HomePR News“โฮบาร์ท” ทุ่มงบตลาดเกือบ 10 ล้านปรับแผนรับมือคู่แข่ง นำสินค้านำเข้าระดับกลางเจาะลูกค้าดันรายได้โต 10% [PR]

“โฮบาร์ท” ทุ่มงบตลาดเกือบ 10 ล้านปรับแผนรับมือคู่แข่ง นำสินค้านำเข้าระดับกลางเจาะลูกค้าดันรายได้โต 10% [PR]

แชร์ :

      

โฮบาร์ทฯ ปรับแผนรับมือนำเข้าเครื่องครัวเชิงพาณิชย์ในประเทศไทยแข่งดุ ทุ่มงบตลาดเกือบ
10 ล้านบาท รุกเจาะสินค้าตลาดกลางมากขึ้น หั่นกำไรลง 10%หวังเพิ่มยอดขาย ทั้งเพิ่มทักษะความเป็นมืออาชีพให้ดีลเลอร์ พร้อมขยายฐานลูกค้าคนไทยเจ้าของรร. 4-5 ดาว ด้านตลาด 
CLMV มั่นใจสร้างรายได้เพิ่ม 20% คาดรายได้รวมโต 10%

ADFEST 2024

Santos Or Jaune

นายวิวัฒน์ วงศ์พิวัฒน์ ผู้จัดการทั่วไป ประจำประเทศไทย และภาคพื้นอินโดจีน บริษัท โฮบาร์ท (ประเทศไทย)จำกัด ในกลุ่มบริษัท ไอ.ที.ดับบลิว. ผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องครัวเชิงพาณิชย์ สำหรับผลิตอาหารได้ในปริมาณที่มาก
และมีอายุการใช้งานของเครื่องที่ยาวนาน ซึ่งเป็น 1 ใน 3 แบรนด์ ที่ติดอันดับโลก มีบริษัทแม่อยู่ที่สหรัฐอเมริกา
เปิดเผยว่า จากการที่สภาวะเศรษฐกิจในประเทศไทยยังไม่ฟื้นตัวดีนัก แต่ในปีนี้จีดีพีมีแนวโน้มที่จะเติบโตขึ้น ขณะเดียวกันการแข่งขันในเข้าสินค้าประเภทเดียวกันกับ “โฮบาร์ท” ก็มีมากขึ้น ซึ่งมีทั้งสินค้าที่นำเข้ามาจากประเทศ
แถบยุโรป ประมาณ 4-5 ราย และประเทศแถบเอเชียประมาณ 10-20 ราย โดยมีทั้งในรูปแบบของการจัดโปรโมชั่นต่าง ๆ ทั้งในเรื่องการผ่อนจ่ายและเช่าซื้อ เพื่อสร้างยอดขายให้ได้มากที่สุด ส่งผลให้ที่ผ่านมาสินค้าในกลุ่มตลาดบนชะลอตัวลง จากเดิมสามารถทำรายได้ได้ในสัดส่วน 60% และสินค้ากลุ่มระดับกลาง สัดส่วน 40% แต่ในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา สัดส่วนรายได้กลับเปลี่ยนเป็น 40:60 โดยสินค้าในกลุ่มเครื่องล้างจาน ของบริษัทฯจะเป็นผู้นำตลาดมาโดยตลอด มีส่วนแบ่งประมาณ 40% จากตลาดรวม แต่ไม่สามารถระบุตัวเลขตลาดรวมได้

ทั้งนี้ เพราะสินค้าในตลาดระดับกลางมีการขยายตัวมากขึ้น ส่งผลให้ในปีนี้บริษัทฯได้มีการปรับแผนที่จะแข่งขันกับสินค้าแบรนด์อื่นได้ โดยเฉพาะสินค้าจากจีน ด้วยการทุ่มงบเกือบ 10 ล้านบาท ในการทำตลาดในประเทศไทย
เพื่อสร้างยอดขายได้มากขึ้น  ตั้งแต่การนำสินค้าตลาดระดับกลางมาเจาะตลาดมากขึ้น และตัดผลกำไรลงประมาณ 10%  เพื่อเพิ่มยอดขายที่มากขึ้น โดยระดับราคาอยู่ที่ตั้งแต่หลักหมื่นจนถึงหลักแสน ซึ่งจะเป็นสินค้าที่มีมาตรฐาน
ผลิตจากประเทศเยอรมนี

อีกทั้งยังมีการนำสินค้าที่ “โฮบาร์ท” ยังไม่เคยนำเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทย แต่มีจำหน่ายในยุโรป
และสหรัฐอเมริกา เข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยเป็นครั้งแรก อาทิ เตาอบไอน้ำ แบรนด์ COMBI OVEN
ซึ่งผลิตที่ประเทศอิตาลี ราคาตั้งแต่กว่า 1แสน-กว่า3แสนบาท, เตาแก๊ส-เตาทอด เชิงพาณิชย์ แบรนด์ VULCAN ซึ่งผลิตที่สหรัฐอเมริกา ราคาหลักหมื่นถึงหลักแสนบาท เป็นต้น

นอกจากนี้บริษัทฯ ยังเน้นการให้ความรู้ความเข้าใจกับดีลเลอร์อย่างใกล้ชิดมากขึ้น โดยให้สามารถนำเสนอสินค้าได้ว่า มีความแตกต่างจากคู่แข่งอย่างไร และการบริการต้องอยู่ในระดับที่ดีเยี่ยมอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความ
เป็นมืออาชีพมากขึ้น  โดยปัจจุบันในประเทศไทยมีดีลเลอร์หลักประมาณ 10 ราย และในประเทศแถบ CLMV (กัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม) อีก 10 ราย กระจายในแต่ละประเทศ

นายวิวัฒน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทฯ มีแผนที่จะเจาะฐานลูกค้าระดับกลางในพื้นที่ใหม่มากขึ้น โดยเน้นกลุ่มโรงแรมระดับ 4-5 ดาวที่มีคนไทยเป็นเจ้าของในแต่ละพื้นที่ด้วย เนื่องจากแต่ละปีมีโรงแรมใหม่ๆเปิดตัวขึ้นมากมาย

ส่วนตลาดต่างประเทศแถบCLMV นั้นจะสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รับรู้มากขึ้น ขณะนี้อยู่ในระหว่างการหาพันธมิตรเพื่อเป็นดีลเลอร์หลักเพิ่มขึ้น ซึ่งนโยบายของบริษัทฯนั้นดีลเลอร์ในแต่ละประเทศจะต้องทำการตลาดร่วมกัน ซึ่งปี 2561 นี้คาดว่าต่างประเทศ จะสามารถสร้างรายได้เพิ่มขึ้นในสัดส่วน 20% จากปี 2560 ที่ทำได้ 12% เนื่องจากขณะนี้ประเทศในแถบ CLMV มีการเปิดตัวโรงแรมระดับ 5 ดาว มากกว่าในประเทศไทยถึงกว่า 2 เท่าตัว ทำให้สินค้าขายได้มากขึ้น

อย่างไรก็ตามในปีนี้คาดว่าบริษัทฯจะมีอัตราการเติบโตประมาณ 10% โดยรายได้จะมีจากสินค้าระดับบน
และระดับกลางในสัดส่วนที่เท่ากันคือ 50:50 และเป็นการขายผ่านดีลเลอร์ 100%

อนึ่ง ปัจจุบัน “โฮบาร์ท” มีสินค้าจำหน่ายทั้งหมด 4 กลุ่ม คือ  1. เครื่องล้างจานจับตลาดระดับบน
ซึ่งผลิตจากประเทศเยอรมนี 2.เครื่องผสมอาหาร ซึ่งผลิตจากสหรัฐอเมริกาและยุโรป 3.เครื่องตัดเนื้อ
และ 4.เครื่องล้างจานจับกลุ่มตลาด
SME  ซึ่งเป็นสินค้าที่ออกแบบและควบคุมคุณภาพจากประเทศเยอรมนี แต่ผลิตที่ประเทศจีน โดยลูกค้าของโฮบาร์ทในปัจจุบันส่วนใหญ่ ยังเป็นตลาดที่มีศักยภาพการเติบโตสูง โดยเฉพาะในกลุ่มเชน อาทิ ซิสเลอร์, เอ็มเค เรสโตรองต์, ภัตตาคารฟูจิ, มิสเตอร์โดนัท, ร้านอาหารสีฟ้า
รวมไปถึงกลุ่มโรงแรมระดับ 5 ดาว อาทิ เซ็นทารา
, อินเตอร์คอนติเนนตัล, ดุสิตธานี และแอคคอร์ เป็นต้น
ซึ่งการนำสินค้าที่หลากหลายเข้ามาเพิ่มขึ้นในปีนี้ นอกจากจะเป็นการตอบสนองความต้องการให้คลอบคลุมเพิ่มมากขึ้นแล้ว แลยังเป็นการขยายตลาดให้หลากหลายเพิ่มมากขึ้นด้วย โดยเฉพาะในตลาดกลุ่ม
SME


แชร์ :