HomePR NewsMegabangna ตอกย้ำ “Meeting Place” ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งกรุงเทพตะวันออก [PR]

Megabangna ตอกย้ำ “Meeting Place” ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งกรุงเทพตะวันออก [PR]

แชร์ :

เมกาบางนา ชูคอนเซ็ปต์สุดยอดแหล่งช้อปปิ้งและสถานที่ของการพบปะสังสรรค์ ดึงลูกค้า กิน – ช้อป – เที่ยว ครบวงจรที่สุด ให้ลูกค้าอยู่ได้ทั้งวัน ตั้งแต่เช้าจรดเย็น เสริมแม็กเนตเอ็ดดูเทนเม้นท์ จับมือฮาร์เบอร์แลนด์, มูฟเม้นท์เพลย์กราวด์ พร้อมเผยโฉมใหม่ เมกา สมาร์ทคิดส์รวมกว่า 17 สถาบันส่งเสริมทักษะสำหรับเด็กชั้นนำ พร้อมนำเสนอ
เมกาพาร์ค เมกาบางนา ชูแนวคิด “Meeting Place” สุดยอดแหล่งช้อปปิ้งและสถานที่พบปะสังสรรค์ที่เป็นศูนย์รวมของทุกคนในครอบครัว รองรับทุกเจนเนอเรชั่น ตั้งแต่วัยเด็กไปจนถึงกลุ่มคนสูงอายุ ให้สามารถพบปะสังสรรค์และทำกิจกรรมร่วมกันได้อย่างครบวงจร ทั้งรับประทานอาหาร ช้อปปิ้ง และกิจกรรมสันทนการต่างๆ โดยในปีนี้เตรียมทยอยผุดแม็กเนตด้านเอ็ดดูเทนเม้นท์อย่างต่อเนื่อง ให้ลูกค้าสามารถใช้เวลาอยู่ในเมกาบางนาได้มากกว่าแค่การช้อปปิ้งโดยเป็นพื้นที่เติมเต็มประสบการณ์ไลฟ์สไตล์ในทุกด้านของลูกค้าในปีที่ผ่านมาสามารถเพิ่มยอดผู้เข้ามาใช้บริการภายในศูนย์ฯ มากกว่า 15% นำไปสู่การเพิ่มยอดการใช้จ่ายของลูกค้าได้อย่างต่อเนื่องและยั่งยืนพร้อมต่อยอดสู่ “เมกาซิตี้” โปรเจ็คอสังหาริมทรัพย์รูปแบบ “มิกซ์ยูส” พื้นที่กว่า 400 ไร่ บนถนนบางนา-ตราด เมืองขนาดใหญ่สำหรับการใช้ชีวิตแบบครบวงจร มูลค่าการลงทุนกว่า 67,000 ล้านบาท รองรับการขยายตัวเศรษฐกิจในย่านบางนา และการก่อสร้างสนามบินสุวรรณภูมิเฟส 2,3 และ 4 ที่คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปี 2564 นี้

ADFEST 2024

Santos Or Jaune

นางสาวปพิตชญา สุวรรณดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ศูนย์การค้าเมกาบางนา กล่าวว่า “ในปีนี้ศูนย์การค้าเมกาบางนา ตอกย้ำแนวคิดการเป็น “The Great Meeting Place of Eastern Bangkok” เป็นทิศทางหลักในการขับเคลื่อนตัวศูนย์และเปลี่ยนมุมมองที่มีต่อศูนย์การค้าในการมาเพื่อจับจ่ายซื้อของให้มาเป็นสถานที่ที่มอบประสบการณ์ใหม่ๆ สำหรับการใช้ชีวิตของผู้คน และทำให้ทุกคนสามารถเข้ามาใช้บริการได้ โดยแบ่งรูปแบบของประสบการณ์เป็น 3 กลุ่ม
แม็กเนต คือ

  1. MEET with Your Shopping Style เมกาบางนานำเสนอประสบการณ์ความเป็น วัน-สต็อป ช้อปปิ้ง (One-Stop Shopping) ด้วยร้านค้ากว่า 900 ร้านค้า ครอบคลุมทุกประเภทสินค้าและไลฟ์สไตล์ สำหรับทุกเจเนอเรชั่น ซึ่งเมกาบางนาเป็นศูนย์การค้าแห่งแรกในประเทศไทยที่อยู่นอกเขตศูนย์กลางธุรกิจของกรุงเทพฯ (Central Business District: CBD) ที่เพียบพร้อมไปด้วยแบรนด์แฟชั่นระดับอินเตอร์เนชั่นแนลแฟลกซิปสโตร์ และร้านอาหารยอดนิยมจำนวนมากที่ได้ยกเอาร้านค้าสุดอินเทรนด์จากใจกลางเมืองมามอบความสุขให้กับลูกค้าโซน นอกเมือง โดยในปีทีผ่านมา เมกาบางนาได้ต้อนรับร้านค้าใหม่มากกว่า 100 ร้านค้า เพื่อเป็นการปรับเปลี่ยนร้านค้าที่ทันสมัยให้สอดคล้องกับความต้องการของกลุ่มลูกค้าอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ เรายังตอบรับความต้องการของคู่ค้าเดิมในการขยายพื้นที่ร้านค้า เช่น โฮมโปร ขยายพื้นที่กว่า 10% EVEANDBOY ย้ายพื้นที่เพื่อขยายพื้นที่ขายมากกว่า 3 เท่า อีกทั้งการรองรับแบรนด์ร้านค้าชื่อดังจากออนไลน์ Pomelo และในปี 2019 ยังมีร้านค้าแบรนด์ดังที่จะเตรียมเปิดให้บริการอีกเป็นจำนวนมากกว่า 50 ร้าน อาทิ Teppen, Red Diamond, Vans, Lamy เป็นต้น
  2. MEET with Your Favorite Taste เมกาบางนามีความโดดเด่นชัดเจนในด้านการเป็น “ฟู้ด เดสทิเนชั่น” ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งกรุงเทพตะวันออก ด้วยร้านอาหารมากมายให้เลือกสรรถึง 165 ร้าน โดยในปีที่ผ่านมา เมกาบางนาได้เปิดตัวส่วนขยาย “เมกา ฟู้ดวอล์ค” (Mega FoodWalk) ซึ่งเป็นโซนร้านอาหารชื่อดังกว่า 30 ร้าน ทั้งร้านอาหารอร่อยระดับตำนาน ร้านดังขวัญใจนักชิม หรือร้านอร่อยสุดฮิตซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดีจากกลุ่มลูกค้าเป็นส่วนสำคัญในการช่วยเพิ่มจำนวนผู้มาเยี่ยมชมศูนย์ฯ กว่า 15%
  3. MEET with Your Fun Day out ในปีนี้เมกาบางนา เตรียมทยอยเปิดตัวส่วนต่อขยายโซนเอ็ดดูเทนเม้นท์หลายแห่งภายในไตรมาสแรกเพื่อเติมเต็มประสบการณ์การใช้ชีวิตในทุกไลฟ์สไตล์ที่ครบวงจรของลูกค้าทุกกลุ่ม ให้สามารถมาที่ศูนย์ฯ แล้วได้มากกว่าการมาช้อปปิ้ง และสามารถใช้เวลาอยู่ภายในศูนย์ได้เกือบตลอดทั้งวัน ได้แก่ เมกาพาร์ค สวนสาธารณะบนพื้นที่กว่า 7 ไร่ ที่เปิดให้บริการตั้งแต่ 6 โมงเช้าเป็นพื้นที่สีเขียวและปอดแห่งใหม่ของชาวบางนา ที่มีสนามเด็กเล่นพร้อมเครื่องเล่นสำหรับเด็กที่มีมาตรฐานปลอดภัย อาทิ บ้านต้นไม้ น้ำพุ และน้ำตกจำลอง และยังเปิดให้เป็นพื้นที่พักผ่อนสำหรับคนรักสัตว์เลี้ยง ให้สามารถนำสัตว์เลี้ยงเข้ามาร่วมกิจกรรมต่างๆ ได้ รวมถึงร้าน Pet Club ที่เตรียมเปิดให้บริการในเดือนมิถุนายนนี้ นอกจากนี้ทาง ฮาร์เบอร์แลนด์ สนามเด็กเล่นในร่มขนาดใหญ่ รวมพื้นที่กว่า 8,500 ตารางเมตร ภายใต้ธีม “Happy Farm ฟาร์มสนุก ความสุขของทุกคนในครอบครัว” ครอบคลุมทุกช่วงวัย พร้อมด้วยคุณภาพและมาตรฐานความปลอดภัย โดยใช้ผู้ผลิตเครื่องเล่นชั้นนำระดับโลก พร้อมเปิดให้บริการในเดือนเมษายนนี้ รวมทั้ง มูฟเม้นท์เพลย์กราวด์ โซนกีฬากลางแจ้งกว่า 1 ไร่ที่สอดรับกับเทรนด์เอ็กซ์ตรีมสปอร์ต และการแข่งขันรูปแบบนินจาวอริเออร์ ที่เน้นความแข็งแกร่งของร่างกาย และกำลังได้รับความนิยมในกลุ่มวัยรุ่น ที่เตรียมเปิดให้บริการภายในเดือนเมษายนนี้เช่นกัน

นอกจากนี้ ยังเสริมความแข็งแกร่งโดยการขยายโซนเมกา สมาร์ทคิดส์ เพิ่มโรงเรียนเสริมทักษะความรู้ชั้นนำ เพื่อรองรับการเติบโตของกลุ่มครอบครัว อาทิ The Kick, Dance space, Robot’s child, I Can Read!และ Chefu Town, เป็นต้น ทำให้เมกาบางนามีสถาบันกวดวิชาและเสริมทักษะสำหรับเด็กรวมกว่า 17 สถาบัน

“การเปิดแม็กเนตใหม่ๆ เข้ามาในไตรมาสแรกนี้ นับเป็น การเพิ่มจุดเด่นของเมกาบางนาในด้านของการเป็นศูนย์รวมของเอ็ดดูเทนเม้นท์สำหรับทุกคนในครอบครัวที่ครบวงจรอย่างแท้จริงรวมทั้งได้ประโยชน์ในการเพิ่มทั้งจำนวนผู้เข้ามาใช้บริการในกลุ่มใหม่ๆ และเพิ่มระยะเวลาในการเข้ามาใช้บริการภายในศูนย์ฯ ได้อย่างครบวงจร และจะส่งผลดีถึงการเพิ่มยอดการใช้จ่ายของลูกค้าภายในศูนย์ต่อไป” นางสาวปพิตชญา กล่าวเพิ่มเติม

“ในช่วงเวลา 2 ปีที่ผ่านมา เราได้ดำเนินการพัฒนา “เมกาซิตี้” ตามแผนพัฒนาโครงการในรูปแบบ “มิกซ์ ยูส” บนพื้นที่กว่า 400 ไร่ โดยปัจจุบันได้ใช้พื้นที่ไปแล้วกว่า 250 ไร่ และได้รับการตอบรับที่ดีทั้งจากลูกค้าคู่ค้า และนักลงทุนจำนวนมาก เมกาซิตี้จะเป็นเมืองขนาดใหญ่สำหรับการใช้ชีวิตแบบครบวงจร โดยมีศูนย์การค้าเมกาบางนาเป็นศูนย์กลาง ครอบคลุมตั้งแต่พื้นที่สำหรับอยู่อาศัยออฟฟิศสำนักงาน แหล่งช้อปปิ้งหรือแม้กระทั่งสถานที่ในการใช้ชีวิตตามไลฟ์สไตล์อันหลากหลาย เป็นโครงการที่มีศักยภาพในการแข่งขันสูง โดดเด่นเหนือชั้น และพร้อมจะตอบโจทย์ความต้องการในทุกรูปแบบ”

“รวมถึงเมื่อปีที่ผ่านมา ศูนย์การค้าเมกาบางนาได้สนับสนุนงบประมาณ 95 ล้านบาทให้โครงการก่อสร้างสะพานกลับรถแห่งใหม่ในเขตทางหลวงหมายเลข 34 ถนนบางนา – ตราด ช่วงกิโลเมตรที่ 7 ช่วยบรรเทาปัญหาการจราจรบริเวณถนนบางนา – ตราด และชุมชนรอบเมกาบางนา ทั้งยังช่วยลดอุบัติเหตุในพื้นที่และเป็นการพัฒนาโครงข่ายทางหลวงหลักในเส้นทางสายตะวันออก และเพื่อรองรับการเติบโตของเศรษฐกิจและกำลังซื้อของประชาชนในย่านบางนา ซึ่งได้พัฒนาเป็น “ฮับ” ยุทธศาสตร์สำคัญ ศูนย์รวมของการเดินทางและการขนส่งในอนาคต” นางสาวปพิตชญา กล่าวสรุป


แชร์ :

You may also like