว่าช่วยยกระดับสถานะความแข็งแกร่งของกรุงเทพมหานคร ในฐานะจุดหมายปลายทางที่เป็นสวรรค์ของสุนทรียะแห่งอาหารเลิศรส (Gastronomic Destination) ให้แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น

คุณชฎาทิพ จูตระกูล กรรมการ ไอคอนสยาม และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด กล่าวว่า “ไอคอนสยามคือจุดหมายปลายทางที่รวบรวมสิ่งที่ดีที่สุดของไทยและสิ่งที่ดีที่สุดของโลกเข้าไว้ด้วยกัน โดยในปัจจุบันไม่มีเชฟคนใดที่ยิ่งใหญ่ไปกว่า อลัง ดูคาส ซึ่งเป็นผู้ที่ครอบครองมิชลินสตาร์จำนวนมากที่สุดในโลก เหนือกว่าเชฟทุกคนที่ยังมีชีวิตอยู่ ดังนั้นการเปิดภัตตาคาร Blue by Alain Ducasse จึงเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จของการทำตามคำมั่นสัญญาที่ไอคอนสยามได้ให้ไว้กับประเทศไทย โดยการเปิดภัตตาคารแห่งนี้นอกจากจะเป็นการนำอีกหนึ่งที่สุดแห่งประสบการณ์อาหารเลิศรสมายังกรุงเทพฯ แล้ว ยังช่วยยกระดับกรุงเทพฯ ให้เป็นหนึ่งในเมืองชั้นนำของโลก ที่เป็นจุดหมายปลายทางที่มอบสุดยอดประสบการณ์ให้แก่ผู้มาเยี่ยมเยือนทุกคน เช่นเดียวกับในมอนติคาร์โล  ปารีส และลอนดอน ซึ่งเป็นที่ตั้งของภัตตาคารระดับ มิชลินสตาร์ของเชฟ อลัง ดูคาส รวมทั้งในโตเกียว ฮ่องกง และสิงคโปร์”

คุณชฎาทิพ กล่าวว่า “ภัตตาคาร Blue by Alain Ducasse จะช่วยส่งเสริมภาคส่วนอื่นๆ ในระบบเศรษฐกิจ เช่น โรงแรมระดับไฮเอนด์หลายแห่งในกรุงเทพฯ ที่จะมีตัวเลือกด้านประสบการณ์การรับประทานอาหารระดับไฟน์ไดนนิ่งเพิ่มขึ้นสำหรับแขกที่มาเข้าพัก นอกจากนั้น ภัตตาคารแห่งนี้จะช่วยขับเคลื่อนแม่น้ำเจ้าพระยาบนเวทีระดับนานาชาติ ในฐานะจุดหมายปลายทางระดับโลกแห่งใหม่ที่ดึงดูดผู้มาเยือนที่เป็นกลุ่มผู้นำทางความคิดเป็นจำนวนมากขึ้นให้มาชื่นชมความงดงามของแม่น้ำสายสำคัญนี้”

คุณวิลฟริด ฮ็อคเกต เอ็กเซกคิวทีฟ เชฟ ของ Blue by Alain Ducasse คือเชฟผู้มีประสบการณ์การทำงานในภัตตาคารระดับมิชลินสตาร์ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ซึ่งก็คือร้าน ‘Le Louis XV by Alain Ducasse’ ภัตตาคารระดับมิชลินสตาร์ 3 ดวง ที่โรงแรม Hotel de Paris Monte Carlo โดย มร. วิลฟริด เป็นผู้ที่มีประสบการณ์การทำงานรวมกว่า 20 ปี และเกือบทั้งหมดอยู่ในภัตตาคารระดับมิชลินสตาร์

ภัตตาคาร Blue by Alain Ducasse จะเปิดบริการสำหรับประชาชนทั่วไปตั้งแต่วันที่ 2 ธันวาคม 2562 นี้ เป็นต้นไป โดยเริ่มที่ opening menu ซึ่งจะมีการเปลี่ยนแปลงไปตามฤดูกาล

  • เมนูเรียกน้ำย่อย ได้แก่ ‘หอยเชลล์จากฮอกไกโด เสิร์ฟพร้อมเฮิร์บ ผักสลัด และน้ำสลัดทรัฟเฟิล’ (1,150 บาท++) ซึ่งเป็นส่วนผสมที่ลงตัวของเฮิร์บและสลัดที่สะท้อนแนวรสนิยมของลูกค้าชาวไทย ด้วยการเลือกใช้วัตถุดิบจากท้องถิ่น เป็นการผสมผสานอย่างลงตัวระหว่างผลิตผลที่ดีที่สุดของไทยและของโลก โดยคัดสรรหอยเชลล์จากฮอกไกโด ผักสดนำเข้าตามฤดูกาลเพื่อมาเติมเต็มรสชาติให้กับผักสดที่ปลูกในฟาร์มแบบออร์แกนิกในประเทศไทย ส่วนเฮิร์บจะนำมาทำเป็นเครื่องปรุงไว้ตรงกลาง เสริมรสชาติด้วยพาเมซานชีส แอนโชวี่ น้ำมันมะกอก พริก Espelette จากฝรั่งเศส กระเทียมย่าง และทรัฟเฟิลดำ และเพิ่มเติมความละเมียดของรสชาติสลัดด้วยน้ำสลัดทรัฟเฟิลดำ เมนูจานนี้มีความสมดุลของความสดชื่น รสอ่อนๆ ของสลัด และเครื่องปรุงรสที่มีความจัดจ้าน ซึ่งมาช่วยเสริมรสชาติให้กับความหวานของหอยเชลล์ได้เป็นอย่างดี” คุณวิลฟริด กล่าว

  • อีกหนึ่งเมนูเรียกน้ำย่อยที่น่าลิ้มลอง คือ ‘เนื้อปู เสิร์ฟพร้อมวุ้นน้ำมะเขือเทศและคาเวียร์ทอง’ (1,950 บาท++) ใช้มะเขือเทศ 3 ชนิด พร้อมด้วยวุ้นน้ำมะเขือเทศที่ใช้เวลาในการทำนานกว่า 12 ชั่วโมง มีกลิ่นหอมชวนรับประทาน เคล้าเครื่องเทศและพริก ประดับด้วยไข่ปลาคาเวียร์ทองอันเลอค่าที่คัดสรรมาเพื่อภัตตาคารภายใต้ชื่ออลัง ดูคาส คุณวิลฟริด กล่าว

  • สำหรับอาหารจานหลักหลายรายการ คุณวิลฟริด เลือกนำเสนอ ‘ล็อบสเตอร์ย่าง กะหล่ำปลีซาวอย และแอปเปิ้ลกาล่า’ (2,250 บาท++)

“อาหารจานนี้เป็นตัวแทนที่สมบูรณ์แบบของสิ่งที่เราทำ นั่นคือ เรานำสูตรอาหารฝรั่งเศสแบบดั้งเดิมมาปรับให้ทันสมัยมากยิ่งขึ้น เรานำเสนอล็อบสเตอร์ย่างที่ผ่านการทำให้สุกในน้ำก่อนแล้วจึงนำมาย่างด้วยไฟอ่อนๆ เสิร์ฟพร้อมกับซอส Homardine เบาๆ ซึ่งจะเป็นที่ชื่นชอบของลูกค้าชาวไทย โดยมีส่วนผสมของน้ำแอปเปิ้ลเล็กน้อยที่ให้ความสดชื่นกำลังดี ในขณะที่เนื้อของล็อบสเตอร์จะช่วยเติมเต็มความสมบูรณ์แบบให้ครบทุกมิติ และเมนูนี้ เรานำเข้ากะหล่ำปลีซาวอยซึ่งเป็นที่ต้องการอย่างมาก เนื่องจากเป็นไฮไลท์สำคัญที่มีเฉพาะฤดูกาลเพียงไม่กี่เดือนในช่วงฤดูหนาวที่ประเทศฝรั่งเศส” มร. วิลฟริด กล่าว

คุณอเล็กซ์ คัฟลีย์ ผู้จัดการทั่วไปของ Blue by Alain Ducasse กล่าวว่า “พนักงานบริการทุกคนมีบทบาทสำคัญในการส่งมอบประสบการณ์เหนือระดับทุกด้านตามแบบฉบับของ อลัง ดูคาส โดยมีความมุ่งมั่นในความสมบูรณ์แบบและมีทัศนคติที่เป็นเลิศ  เพื่อให้มั่นใจว่าทุกครั้งที่ลูกค้ามาใช้บริการที่ Blue by Alain Ducasse ทุกคนจะได้รับความพึงพอใจและประทับใจอยู่เสมอ ซึ่งเป็นส่วนผสมหนึ่งที่สำคัญที่สุดในสูตรลับสู่ของความสำเร็จของเรา”

ก่อนหน้านี้ อเล็กซ์ เป็นผู้ดูแลการเปิดภัตตาคาร ‘Alain Ducasse at Morpheus’ ในมาเก๊า ซึ่งได้รับดาวมิชลินสตาร์ 2 ดวงตั้งแต่ปีแรกที่เปิดให้บริการ

Blue by Alain Ducasse มาพร้อมกับที่สุดของงานตกแต่งภายในที่รังสรรค์ขึ้นภายใต้ความเชื่อของเชฟ อลัง ดูคาส ซึ่งเชื่อมั่นในการสร้างประสบการณ์อย่างรอบด้านให้กับลูกค้า โดยเป็นผลงานการออกแบบของ Jouin-Manku ซึ่งเป็นดีไซน์สตูดิโอชั้นนำด้านการออกแบบพื้นที่จากกรุงปารีส นำโดย ดีไซเนอร์ชาวฝรั่งเศส Patrick Jouin และสถาปนิกชาวแคนาดา Sanjit Manku เป็นผู้รับผิดชอบการออกแบบให้กับภัตตาคารระดับ 3 มิชลินสตาร์ทุกแห่งของอลัง ดูคาส โดย Blue by Alain Ducasse มีบรรยากาศและการตกแต่งที่วิจิตรหรูหราแต่ไม่เป็นทางการจนเกินไป ด้วยสีน้ำเงิน ทอง ครีม และไม้ธรรมชาติเป็นธีมหลัก มอบความรู้สึกสบายและผ่อนคลายให้แก่ลูกค้าผู้มาใช้บริการ

ลูกค้าผู้มาใช้บริการ จะได้รับการต้อนรับเข้าสู่โถงผนังไม้ ที่สามารถมองผ่านเข้าไปถึงเลานจ์ที่โอบล้อมด้วยต้นวอลนัทและประทีปทองเหลือง ปลุกเร้าความสนใจใคร่รู้ให้ลูกค้าอยากเห็นพื้นที่ด้านใน โดยเลานจ์แห่งนี้จะเป็นพื้นที่เงียบสงบและเป็นส่วนตัว ซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจากอุทยานสไตล์ ‘bosquets’ ในพระราชวังแวร์ซายส์ รองรับได้ 24 ที่นั่ง เปิดให้บริการทุกวันตั้งแต่เวลา 11.00 น. เป็นต้นไป เสิร์ฟเครื่องดื่มและของว่างตลอดทั้งวัน รวมทั้งมีชายามบ่ายไว้ให้บริการ

เมื่อเข้าไปด้านใน ลูกค้าผู้มาใช้บริการจะเริ่มเห็นพื้นที่หลักของภัตตาคารสำหรับรับประทานอาหารซึ่งอยู่ภายใต้โคมระย้าอันงามสง่าด้วยพื้นผิวที่เป็นรอยจีบสีครีม ยึดไว้กับเพดานไม้ ส่องแสงเป็นประกายระยิบระยับ ขับกับผนังสีน้ำเงินรอยัลบลูที่หรูหราเลอค่า พร้อมกับกระจกหน้าต่างสูงจากพื้นจรดเพดานเปิดรับทัศนียภาพอันงดงามของแม่น้ำเจ้าพระยาและกรุงเทพมหานคร พื้นที่ส่วนนี้ยังมีห้องส่วนตัวอีก 2 ห้อง เปิดให้บริการทุกวันสำหรับอาหารกลางวันตั้งแต่ 12.00 น. ถึง 14.00 น. และอาหารค่ำตั้งแต่ 18.30 น. โดยปิดรับออเดอร์สุดท้ายเวลา 21.00 น.

 


แชร์ :

You may also like